ART EYE VIEW — ใครที่ติดตามข่าวศิลปะต่างแดนอยู่เป็นประจำ คงพอจะจำได้ว่า เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์อันน่าตกใจและไม่มีใครคาดคิดมาก่อน กับ Black on Maroon ภาพเขียนชิ้นสำคัญในยุคหลังสงครามโลก ผลงานของ Mark Rothko ศิลปินแนว Abstract Expressionist (นามธรรมสำแดงอารมณ์)
เพราะ ภาพเขียนชิ้นนี้ ถูกคนมือบอนอย่าง Vladimir Umanets หนุ่มชาวโปแลนด์วัย 26 ปี หนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม yellowism (ซึ่งปกติเคลื่อนไหวอยู่ในเว็บไซต์www.thisisyellowism.com )ใช้ปากกา(สำหรับเขียนกำแพง) เขียนชื่อของตัวเองและข้อความสั้นๆลงไปบนชิ้นงานว่า Vladimir Umanets, a potential piece of yellowism Vladimir Umanets เพื่อที่จะบอกแก่ผู้พบเห็นในทำนองว่า งานชิ้นนี้อาจเป็นของศิลปินกลุ่มสีเหลือง (ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มอีกหนึ่งคนคือ Marcin Lodyga)
หลังจากที่ก่อเรื่อง Vladimir Umanets หรือในอีกชื่อคือ Wlodzimierz Umaniec ยอมแสดงตัวว่า ตนคือไอ้หนุ่มมือบอนผู้เขียนข้อความนั้น แต่ไม่ยอมรับว่า การกระทำของตนเองจะเข้าข่ายการเป็นอาชญากรรมทางศิลปะ
มิหนำซ้ำยังเห็นว่า การกระทำของตนเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับภาพเขียนเสียอีก
“การกระทำของผมไม่ได้ทำลาย และไม่ได้เป็นการขโมยภาพเขียนของศิลปินคนอื่นด้วย มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ Marcel Duchamp เขียนชื่อตนเองลงบนโถปัสสาวะผู้ชาย แล้วนำไปจัดแสดงในนิทรรศการ(เมื่อปี ค.ศ. 1917 ) ซึ่งในที่สุดโถปัสสาวะก็ได้กลายเป็นศิลปะชิ้นหนึ่ง”
>>>ถูกจับกุม ยึดหนังสือเดินทาง ห้ามเข้าหอศิลป์
ในเบื้องต้น Vladimir Umanets ได้ถูกจับกุม แถมยังถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกห้ามไม่ให้ไปกล้ำกราย ณ หอศิลป์ Tate Modern กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สถานที่ก่อเหตุ โดยเด็ดขาด
ทว่าได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า จะต้องพักและหลับนอนในที่พักของตนเองเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ระหว่างรอศาลตัดสินพิพากษาลงโทษต่อไป
ด้าน หอศิลป์ Tate Modern กล่าวถึง ภาพเขียน Black on Maroon ว่า การถูกทำลายทำให้มูลค่าของมันลดลง แต่ถ้าไม่ถูกทำลาย มันสามารถตีราคาได้สูงถึง 10 ล้านปอนด์
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่า ผลงานภาพเขียนชื่อ Orange Red Yellow ของ Mark Rothko เพิ่งขายได้ราคาสูงถึง 53.8 ล้านปอนด์ ในงานประมูลที่นิวยอร์ค เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นราคาที่สูงลิ่ว เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดางานศิลปะ ยุคหลังสงครามโลกที่ถูกนำออกประมูล
ขณะที่พ่อหนุ่มมือบอน รีบชิงออกตัวก่อนเลยว่า ถ้าเขาถูกตัดสินว่า ผิดจริง เขาก็ยอมที่จะเข้าคุก เพราะไม่มีเงินจ่าย
>>>เดือดร้อนถึง นักซ่อมสงวนภาพเขียน
อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งคำถามว่า บรรดานักซ่อมสงวน จะสามารถทำให้ให้ภาพเขียน Black on Maroon ของ Mark Rothko กลับมามีชีวิตดังเดิมได้ยากง่ายแค่ไหน คำตอบคือ ยากมาก
เพราะข้อความเพียงไม่กี่บรรทัดบริเวณมุมภาพที่ Vladimir Umanets ใช้ปากกาเขียนลงไป ไม่สามารถลบออกได้ง่ายๆ แถมยังเป็นความเสียหายที่เลวร้ายมากกว่าที่ใครหลายคนจินตนาการไว้ เพราะในความเป็นจริงคือ นักซ่อมสงวน อาจต้องเวลานานถึง 18 เดือนสำหรับการซ่อมสงวนรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม
ตรงกันกับ บรรณาธิการฝ่ายข่าวศิลปะของ BBC Will Gompertz ที่กล่าวว่า ลายมือที่เขียนแบบลวกๆ มันได้ทำลายคุณค่าความหมายของงานศิลปะไปแล้ว หมึกของปากกาที่ใช้เขียนได้ซึมเข้ากับเนื้อผ้าใบ ไม่ใช่ซึมอยู่แค่ผิวนอกที่เช็ดๆ แล้วมันจะหายไป
ดังนั้นงานซ่อมสงวน Black on Maroon ไม่ใช่งานง่ายๆ และมันไม่ใช่เรื่องตลกหรือเรื่องล้อเล่นเลย กับการที่ใครคนหนึ่งลุกขึ้นมาเล่นสนุกกับการทำลายงานศิลปะ เพราะมันได้สร้างความเดือดร้อนให้กับหน่วยงานที่ดูแล ซึ่งต้องหมดทั้งเงินและเวลาไปการปรึกษาหารือเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา
