Celeb Online

4 เชฟดังปรุงอาหารไทยสูตรพิเศษ ยกความอร่อยในตำนานให้กลับอีกครั้ง


ห้องอาหารชมสินธุ์ (ChomSindh) โรงแรมอมารี กรุงเทพฯ ชวนผู้ที่หลงใหลในความซับซ้อนของอาหารไทย มาร่วมตามหาสูตรลับที่หายไปกับ Long Lost Recipe ดินเนอร์มื้อพิเศษที่รวมเชฟชื่อดังไว้ถึง 4 คน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6 – 7 มิถุนายน 2567 โดยเชฟมากความสามารถที่จะร่วมสร้างสรรค์อาหารในมื้อนี้ ได้แก่ เชฟบูม – กันต์ยรัตน์ เชฟเบลท์ – เอกชัย แสงกาศนีย์ เชฟบอย – ปิยะชาติ พุทธวงษ์ ผู้เป็นที่ปรึกษาของห้องอาหารชมสินธุ์ และเชฟประวีณ ดีลี หัวหน้าเชฟรุ่นใหม่ไฟแรง


งานนี้คุณจะได้พบกับตัวจริงแห่งวงการอาหารไทย ถึง 4 ท่านพร้อมกัน


• เชฟบูม – กันต์ยรัตน์ เป็นที่รู้จักจากการเป็น 1 ใน 3 ผู้เข้ารอบสุดท้ายรายการแข่งขันทำอาหาร The Next Iron Chef ซีซั่นที่ 2 เชฟบูมสั่งสมประสบการณ์การมากมายทั้งในฐานะเชฟ และเจ้าของร้านอาหารอีก 4 แห่ง ได้แก่ Chunky, ข้าวหนมจีน, Blueshark Café Koh Tao และ Boom’s Cookies


• เชฟเบลท์ – เอกชัย แสงกาศนีย์ ผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจากรายการแข่งทำอาหาร TopChef Thailand ซีซั่นที่ 3 และได้รับคำชื่นชมว่าเป็นเชฟที่สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอาหารไทย ปัจจุบันเชฟเบลท์เป็นเจ้าของร้าน Chunky เป็นที่ปรึกษาให้เชฟ และรับสร้างสรรค์อาหารในงานแบบไพรเวท


• เชฟบอย – ปิยะชาติ พุทธวงษ์ เชฟที่ปรึกษาของห้องอาหารชมสินธุ์ ผู้เชี่ยวชาญทั้งการทำอาหารไทย และอาหารนานาชาติ เชฟบอยเคยทำให้ร้านอาหารไทยที่เขาดูแลคว้าดาวมิชลินมาได้ในปี 2019 และเขามีความเชี่ยวชาญทั้งอาหารคาว และอาหารหวาน


• เชฟประวีณ ดีลี หัวหน้าพ่อครัวของห้องอาหาร ชมสินธุ์ มีความตั้งใจที่จะทำอาหารอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เขาผลักดันหลักการ Zero Waste หรือแนวคิดลดขยะให้เป็นศูนย์ พร้อมใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นทั่วประเทศไทย เชฟประวีณยังได้ปลูกสวนสมุนไพรไว้ที่ชั้น 8 ของโรงแรมอมารี กรุงเทพฯ เพื่อลดการการใช้พลังงานจากการขนส่ง

บรรยากาศแห่งความอบอุ่นจะปกคลุมตลอดมื้อพิเศษใน 2 คืนนี้ เพราะเชฟทั้ง 4 เคยเป็นเพื่อนร่วมสถาบัน วิทยาลัยดุสิตธานี และต่างเฝ้ามองซึ่งกันและกันในเส้นทางการเป็นเชฟอาหารไทย นี่จึงเป็นทั้งการร่วมมือสร้างสรรค์จานพิเศษเพื่อแขกทุกคน และยังเป็นการเฉลิมฉลองที่พวกเขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง


เล่าเรื่องอาหาร ผ่านประเพณีและนวัตกรรม
ตลอดมื้ออาหารในค่ำคืนของ The Long Lost Recipe ท่านจะได้รับประทานอาหารจากเชฟชื่อดังทั้ง 4 ที่จะชวนให้ลิ้มลองสูตรอาหารที่หายไปเนิ่นนาน พร้อมมือระนาดรุ่นใหม่ Fino the Ranad ที่จะมาสร้างบรรยากาศด้วยเสียงดนตรีไทย ให้อาหารอร่อยกว่าเดิม


ตามหาสูตรอาหารที่หายไปกับ The Long Lost Recipe

The Overture – เปิดมื้อด้วยขนมปังที่ทำมาจากข้าวหอมมะลิ เสิร์ฟพร้อมกุ้งแห้ง และเนยใส่น้ำพริก ตามด้วยของว่าง 2 แบบ ได้แก่ ไข่เต่า และทาทาเล่ เชฟบูมจะเริ่มเสิร์ฟจานแรก เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย คือ คาร์ปาชโชปลาเก๋า ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดใส่น้ำมันมะกอก รับประทานคู่กับแตงกวาแช่ว้อดก้า น้ำมันสะระแหน่ มูสเต้าเจี้ยวบนขนมปังปิ้ง พร้อมเนื้อปูและเจลเสาวรส

The Beginning – นำเสนอเมนูพิเศษของเชฟประวีณ ได้แก่ แกงรัญจวน หอมน้ำแกงที่ใส่กะปิอย่างดี พร้อมเนื้อวัวตุ๋น ตะไคร้ ใบโหระพา เสิร์ฟพร้อมโฟมกะทิและผงโหระพา จากนั้นตามด้วยอาหารเรียกย้ำย่อยอีกจาน ได้แก่ ไก่กอและ ซึ่งเชฟจะนำไก่ไปปรุงรสแบบภาคใต้ของไทยและปั่นจนเข้าเนื้อก่อนปรุงสุก เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มอาจาดใส่แตงกวาและหอมแดง

เพื่อล้างปากก่อนเข้าสู่อาหารจานหลัก ทุกท่านจะได้ลิ้มลองซอร์เบต์ข้าวแช่สูตรเชฟบอย ซึ่งจะเสิร์ฟพร้อมเจลที่ทำมาจากดอกไม้กินได้ ชัทนีย์ไชโป๊วหวาน มะม่วงน้ำปลาหวาน สับปะรด และซอสกระชาย

จานหลักในค่ำคืน The Long Lost Recipe มีให้ลิ้มลองถึง 2 เมนูด้วยกัน นั่นคือ กุ้งแม่น้ำรมควันทอดเกลือ เสิร์ฟพร้อมซอสเปลือกกุ้ง และน้ำจิ้มมะขาม รับประทานคู่กับข้าวหอมมะลิ มันกุ้ง และน้ำมันพริก ส่วนจานหลักอีกเมนูคือ เนื้อวากิวของไทยย่างเตาถ่าน เสิร์ฟพร้อมชัทนีย์สับปะรด น้ำจิ้มซีฟู้ด กุ้งหวานเกาะยอ และปลาเค็มทอด โดยเชฟเบลท์เป็นคนคิดและปรุงทั้ง 2 เมนู


The Finale – เมนูพิเศษโดยเชฟบอย
ข้าวเหนียวมะม่วง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมน้ำนมข้าวยาคู กินคู่กับซอสบ๊วยและทองม้วนกรอบ ส่วนขนมกินเล่นปิดท้ายมื้อ หรือ Petit Fours ได้แก่ ขนมถ้วย ขนมเบื้องไส้ฝอยทอง ขนมเปียกปูน และขนมต้มแป้งข้าวเหนียวดำหอมหวานด้วยไส้กระฉีกน้ำตาลมะพร้าว

ข้อมูลเพิ่มเติม www.amari.com/bangkok หรือติดตามโซเชียลมีเดียได้ที่ @AmariBangkok และ @Chomsindhbkk