ART EYE VIEW — ไม่ได้หนีหน้าหายไปไหน แค่มีการเปลี่ยนแปลงวงจรชีวิตบางส่วน จากพนักงานออฟฟิศที่ต้องเข้าทำงานเป็นเวลา ไปใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ
สำหรับ พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล หรือ สตาร์บัคส์ สาระแน อดีตเด็กหนุ่มผู้เรียนจบมาทางด้านศิลปะ จาก ม.ศิลปากร แต่อยากทดลองทำงานออฟฟิศ จนวันหนึ่งจับพลัดจับผลูไปสมัครงานที่ รายการ “สาระแนโชว์” และถูกแกล้งให้ต้องกลายเป็นหนึ่งนักแสดง ของภาพยนตร์เรื่อง “สาระแน ห้าวเป้ง”
กระทั่งมีภาพยนตร์และละครเวทีอีกหลายเรื่องติดตามมา อาทิ สาระแนเห็นผี, Who Are You ใคร? ในห้อง ,สมอลล์รู กูแนว, รักเว้ยเฮ้ย, เคนลี่ กะก๊วนขี้เล่น และ มิชิโกะ โก๊ะสตอรี่ ที่จะเข้าโรงฉายในเดือนมีนาคม
หลายปีกับหน้าที่ ครีเอทีฟรายการวาไรตี้ผสมตลก ควบคู่ไปกับการเป็นนักแสดง วันนี้ เขาโบกมือลาหน้าที่แรกไปเรียบร้อยแล้ว เพราะทบทวนตัวเองแล้วพบว่า ไม่เหมาะกับงานประจำที่ทำอยู่ และที่สำคัญอยากออกไปเริ่มต้นทำในสิ่งที่รักเร็วขึ้น
“ในชีวิตประจำวันผมเป็นคนที่ชอบคิดนู่น คิดนี่ ชอบคิดว่า ถ้าเกิดเราได้ไม้ท่อนนี้มา เราจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง ทำโต๊ะ ทำเก้าอี้ หรือทำโคมไฟ
แล้วผมจะเป็นโรคนอนไม่ค่อยหลับ เพราะว่า ไอ้ภาพพวกนั้นมันจะลอยขึ้นมาในหัวตลอดเวลา รู้สึกอยากจะทำมัน
แต่อาชีพงานประจำที่ต้องมานั่งเขียนสคริปต์ มันไม่เอื้อ ผมเป็นคนที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานๆไม่ได้จริงๆ ครับ และตัวจริงผมก็ไม่ใช่คนตลกอะ แต่ต้องมาอยู่ในรายการตลก
ผมทำงานที่สาระแน 3 ปี ทบทวนตัวเองอยู่เรื่อยๆว่า ตอนนี้เราอายุเท่าไหร่ ชีวิตเราจะเลือกทางไหน ระหว่างการเป็นพนักงานประจำ หรือออกไปทำในสิ่งที่เราถนัด
ผมชั่งใจมาตลอด แล้วผมก็เริ่มเห็นช่องทางอะไรมากขึ้น สุดท้ายผมก็ตัดสินใจมาทางนี้ เพราะในใจผมยังคิดแต่เรื่องนี้อยู่ ตลอดเวลา”
เมื่อทนปล่อยให้ความคิดเป็นแค่เพียงความคิดอยู่แบบเดิมไม่ได้ แต่อยากจะมีเวลาลงมือทำมันให้เป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา วันหนึ่งเขาจึงเดินเข้าไปหา 1 ในทีมผู้บริหารของรายการพร้อมกับให้เหตุผลว่า
“พี่หอยครับ ผมอยากออกไปทำงานศิลปะครับพี่”
หลังจากนั้นเราจึงได้รับคำตอบของคำถามที่มักมีคนถามกันว่า … สตาร์บัคส์ หายไปไหน?
อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่านี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นออกมาสิ่งที่รัก วันนี้คนทั่วไปอาจจะยังจดจำเขาในฐานะ สตาร์บัค สาระแน แต่ในวันหน้าอาจจะเปลี่ยนไป
“ผมพยายามที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง ให้เขาจำผมว่า ผมทำในสิ่งที่คนดีๆเขาไม่ทำ หมายถึงคนปกติเขาไม่ทำ ไม่ใช่ไปทำชั่วนะฮะ (หัวเราะ) ผมอยากสร้างสิ่งใหม่ๆ อยากให้คนมาดูงานผมแล้วเกิดแรงบันดาลใจ”
ภาพของสิ่งที่เขาฝันไว้ เริ่มชัดในความคิดบ้างแล้ว
“อย่างแรกคือ ผมชอบทำงานอยู่กับบ้าน ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ถ้าเกิดว่าอยากทำอะไรให้ใคร ผมจะทำให้เอง และผมก็จะทำให้มันเจ๋งด้วย ผมอยากเห็นคนมีชีวิตที่สบายๆ ไม่อยากเห็นคนมาเครียดหรือซีเรียส ผมอยากเห็นคนรีแลกซ์ มีความสุข
ผมก็เลยคิดเอาไว้ว่า วันหนึ่งผมอยากจะประดิษฐ์ของ อยากออกแบบอะไร ที่จะทำให้คนเกิดความประหลาดใจ ผมเลยคิดว่าจะทำรีสอร์ต เพราะว่ารีสอร์ต มันมีคำตอบพวกนี้บรรจุอยู่ทั้งหมดเลย ใช่ครับ ผมอยากมีอาณาจักร ตอนนี้ผมทำทุกอย่างเพื่อที่ผมจะมีอาณาจักรในตอนแก่”
เพื่อที่จะแลก กับการได้มาซึ่งเวลาที่จะได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้นอนเต็มอิ่ม ได้ออกกำลังกาย ได้อ่านหนังสือ และได้ออกไปหาแรงบันดาลใจ เพื่อให้มันผลิดอกออกผลไปเป็นอาณาจักรที่ฝันไว้ในที่สุด
แผนขั้นแรกของการหาเลี้ยงชีพ ที่เขาวางแผนเอาไว้ก็คือ
“พยายามทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เงินมันมีอยู่ทุกที่ แต่มันอยู่ที่เราจะเอาเงินจากแต่ละที่ได้ยังไง มันมีหลายวิธี เช่น วาดรูปพอร์ตเทรตเราก็ได้เงินแล้วฮะ หรือไปช่วยเค้าทำนู่นทำนี่ และทำของไปขายเราก็ได้เงินแล้ว”
แม้จะดูเป็นชีวิตที่หมิ่นเหม่ต่อการอดตายในสายตาของบางคน แต่เขาถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทดสอบตัวเอง
“เงินที่ผมได้จากการเล่นหนังมา 6 เรื่อง ส่วนหนึ่งผมแบ่งให้ที่บ้าน ไม่ได้เก็บไว้หมด จากการที่ตอนแรก เราต้องขอเงินพ่อแม่ใช้ แล้วเราหยุดขอ มาถึงตอนนี้เราก็ส่งเงินให้พ่อแม่ด้วย
ตอนนี้ผมเหลือเงินน้อยมากครับ ที่ผมตัดสินใจที่จะเหลือเงินน้อยมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ถ้าผมเหลือเงินเก็บไว้ที่ตัวเองเยอะ มันจะสามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ตลอด พอหิว ก็ใช้เงิน ตามที่หามาได้เยอะๆ ซื้อไปดิอะไรอย่างนี้ แต่พอมีเงินน้อย มันทำให้เรารู้จักความประหยัด”
เมื่อการโปรโมทภาพยนตร์เรื่องล่าสุดผ่านไป และสะสางโปรเจกต์ภาพยนตร์สั้นที่รับปากว่าจะกำกับให้แก่รุ่นน้องเสร็จสิ้น
มีนาคมเป็นต้นไป ถ้าไม่มีภาพยนตร์เรื่องใหม่ติดต่อเข้ามาอีก จะเป็นช่วงเวลา ที่เขาจะได้ใช้ชีวิตแบบที่ตั้งใจไว้อย่างแท้จริง
“ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก กับการที่ชีวิตไม่มีอะไรรองรับเลย และผมจะไม่ขอเงินที่บ้านก้อนที่ผมเคยให้เขาไว้ด้วย ถ้าอย่างนั้น ผมคิดว่ามันไม่เจ๋ง ผมคิดว่าตอนนี้ สัญชาตญานของการเอาตัวรอดมันมาอีกครั้งแล้ว ถ้าต้องลำบากอยากรู้ว่าชีวิตจะเป็นยังไง”
สำหรับเขา ความมั่นใจ คือ สิ่งที่เป็นสัญญาณบอกว่า คนๆหนึ่งพร้อมแล้วที่จะออกมามาใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ
“กว่าจะได้คำว่า ความมั่นใจมา มันก็ต้องผ่านการทบทวนตัวเองว่าเรายังขาดเหลืออะไรตรงไหนบ้าง เรามีช่องทางอะไรอีกไหม ต้องมีแผน 1 แผน 2 แผน 3 สำรองไว้”
ความมั่นใจ ไม่ได้หมายถึง จำนวนเงินเสมอไป เพราะถ้ามีเงินแล้วแต่ไม่มีเป้าหมาย และไอเดีย ก็อาจทำให้เดินหน้าต่อไปไม่ได้
“เราต้องตื่นมาแล้วรู้สึกว่า เราอยากทำงานก่อน ผมต้องการแค่นี้ ถ้าความรู้สึกแบบนี้มันมีติดตัวไปจนตาย เราก็ตายอย่างมีความสุข”
Text by ฮักก้า Photo by ศิวกร เสนสอน
ผลงานสมัยเรียน ของอดีตนักศึกษาศิลปะ สาขาประติมากร
+
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ และ Celeb Online www.astvmanager.com โทร.0 -2629 – 4488 ต่อ 1530 Email: thinksea@hotmail.com
>> อัปเดตข่าวในแวดวง สังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม ศิลปะ และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net