Julia Nagle นักซ่อมสงวนอิสระในกรุงลอนดอน อธิบายว่า งานซ่อมสงวนภาพ Black on Maroon ของ Mark Rothko ถือเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากเทคนิควิธีการที่ศิลปินคนนี้ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน คือการเขียนซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ นอกจากนี้ศิลปินยังใช้วัสดุหลายชนิดผสมกันเพื่อเขียนภาพด้วย
นักซ่อมสงวนจึงต้องศึกษาทั้งเทคนิควิธีการสร้างสรรค์ วัสดุอุปกรณ์ และวัตถุดิบที่ Rothko ใช้เขียนภาพก่อน ถึงจะทำการซ่อมสงวนรักษาได้ อีกทั้งปากกาที่ใช้เขียนบนภาพเขียน ก็เป็นปากกาที่ลบออกยากมาก มันถูกสร้างขึ้นมาให้ทนแดดทนฝน แถมยังมีสารเคมีที่เป็นพิษ ซึ่งเป็นอันตรายมาก นักซ่อมสงวนจะต้องใช้เวลาค้นหาวิธีการที่สามารถกำจัดมันออกไปจากภาพเขียนอย่างเหมาะสมและถูกวิธี เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะเป็นวิธีที่จะไม่ส่งผลเสียกับภาพเขียน
หาก Mark Rothko ศิลปินเจ้าของผลงาน ยังมีชีวิตอยู่ เขาน่าจะต้องเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับงาน ศิลปะของตนเอง เป็นอย่างมาก
เพราะ Black on Maroon หนึ่งในภาพเขียนชุด Seagram mural ซึ่งเขียนขึ้นเมื่อ ปี ค.ศ. 1958 เขาตั้งใจมอบให้กับหอศิลป์ Tate Modern เมื่อปี ค.ศ. 1969 กระทั่งหอศิลป์ได้รับมอบงานชุดนี้ไปอย่างเป็นทางการ เมื่อปี ค.ศ. 1970 ในวันที่ ตัวเขาได้จากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
ทุกคนจึงได้แต่เอาใจช่วยให้นักซ่อมสงวนสามารถแก้ไขรอยด่างพร้อยที่เกิดขึ้นกับภาพเขียน Black on Maroon ได้สำเร็จ และติดตามต่อไปว่า ไอ้คนมือบอนจะถูกตัดสินโทษอย่างไร
>>>บทสรุป คนมือบอน ได้จำคุก 2 ปี
ล่าสุดเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เราก็ได้ทราบถึงบทสรุปที่ Vladimir Umanets หนุ่มมือบอนชาวโปแลนด์ ผู้มาอาศัยอยู่ใน ย่าน Worthing เมือง West Sussex ประเทศอังกฤษ ได้รับ โทษฐานที่ทำลายงานศิลปะ ซึ่งเป็นสมบัติของชาติ
เพราะมีพยานรู้เห็นว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา Vladimir Umanets ได้ก้าวข้ามเขตที่หอศิลป์กั้นไว้ระหว่างคนดูกับผลงานศิลปะ แล้วลงมือเขียนชื่อตัวเองและข้อความลงบนภาพเขียนอย่างอุกอาจ ก่อนจะวิ่งหลบหนีไป
ที่สำคัญเขามีความตั้งใจจะไปที่หอศิลป์ และลงมือกระทำในช่วงเวลาที่หอศิลป์นำภาพเขียนชิ้นนี้ออกมาจัดแสดง สู่สาธารณชน
และแนวคิดของกลุ่ม yellowism ที่นายมือบอนคนนี้สังกัด ก็มีอยู่ว่า Everything is equal. Everything is Art. Everything is a potential piece of yellowism. (ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าเทียม ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นศิลปะ ทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะเป็นผลงานของ yellowism ก็ได้) ซึ่งแนวคิดเช่นนี้เองที่ศาลเห็นว่าเป็นเหตุให้เขากล้าลงมือทำลายภาพเขียน
Roger Chapple ผู้พิพากษา แห่งศาล Inner London Crow Court กล่าวต่อ Vladimir Umanets ว่า การกระทำของคุณเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมของปีนี้ เป็นการกระทำโดยเจตนา มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
และ การประชาสัมพันธ์ด้วยการทำลายงานศิลปะของผู้อื่น ของกลุ่ม yellowism ก็ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับผลงานศิลปะที่เป็นของขวัญของชาติ ดังนั้นความผิดของคุณ จึงชัดแจ้งมากเหลือเกิน
ด้าน หอศิลป์ Tate Modern นอกจากกรณีนี้ จะส่งผลให้หอศิลป์ ฯ ต้องมีความระมัดระวังและเข้มงวดกับระบบรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ยังได้ออกมากล่าวย้ำถึง ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาพเขียน Black On Maroon ของ Mark Rothko ว่าเลวร้ายกว่าที่คิดไว้มากจริงๆ
เพราะต้องใช้เวลาในการซ่อมสงวนรักษาภาพเขียนนี้มากกว่า 20 เดือน รวมถึงต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 200,000 ปอนด์
ขณะที่ไอ้หนุ่มมือบอนถูกจำคุกแค่ 2 ปีเท่านั้นเอง ?!
แปลและเรียบเรียงโดย อัจฉรา นวลสวาท
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW เซคชั่น Celeb Online www.astvmanager.com และ M-Art เซคชั่น Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com