>>แบรนด์ร้านอาหารน้องใหม่ที่ส่งตรงมาจากเกาะญี่ปุ่น “CAMP” ร้านแกงกะหรี่จานร้อนที่กำลังมาแรง ด้วยสไตล์คอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง จัดบรรยากาศร้านให้เหมือนกับนั่งรับประทานหน้าเต็นท์ออกค่าย พร้อมด้วยวัสดุอุปกรณ์เครื่องใช้แบบสมจริง ไม่ว่าจะเป็นหม้อสนาม กระติกน้ำ กล่องข้าวอะลูมิเนียม ฯลฯ ที่เนรมิตให้ชั้น 4 ของสยามพารากอนอันเป็นที่ตั้งของร้านกลายเป็นค่ายแคมป์กลางป่าไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
CAMP ร้านข้าวแกงกะหรี่พรีเมียม ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมเนียมการออกค่ายฤดูร้อนของชาวญี่ปุ่น ที่เรียกกันตามศัพท์ว่า “ริงกังกักโค” (โรงเรียนกลางป่า) โดยมื้ออาหารเวลาออกค่ายแบบนี้มีเมนูยอดนิยมคือ “ข้าวแกงกะหรี่” ที่ทุกคนมาร่วมกันปรุง ทั้งเตรียมของ หั่นผัก ผัดเนื้อ จุดไฟ หุงข้าว ต้มน้ำทำแกงกะหรี่ ก่อนจะรวมกลุ่มกันรับประทานอย่างสนุกสนาน เป็นมื้ออาหารแห่งความสุข
ร้านนี้เปิดครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2550 ในซอยเล็กๆ ย่านชิบุยะ ด้วยร้านขนาดย่อมที่มีพนักงานเพียง 3 คน กับโต๊ะไม่กี่ตัวรองรับลูกค้าได้ราว 15 ที่นั่ง แต่ด้วยสไตล์อันโดดเด่นทั้งการตกแต่ง และความเอาใจใส่ในการผลิตทุกขั้นตอน ทำให้ออกมาเป็นแกงกะหรี่รสอร่อยที่เน้นเรื่องสุขภาพ จึงทำให้ในระยะเวลาเพียง 9 ปี กลายเป็นร้านข้าวแกงกะหรี่ชื่อดังที่มีลูกค้ามายืนต่อคิว ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากมาย จนกระจายสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่น รวมถึงบินตรงมาเปิดสาขาที่ประเทศไทยอีกด้วย
โดยสาขาในประเทศไทยนับเป็นสาขาแรกที่เปิดนอกประเทศญี่ปุ่น เนื่องด้วยความเข้มงวดในเรื่องคุณภาพและการรักษามาตรฐานของแบรนด์ ทำให้ต้องส่งเชฟจากร้านในสาขาของไทยเดินทางไปฝึกปรือฝีมือจากเชฟใหญ่ที่สาขาหลักในโตเกียวจนเชี่ยวชาญ และปรุงเมนูได้ออกมารสชาติอร่อยไม่ต่างจากต้นตำรับเลยแม้แต่น้อย
จุดที่ทำให้ CAMP แตกต่างจากร้านข้าวแกงกะหรี่สไตล์ญี่ปุ่นที่มีอยู่สารพัดแบรนด์ นั่นคือการเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด ทั้งสไตล์การออกแบบร้านที่คุมโทนตั้งแต่ของแต่งร้านไปจนภาชนะเครื่องใช้ การเลือกสรรวัตถุดิบ การปรุงซอสแกงกะหรี่ที่มีความแตกต่างในแต่ละเมนู ต่างจากร้านแบรนด์อื่นทั่วไปที่มักจะใช้น้ำซอสเนื้อวัวเบสเดียวเพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา ทำให้บางครั้งคนไทยที่ไม่รับประทานเนื้อวัวไม่สามารถรับประทานได้เลย แต่ที่ CAMP ยอมทำงานยุ่งยากกว่าก็เพื่อให้ลูกค้าได้รับความอร่อยอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
โดยแกงกะหรี่ของที่นี่แต่ละเมนูมีความเข้มข้นต่างกัน เผ็ดน้อย เผ็ดมาก มีรสกะหรี่มาก หรือ น้อยไม่เท่ากัน อย่างเมนูที่เป็นแกงกะหรี่ผัก ทางร้านก็จะใช้ซอสน้ำซุปผักในการทำ เมนูแกงกะหรี่หมูก็ใช้ซุปจากหมูทำ และปรุงสดใหม่ในทุกจาน ใช้แกงกะหรี่ร้อนๆ ราดลงบนจานร้อนทำให้ได้กลิ่นและรสอันแสนหอมหวน รับประทานในจานร้อนได้ประสบการณ์จริงเหมือนได้ไปออกแคมปิ้งสไตล์ญี่ปุ่นเลยทีเดียว
