Celeb Online

“ขวัญข้าว ขวัญเรา” บันทึกคุณค่าข้าวฉบับกระเป๋า งามทั้งภาพงามทั้งคำ


สองโลกงามพิสุทธิ์
โลกมนุษย์ โลกสวรรค์
แต่ไรอยู่ใกล้กัน
แดนฟ้านั้นเพียงเมฆบัง
เบื้องบนมีทุ่งข้าว
ออกรวงพราวงามสะพรั่ง
เรืองรองสีทองปลั่ง
ดั่งรวงฝันอันพราวพราย

ART EYE VIEW—สมุดเล่มน้อย ที่บันทึกความงามทั้งในด้านวรรณศิลป์และทัศนศิลป์เอาไว้ ซึ่งแวะเวียนมาทักทายเราทุกๆ ปี หนึ่งในจำนวนนั้นคือ “สมุดบันทึกนิทานมูลนิธิเด็ก”

ชื่อก็บอกอยู่แล้วเป็น “สมุดบันทึกนิทาน” สมุดเล่มน้อยนี้ จึงประกอบไปด้วย พื้นที่สำหรับจดบันทึกนัดหมาย, นิทาน และภาพประกอบที่สวยงาม

ขวัญข้าว ขวัญเรา (Old to Mae Phosop) คือชื่อของสมุดบันทึกนิทาน ประจำปี 2557 ของมูลนิธิฯ

สิ่งที่สมุดฯ นำเสนอ ว่าด้วยเรื่องราวที่เกี่ยว “ข้าว” ด้วยทางมูลนิธิฯ ต้องการปลูกฝังให้เยาวชนและผู้ใหญ่ที่ซื้อไปพกพาเป็นสิ่งคู่กาย ไม่ลืมระลึกถึงคุณค่าของข้าวที่เรารับประทานอยู่ทุกวัน

ดังที่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประเวศ วะสี ประธานมูลนิธิเด็ก ได้บอกเอาไว้ว่า “ข้าวที่เรากินมีความศักดิ์สิทธิ์”

“เพราะข้าวเชื่อมโยงชีวิตมนุษย์กับธรรมชาติของสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเข้าด้วยกัน ข้าวสัมพันธ์กับผืนดินหรือพระแม่ธรณี ข้าวสัมพันธ์กับแผ่นฟ้าและจักรวาล เพราะได้พลังงานมาจากดวงอาทิตย์ ได้น้ำมาจากก้อนเมฆ ได้ออกซิเจนมาจากอากาศ ต้นข้าวสัมพันธ์กับไส้เดือนที่ช่วยพรวนดิน สัมพันธ์กับจุลชีพหลายล้านๆตัว ซึ่งสร้างสารอาหารอยู่ในดิน สัมพันธ์กับชาวนาชาวไร่ชาวนา และกรรมกรผู้ปลูกข้าว สีข้าว ขนส่งข้าว และสัมพันธ์กับพ่อครัวแม่ครัว หรือแม่ของเราทุกคนที่หุงหาอาหาร จนกระทั่งได้กินข้าว

ข้าวจึงไม่ใช่เรื่องข้าวโดดๆ แต่สัมพันธ์ร้อยกับธรรมชาติทั้งหมด ธรรมชาติคือแม่ของสรรพชีวิต แม่มีความศักดิ์สิทธิ์ อะไรที่ศักดิ์สิทธิ์จึงเรียกว่าแม่ มีคำเรียกธรรมชาติว่า พระแม่ธรรมชาติ (Mother Nature) เรียกดินว่า พระแม่ธรณี น้ำว่าพระแม่คงคา และข้าวว่าพระแม่โพสพ

