“โฮมโกรว์น” นิทรรศการที่จะให้คุณหยุดตาม “ฟาสต์แฟชั่น” แต่ก็อินเทรนด์ได้ไม่แพ้ใคร เพียงแค่เปิดตู้เสื้อผ้า คุณก็สามารถช่วยลดโลกร้อนได้ ใครจะคิดว่าเสื้อผ้าในตู้ของคุณ จะเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการทำให้เกิดภาวะโลกร้อน เพราะกว่าจะมาเป็นเสื้อผ้าหนึ่งชิ้น ต้องผ่านกรรมวิธีมากมาย จากผืนดินสู่ผิว จากไร่ฝ้ายถึงผืนผ้า และจากคนปลูกจนถึงคนใส่ ซึ่งกระบวนการผลิตเสื้อผ้า ต้องแลกมาด้วยผลกระทบต่อทั้งผู้คน ธรรมชาติ และสภาวะโลกร้อนอย่างมหาศาล แต่เราในฐานะผู้บริโภคกลับถูกตัดขาดและไม่เคยรู้ว่าสิ่งที่สวมใส่อยู่ มีผลกระทบต่อวิกฤตทางภูมิอากาศที่ใหญ่เกินกว่าตู้เสื้อผ้าของเราอย่างไรบ้าง
เพื่อเป็นการสร้างการตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านแฟชั่นของผู้บริโภค บริติช เคานซิล จึงร่วมกับ แฟชั่น เรฟโวลูชั่น ไทยแลนด์ (Fashion Revolution Thailand) ชวนทุกคนมาร่วมหาคำตอบว่า “แค่เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านแฟชั่น จากการเลือกซื้อที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ก็สามารถขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดีขึ้นได้จริงหรือไม่?”
ดร.พัชรวีร์ ตันประวัติ หัวหน้าฝ่ายศิลปะและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า เนื่องในโอกาสการเข้าสู่ปี 2021 ซึ่งเป็นปีที่สหราชอาณาจักร และอิตาลี ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ในช่วงปลายปี 2021 ที่เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ เพื่อเป็นการตอบรับปีแห่งการสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านสิ่งแวดล้อมของสหราชอาณาจักร บริติช เคานซิล จึงได้ร่วมมือกับ แฟชั่น เรฟโวลูชั่น (Fashion Revolution) ประจำประเทศไทย เครือข่ายเคลื่อนไหวเพื่อรณรงค์ให้อุตสาหกรรมแฟชั่นดีขึ้น ทั้งในแง่ของสิ่งแวดล้อมและสังคม
นิทรรศการ “โฮมโกรว์น” (Homegrown) มีการจัดแสดงสินค้าของกลุ่มศิลปินท้องถิ่นที่ทำงานร่วมกับ บริติช เคานซิล ในโครงการ ‘คราฟท์ติ้ง ฟิวเจอร์” อย่าง กลุ่มไทลื้อ วานีตา รวมถึงแบรนด์ภูคราม แมนคราฟท์ โฟล์กชาร์ม KH Editions ฝ้ายจ๋ายาใจ ซึ่งมีการผลิตสินค้าที่เป็นไปตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ตลอดจนกิจกรรมเวิร์กชอป “Circular design lab: closing the loops”
อุ้ง-กมลนาถ องค์วรรณดี ผู้ประสานงานเครือข่ายแฟชั่น เรฟโวลูชั่น ประจำประเทศไทย กล่าวเพิ่มว่า แฟชั่น เรฟโวลูชั่น ประจำประเทศไทย ได้เชื่อมโยงการทำงานกับกลุ่มศิลปินโครงการ ‘คราฟท์ติ้ง ฟิวเจอร์” ตลอดจนคนในวงการออกแบบ และผู้ที่มีความสนใจ ร่วมสร้างสรรค์ นิทรรศการ “โฮมโกรว์น” ซึ่งมีแนวคิดหลักที่ง่ายและเชื่อมโยงกับเรื่องใกล้ตัวของทุกคน เพียงเริ่มต้นที่การพิจารณาตู้เสื้อผ้าของตัวเอง โดยนิทรรศการได้เล่าเรื่องให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจถึงที่มาของเสื้อผ้าที่เราใส่อยู่เป็นประจำทุกวัน รวมถึงตระหนักรู้ว่ากระบวนการ กว่าจะเป็นเสื้อผ้าหนึ่งชิ้น ต้องผ่านการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติมากมาย ทั้งดิน น้ำ อากาศ นอกจากนี้ นิทรรศการได้นำเสนอผลกระทบที่เกิดจากฟาสต์แฟชั่น (Fast fashion) ไปจนถึงภาพของอนาคตในการเปลี่ยนผ่านรูปแบบการผลิตและบริโภคจากแบบเส้นตรง ที่ผลิต-ใช้-ทิ้ง โดยเน้นปริมาณและความรวดเร็ว มาเป็นเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน ที่ชุมชนระดับท้องถิ่นขนาดเล็กสามารถพึ่งพาตนเองและธรรมชาติ ในแนวคิด ‘farm to closet’ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่การสวมใส่เสื้อผ้าของเรามีต่อโลกได้ จากข้อมูลพบว่าทุกๆ ปี ฟาสต์แฟชั่น (Fast fashion) ฝากขยะไว้ให้โลก 92 ล้านตัน และถ้าภายใน 10 ปีนี้เรายังผลิตและบริโภคแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ โลกจะร้อนขึ้นเกินกว่า 1.5 องศาซึ่งเป็นจุดที่ร้อนเกินกว่าระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตจะรับได้
ภายในนิทรรศการยังมีไฮไลต์คือ กิจกรรมเวิร์กชอป “Circular design lab: closing the loops” โดย กมลนาถ องค์วรรณดี ซึ่งพัฒนาจากเวิร์กชอปที่คุณอุ้งได้เข้าร่วมในโครงการ Circular Futures Lab กับบริติช เคานซิล ที่กรุงลอนดอนเมื่อปี 2018 แนวคิดนี้มาจากบริษัท IDEO บริษัทที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมชื่อดัง ร่วมกับ Ellen MacArthur Foundation องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนให้เกิดในระดับนานาชาติ ซึ่งผู้เข้าร่วมจะได้สวมบทบาทเป็นดีไซเนอร์ ผ่านการลงมือทำกิจกรรมกลุ่ม ให้เลือกวัตถุดิบใกล้ตัว มาคิดใหม่ เรียนรู้ความต้องการของผู้บริโภคในการเลือกซื้อเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็น ความสวยงาม ประโยชน์ใช้สอย ฯลฯ จากนั้นนำความต้องการในด้านต่างๆ มาระดมความคิดว่าจะออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างไร