เปิดประสบการณ์สังสรรค์ส่งท้ายปีแบบมีระดับที่เบียร์เลานจ์แห่งแรกของเมืองไทย The Heineken® Pop Up City Lounge

>>เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงปลายปี ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป นับได้ว่าเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง ทำให้ช่วงค่ำคืนของทุกวัน ผู้คนต่างพากันมองหาสถานที่สังสรรค์สนุกสนานไปกับบรรยากาศแห่งความรื่นเริงของ Festive Season นี้ ซึ่งคงไม่มีที่ไหนจะเหมาะที่คุณจะใช้เวลาแห่งความสุขสันต์ไปกับกลุ่มเพื่อนฝูงหรือคนรู้ใจได้ดีไปกว่าที่ The Heineken® Pop Up City Lounge บริเวณลานด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์

The Heineken® Pop Up City Lounge เป็นเลานจ์คลับปาร์ตี้สุดล้ำที่ตกแต่งอย่างล้ำสมัย เหมาะเป็นสถานที่แฮงเอาต์สุดพรีเมียมสำหรับคนรุ่นใหม่ โดย The Heineken® Pop Up City Lounge เปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ ก่อนที่ประเทศไทยเราจะได้รับเกียรติเป็นประเทศที่ 2 ของโลกเลยก็ว่าได้

The Heineken® Pop Up City Lounge เดินทางมาให้คนไทยเราได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่แห่งการสังสรรค์นี้


ที่ The Heineken® Pop Up City Lounge บริเวณหน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์นี้เป็นการจำลองบรรยากาศของ The Heineken® Pop Up City Lounge มาไว้อย่างครบถ้วน ด้วยโทนสีขาว ให้ความรู้สึกแห่งความล้ำสมัย การดีไซน์ที่แบ่งที่นั่งออกเป็นชั้นๆ โดยบนชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดเป็นที่ตั้งของโต๊ะสุดพิเศษ “Conversation Cocoons” ที่นั่งซึ่งมีพนักโปร่งสูงเป็นฉากกั้นให้เปิดโอกาสให้คุณได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศโดยรอบแบบเป็นส่วนตัวในขณะเดียวกัน

เซตอาหารสุดพิเศษ คือ Open your world ที่มีทั้งเบียร์ไฮเนเก้น พร้อมอาหารว่างอีก 4 ชนิด อย่าง ทรัฟเฟิลฟรายส์, หมูกระเทียม, ปีกไก่ทอด และปลาหมึกข้าวคั่วสไตล์สมอร์ ให้ได้ลิ้มลองความอร่อยกัน โดยนอกจากเซต Open your world แล้ว ที่ The Heineken® Pop Up City Lounge ยังมีอาหารและเครื่องดื่มที่รอให้คุณไปลิ้มลองอย่างรื่นรมย์อีกหลายเมนู เริ่มจากเครื่องดื่มซึ่งมีบริการทั้ง Heineken® แบบเป็นขวดและเบียร์สดแล้ว ไฮไลต์สำคัญที่คอเบียร์ทุกคนไม่ควรพลาด คือ Heineken® EXTRA COLD เบียร์สดเย็นจัดเสิร์ฟในอุณหภูมิติดลบ ซึ่งมีให้ลิ้มลองใน 110 ประเทศเท่านั้น นอกจากนี้อีกเมนูที่ต้องลองสั่งมาลิ้มลองคือ Hoptail คือค็อกเทลที่มีส่วนผสมของเบียร์ไฮเนเก้น โดยมี 3 เมนูให้เลือกดื่ม คือ

Hunter's Forest เครื่องดื่มสูตรพิเศษที่ลงตัวกับความนุ่มของ Heineken® มาพร้อมรสชาติอมเปรี้ยวนิดๆ และความหอมของดอกไม้ ด้วยส่วนผสมอย่าง Elderflower Syrup และน้ำมะนาว ที่ให้อารมณ์แบบธรรมชาติ

City Light เติมความสดชื่นด้วยความสดใสของค็อกเทลแก้วนี้ที่ผสมผสาน Heineken® เข้ากับ Aperitif น้ำเชื่อม น้ำส้มและ Bitters เสิร์ฟในแก้วทรงเตี้ยพร้อมเติมสีสันด้วยแสงไฟ LED

High Rise เครื่องดื่มแก้วสวยที่เหมาะกับสาวๆ ด้วย Heineken® กับวอดก้า, น้ำมะนาว Cassis, บัตเตอร์สก็อตช์ และ Bitters เสิร์ฟในแก้วทรงสูงพร้อมเติมเสน่ห์ด้วยเมล็ดทับทิมสีแดงระเรื่ออย่างงดงาม


สำหรับเมนูอาหารของ The Heineken® Pop Up City Lounge ก็รับรองว่าทุกคนจะได้อิ่มอร่อยกันอย่างเต็มที่ เพราะทุกเมนูของที่นี่ได้รับการรังสรรค์ความอร่อยจาก S’MORES ร้านอาหารชื่อดังที่เปิดบริการอยู่ที่ GROOVE ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร อาทิ ยำถั่วทอด, แซลมอนน้ำยำ, ทรัฟเฟิลฟรายส์, Fish ball and Chips ปลาทอดชุบเกล็ดขนมปังกับมันฝรั่งทอดและทาร์ทาร์ซอส, Nachos, ไก่ทอดคั่วพริกไทยดำ, คอหมูย่างไฟจิ้มแจ่ว, ทาโก้ไข่เจียว ไปจนถึงอาหารจานหลักอย่าง ข้าวกะเพราเนื้อเทนเดอร์ลอยน์, ข้าวหมูกระเทียม, มินิเบอร์เกอร์, สปาเกตตีไก่ผัดพริกไทยดำ, สตูเนื้อ ฯลฯ ไปจนถึงของหวาน

แถมยังมีไฮไลต์เป็นเมนูอาหารที่ปรุงด้วยส่วนผสมของเบียร์ Heineken® ซึ่งจะเป็นเมนูพิเศษที่เสิร์ฟเฉพาะช่วงเวลาเท่านั้น โดยสัปดาห์แรก ตั้งแต่วันที่ 6 – 19 พฤศจิกายน เป็นเมนูเครปกุ้งย่างไฮเนเก้นเสิร์ฟพร้อมผักสลัด, ส่วนวันที่ 20 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม เป็นเมนูไก่หมักไฮเนเก้นทอดกรอบ, วันที่ 4 – 17 ธันวาคม เป็นคิวของเมนูทาโก้ปลาผสมไฮเนเก้นเสิร์ฟกับซัลซ่ามะเขือเทศ และปิดท้ายวันที่ 18 – 31 ธันวาคม กันด้วยเมนูพอร์กชอปหมักไฮเนเก้นเสิร์ฟพร้อมข้าวโพดย่างและซอสบาร์บีคิว


สำหรับใครอยากไปสัมผัสบรรยากาศสนุกแห่งการเฉลิมฉลองพร้อมลิ้มรสความอร่อยของอาหารและเครื่องดื่มที่ The Heineken® Pop Up City Lounge นี้ สามารถแวะเวียนไปได้ที่บริเวณลานด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม

โดยนอกจากจะสามารถโทรศัพท์จองโต๊ะได้ที่ HEINEKEN HOTLINE (+66) 81-640-9970 แล้ว The Heineken® Pop Up City Lounge ยังถือเป็นเลานจ์เบียร์แห่งเเรกที่ให้บริการ “Online Booking” ผ่านทาง facebook.com ซึ่งไม่ไช่แค่เพิ่มความสะดวกสบาย แต่ยังเห็นการจองแบบ Real-time อีกด้วย โดยสามารถเข้าไปจองได้ที่ https://apps.facebook.com/popupcitylounge :: Text by FLASH