สัตว์เพราะเป็นสัตว์จึงสัมผัสความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่มนุษย์เพราะเป็นมนุษย์จึงสัมผัสความศักดิ์สิทธิ์ได้ ซึ่งเมื่อสัมผัสแล้วทำให้เกิดความสมบูรณ์ในความเป็นมนุษย์ ถ้ามนุษย์ขาดความสมบูรณ์ในตัวเองจะเที่ยวไปหาอะไรมาเติม เช่น ยาเสพติด ความฟุ่มเฟือย ความรุนแรง

ที่พูดมานี้อาจเข้าใจยาก แต่สมุดภาพนิทานคำกลอนเรื่อง “ขวัญข้าว ขวัญเรา” จะช่วยให้เข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์ของธรรมชาติได้อย่างง่ายๆโดยอัตโนมัติ “ขวัญ” หมายถึงอะไรที่สูงสุดและศักดิ์สิทธิ์ เมื่อขวัญของตัวเราและขวัญของข้าวเชื่อมโยงกัน จะเป็นประดุจคนหลงทางได้กลับคืนสู่อ้อมอกมารดา คือพระแม่ธรรมชาติ

ขอให้สมุดภาพนิทาน “ขวัญข้าว ขวัญเรา” เป็นเพื่อนเด็กๆและครอบครัวในยามกินข้าว ข้าวจะไม่ได้เป็นประโยชน์แต่ทางร่างกายเท่านั้น แต่จะยกจิตใจให้สูงส่งและงาม เพราะทำให้เด็กๆและทุกคนระลึกรู้ว่า ชีวิตของเราที่เป็นไปได้ เพราะคนอื่นและสิ่งอื่นเกื้อกูลเรา ความรู้สึกสัมพันธ์กับทุกสรรพสิ่ง จะทำให้เรามีความกตัญญูในหัวใจ ความกตัญญูในหัวใจทำให้ชีวิตงดงาม เจริญ เป็นประโยชน์ต่อโลก และมีความสุขเป็นนิรันดร์”

แสงอุ่นอรุณรุ่ง
สะพานรุ้งร้อยพันสาย
เมล็ดข้าวลอยเรียงราย
สู่พื้นโลกด้วยเมตตา
เมล็ดเท่าผลมะละกอ
งามลออดั่งทองทา
ปวงมนุษย์สุดปรีดา
นำพาข้าวเข้ายุ้งฉาง

ผู้ทำหน้าที่รวบรวมตำนานการกำเนิดข้าว อาหารทิพย์จากสรวงสวรรค์ จากหลากหลายวัฒนธรรม มาผูกเรื่องเป็นนิทาน คือ นก – นิรมล เมธีสุวกุล แห่งรายการทุ่งแสงตะวัน จากนั้น ศักดิ์สิริ มีสมสืบ กวีเจ้าของรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือ ซีไรต์ จากผลงานรวมเล่มบทกวีชื่อ “มือนั้นสีขาว” ได้ทำหน้าที่นำนิทาน มาประพันธ์เป็นคำกลอนอันไพเราะ

นอกจากนี้คำกลอนยังถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษโดย เสาวณีย์ นิวาศะบุตร ผู้เคยมีผลงานแปลที่สำคัญคือ นิราศเมืองเพชร ของกวีเอกสุนทรภู่ ในชื่อ Journey to Petchburi :a Poem by Sunthorn Phu

ขณะที่ภาพปกและภาพประกอบอันงดงาม วาดโดย วรรณวิมล เกษางาม ศิลปินสีน้ำ สมาชิกของ บ้านศิลปิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

และ ดร.ถนอมวงส์ ล้ำยอดมรรคผล ข้าราชการบำนาญ อาจารย์พิเศษคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญภาษาวรรณคดีไทย มหาวิทยาลัยนานาชาติศึกษานครเซี่ยงไฮ้ อดีตนายกสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย ผู้แปลและเป็นบรรณาธิการให้กับวรรณกรรมเยาวชนหลายเล่ม ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการ


วรรณวิมล หรือ ครูนาง กล่าวว่า เป็นการร่วมงานกับ มูลนิธิเด็กเป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้คณะผู้จัดทำสมุดบันทึกนิทาน ไปเที่ยวที่บ้านศิลปิน ทำให้ได้มีโอกาสเห็นผลงานของเธอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลงานลายเส้นและสีน้ำ เมื่อเห็นว่าสไตล์ของผลงานที่เธอทำอยู่ มีความสวยงาม เหมาะสมกับสมุดบันทึกนิทานเล่มล่าสุด จึงได้ชักชวนมาร่วมงาน

“ทางมูลนิธิฯ เห็นว่า สไตล์งานของนางมันเข้ากันกับเนื้อเรื่อง เขามีโครงเรื่องนิทานของคุณนิรมลและบทกลอนของอาจารย์ศักดิ์สิริอยู่แล้ว

นางจึงได้สร้างสรรค์งานขึ้นมาใหม่ตามสไตล์ของนาง จากแรงบันดาลใจที่ได้รับจากการอ่านบทลอน เป็นการตีความบทกลอนมาเป็นภาพเขียน”

วรรณวิมล ยังคงเลือกใช้สีน้ำเขียนภาพชุดนี้ และนำเสนอออกมาในแนวแฟนตาซี ดังเนื้อหาของนิทานในเล่ม

“เพราะเนื้อเรื่องมีการดำเนินเรื่องแบบแฟนตาซี ไม่ใช่ความจริงซะทีเดียว ทำนองว่าสวรรค์ประทานเมล็ดข้าวมา วันหนึ่งมีคนทำเรื่องไม่ดีขึ้นมา แม่โพสพก็เลยเลือนหาย ไปอยู่ในถ่ำแก้วแวววับ นางต้องตีความออกมาเป็นภาพแนวแฟนตาซีหน่อย องค์ประกอบของภาพจึงออกมาประมาณนั้น เป็นภาพความจริงบวกกับภาพฝัน

นางตั้งใจจะให้แม่โพสพ เป็นตัวเด่นของของภาพ เพราะเนื้อเรื่องของนิทานดำเนินด้วยความรู้สึกของแม่โพสพ ซึ่งเป็นผู้ให้สิ่งต่างๆงอกงามขึ้นมา ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ปลา และนางใช้รูปภาพที่มีลักษณะคล้ายดอกไม้เป็นสัญลักษณ์แทนความงอกงาม ซึ่งอันนี้จะพบเห็นได้ในผลงานศิลปะของนางดังที่เคยทำอยู่เป็นปกติด้วย นางใช้แทนอะไรบางอย่างซึ่งเป็นเหมือนจิตวิญญาณ แล้วก็เติมสีทองเข้าไปในภาพด้วย ทำให้ภาพดูแตกต่างขึ้นมา”


วรรณวิมล กล่าวด้วยว่า หนังเล่มนี้ไม่ได้เหมาะสมสำหรับเยาวชนเท่านั้น แต่ยังเหมาะสำหรับทุกคนดี เพราะเป็นสิ่งที่กระตุ้นเตือนให้เราระลึกคุณค่าของข้าว และทุกวันนี้ มีเด็กรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย แทบจะไม่ทราบถึงที่มาของข้าว

“เวลาที่เด็กเขาเดินเข้าไปซื้อของในซูเปอร์มาเกต หรือนั่งที่โต๊ะกินข้าว เขาจะไม่รู้เลยว่าข้าวมาจากไหน แต่คิดว่า ข้าวมาจากถุงพลาสติก ในซุปเปอร์มาเก็ต ด้วยซ้ำ แม้แต่เด็กๆ ในชนบทที่มีร้านสะดวกซื้อเข้าถึง ก็เริ่มเป็นแบบนี้กันแล้ว