เมนูเด็ดของทางร้านที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ แกงกะหรี่บาร์บีคิว (320 บาท) ใช้แกงกะหรี่ซอสหมูบาร์บีคิวเข้มราดลงบนเนื้อหมูคัดพิเศษชิ้นโตที่ตุ๋นจนนุ่ม, แกงกะหรี่ผักรักสุขภาพ (190 บาท) เมนูยอดนิยมที่ญี่ปุ่น เป็นเมนูรักสุขภาพที่เลือกคัดสรรผักที่ร่างกายมนุษย์เราต้องการในแต่ละวันมารวมไว้ในจานเดียว โดยของร้านที่ไทยพิเศษยิ่งขึ้นไปอีกด้วยการใช้แต่ผักชั้นเยี่ยมจากโครงการหลวง, ข้าวหน้าฮายาชิ(150 บาท) สตูหมูตุ๋นสไตล์ญี่ปุ่นที่หวานจากซุปที่ทำจากหัวหอมและหมูตุ๋นเนื้อนุ่มมาทำเป็นซอสรสอร่อยทานกับข้าวสวยร้อนๆ
ส่วนแกงกะหรี่โตเกียว (140 บาท) เมนูพิเศษที่คิดขึ้นมาเป็นพิเศษ และมีบริการเฉพาะสาขาที่ประเทศไทย เป็นแกงกะหรี่ไก่ที่มีรสชาติเข้มข้นลึกล้ำและมีรสแฝงเป็นโชยุและสาเกญี่ปุ่น แถมยังมีเมนูเพิ่มเติมอย่าง แกงกะหรี่เนื้อวัว สูตรคุณยาย (315 บาท) เข้มข้นด้วยเนื้อวัวตุ๋นซอสแกงกะหรี่จนนุ่ม, แกงกะหรี่หมูทอด (250 บาท), แกงกะหรี่กุ้งทอด (230 บาท)
ซึ่งแต่ละเมนูคุณสามารถเพิ่มเติมความอร่อยได้ด้วย topping ที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็น ไข่ออนเซน ชีส เนื้อวัว ไก่ ข้าวโพด กุ้ง แซลมอนได้ตามใจ
เมนูอื่นๆนอกจากข้าวแกงกะหรี่แล้ว ทางร้านยังมีเนื้อสไลซ์ผัดซอสสุกี้ยากี้ สไตล์ญี่ปุ่น (185 บาท), แกงกะหรี่หม้อไฟนาเบะ (380 บาท) สำหรับรับประทาน 2 ท่าน เป็นหม้อไฟสไตล์ camp ที่มีน้ำซุปสูตรพิเศษ ปรุงรสหอมกลิ่นแกงกะหรี่อ่อนๆ เสิร์ฟใน “Dutch Oven” หม้อแบบ Outdoor โดยสามารถครีเอตหม้อไฟในสไตล์ของคุณเองได้ โดยเลือก Topping ที่ชอบอย่างเช่น กุ้ง แซลมอน แถมเมื่อรับประทานใกล้หมด ยังสามารถสั่งข้าวสวยมาเติมลงไปในน้ำซุปที่เหลืออยู่ทำเป็น ZOZUI RICE “ข้าวต้มทรงเครื่อง” หรือจะเติมเส้นอุด้งลงไปให้กลายเป็น “อุด้งแกงกะหรี่” ตามธรรมเนียมแบบญี่ปุ่น ได้เมนูอร่อยๆ อิ่มเพิ่มขึ้นอีกจาน
นอกจากจานหลักแล้ว ยังมีของว่างอย่าง มันฝรั่งทอดโฮมเมด (85 บาท), น่องไก่ผงกะหรี่คาราเกะ (149 บาท) และสลัดเชก HANGO (100 บาท) สลัดที่นิยมรับประทานกันเวลาออกแคมป์ ด้วยการคัดเอาผักสดๆ จากโครงการหลวง พร้อม Topping ที่เลือก ใส่ในปิ่นโต Hango เติมผงโรยข้าวญี่ปุ่น ปิดฝาให้แน่น แล้วเชกให้ส่วนผสมและน้ำสลัดคลุกเคล้าเข้ากัน เทลงใส่จาน ได้สลัดจานสนุกที่ลงมือปรุงด้วยมือคุณเอง
ปิดท้ายของหวานอย่าง พุดดิ้งนม ฮอกไกโด (150 บาท) และมันหวานไดกะคุอิโมะ (80 บาท) ของกินเล่นดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่รับประทานได้อย่างแสนเพลินเพราะทั้งมัน หวาน หอมด้วยมันเทศเชื่อมกับน้ำผึ้งแท้
ส่วนเครื่องดื่มมีนมฮอกไกโดปั่นสามารถเลือกใส่น้ำผึ้งหรือมะม่วง, น้ำอัดลม, น้ำผลไม้ รวมไปถึงชาเขียวญี่ปุ่นแท้ที่เสิร์ฟมาในกระติกที่เก็บความร้อนได้อย่างยาวนาน หรือใครอยากชิลเขาก็มีเบียร์ให้จิบเพลินๆ ทั้งเบียร์ญี่ปุ่นอย่าง เบียร์อาซาฮี หรือจะเลือกเบียร์ไทยอย่าง เบียร์สิงห์
ใครที่อยากมาลองแคมปิ้งชิมความอร่อยของแกงกะหรี่จานร้อนแสนอร่อยแบบนี้ ตรงไปได้ที่ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ที่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00 – 22.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-2610-9612 เพจเฟซบุ๊ก Camp Curry อินสตาแกรม camp_curry :: Text by FLASH