ความสำเร็จรูปพวกนี้มั นทำให้เราลืมจิตวิญญาณ ลืมรากเหง้า ซึ่งสมุดนิทานเล่มนี้มันจะเป็นสิ่งช่วยกระตุ้นเตือนได้บ้างทางหนึ่งว่า ข้าวมีที่มา และมีคุณค่าอย่างไร

จริงๆ แล้วนิทานเรื่องนี้ ถ้าสรุปให้ฟังโดยรวม เขาก็ต้องการที่จะสอนให้รู้คุณค่าของข้าว รู้ว่าข้าวไม่ได้ ได้มาฟรีๆ เพราะส่วนมากเราจะคิดว่ามันงอกมาได้ฟรีๆ ไง

ตอนนี้ความรู้สึกในเรื่องนี้ กับคนยุคปัจจุบันมันห่างเหินกันมาก ความรู้สึกที่ว่า กว่าจะได้ข้าวมาเมล็ดหนึ่ง”

สมุดบันทึกนิทาน “ขวัญข้าว ขวัญเรา” ขนาด 3.5x 6 นิ้ว จำนวน 136 หน้า จำหน่ายเล่มละ 60 บาท หรือ สั่งซื้อเพื่อบริจาคเป็นของขวัญวันเด็กให้เด็กด้อยโอกาส ในราคาพิเศษเล่มละ 50บาท สั่งซื้อได้ที่มูลนิธิเด็ก 0-2814-1481-7, ศูนย์หนังสือจุฬาฯ และร้าน ASTV Shop หรือผ่านเว็บไซต์ www.ffc.or.th หรือ www.shareforchild.com

นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้จัดทำบัตรอวยพรมูลนิธิเด็ก ประจำปี 2557 ชุด “ปั้นดินปรุงใจ ห่วงใยธรรมชาติ”ขึ้นมาจำหน่ายด้วย เพื่อนำรายได้ทั้งหมดสมทบทุนมูลนิธิเด็กเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ประสบปัญหาทั่วประเทศ ดังเช่นรายได้จากการจำหน่ายสมุดบันทึกนิทาน

บัตรอวยพรชุดนี้ นำเสนอภาพผลงานปั้นเซรามิกของนักเรียนโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก จังหวัดกาญจนบุรี จากกิจกรรมค่ายศิลปะ “ปั้นดินปรุงใจ” เมื่อวันที่ 1-5 เมษายน พ.ศ. 2556 ณ หมู่บ้านด่านเกวียน อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจุดประสงค์ของค่ายศิลปะครั้งนี้ มุ่งหมายให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องการทำงานศิลปะประเภทเครื่องปั้นดินเผา และเป็นวิธีที่เด็กๆ จะได้ทั้งความรู้จากประสบการณ์จริงและเพลิดเพลินกับการทำงานศิลปะ ซึ่งนับเป็นการพัฒนาสมองซีกซ้ายและสมองซีกขวาไปพร้อมๆ กัน

บัตรอวยพรมีด้วยกัน 6 แบบ คือ รักษ์ป่าไม้, รักษ์ต้นไม้, รักษ์สัตว์ป่า, รักษ์ท้องฟ้า, รักษ์ทะเล และรักษ์พลังงาน นอกจากนั้นยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพราะพิมพ์ด้วยหมึกถั่วเหลือง (Soy Ink) ปลอดสารพิษ และไม่ใช้สารเคมีอันตรายเคลือบผิว จำหน่ายใบละ 12 บาท

โรงเรียนหมู่บ้านเด็กเป็นโรงเรียนเล็กๆ ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำแควใหญ่ที่ใสสะอาด ใกล้ๆ โรงเรียนมีภูเขาและป่าไม้อุดมสมบูรณ์มาก ชีวิตของเด็กๆ จึงผูกพันใกล้ชิดกับธรรมชาติตลอดเวลา จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานเซรามิกด้วยสองมือเล็กๆ เพื่อชักชวนให้ทุกคนร่วมกันดูแลรักษาธรรมชาติ









ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews