คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
นอนเล่นบนพื้นกระดานมองไปมองมาข้าวของในบ้าน
หลายสิ่งหลายอย่างที่เห็นนั้นได้มาจากมิตรภาพและความรัก
ภาพเขียนภาพถ่ายจากเพื่อน ข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ของย่า
ไม้กระดานพื้นบ้านที่เป็นหยาดเหงื่อแรงงานของก๋ง
ไม่นับต้นไม้และดอกไม้ที่ถูกรดน้ำพรวนดินจากพ่อ
กับข้าวจากแม่และอา
แม้กระทั่งตัวบ้านที่ถูกสร้างจากอดีตเพื่อนคู่ใจ ที่เต็มไปด้วยความปรานถนาดีต่อฉัน
และต่อจากนั้นฉันเองก็ต่อเติมมันจากเงินที่ได้มาด้วยการสร้างงานอันมาจากความรัก
เมื่อมองๆ และคิดๆ ไป พบว่าชีวิตของฉันนั้นแวดล้อมไปด้วยความรัก
ฉันพบว่ามีความรักซุกซ่อนอยู่ทั่วไปในทุกหนแห่งในบ้านของฉัน
ในข้าวของ ในต้นไม้ ในสัตว์เลี้ยงและในตัวฉัน
หลายวันก่อนฉันชวนอาๆ ที่อยู่บ้านติดๆ กันขึ้นมาเที่ยวชมบนบ้านของฉัน
พวกอา เดินมองในบ้านของฉันแล้วก็กล่าวชื่นชม ในการชอบเก็บข้าวของจิปาถะ
อันเป็นของเก่าๆ เท่าที่พอจะหาได้ ฉันถามถึงของเก่าๆ ที่บ้านของอา พบว่าไม่มีเหลือหลอเสียแล้ว ถ้วยชามเก่าๆ ที่เคยมีพวกอาก็เอามาเล่นเป็นภาชานะขายของแตกพังกันไปเสียตั้งแต่เด็กๆ รูปเก่าๆ ของปู่ย่าตาทวด ซึ่งเป็นปู่ย่าตาทวดเดียวกันกับฉันก็ไม่มีให้สืบค้นมองเห็นอดีตได้อีกเลย คงมีแต่เพียงที่บ้านของฉันเท่านั้น
ในทุกๆ วันพระฉันมักจะไปทำบุญ ส่วนใหญ่จะพยายามทำอาหารเอง แต่ก็มีบางคราวที่ไปซื้อสำเร็จจากตลาด ความสุขของการทำบุญอยู่ที่ความตั้งใจเริ่มทำอาหาร การเก็บดอกไม้มาใส่กรวยใบตองไปถวายพระ และการได้อยู่ในบรรยากาศของการทำบุญในตอนเช้า สุดท้ายแล้วคือการได้บอกอุทิศบุญนั้นให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับจากไป และสัตว์ต่างๆ ที่ฉันรักที่ได้ตายจากไป และญาติมิตรฯลฯ นั่นเป็นความสุขในการทำบุญของฉัน
ดูเหมือนฉันจะพยายามเก็บ และสร้างสิ่งที่ดีที่สวยงามให้แก่ชีวิตของตัวเองอยู่เสมอ เป็นเพราะว่าสิ่งดีงามที่พยายามสร้างขึ้นนั้นมันสามารถจรรโลงใจ จรรโลงฝันของฉันให้ดำเนินต่อไปได้ ในชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่จีรังเลย แม้นกระทั่งความรู้สึก ดังนั้นการทำในสิ่งที่ดีงามดูจะเป็นต้นทุนที่จะคอยเกื้อหนุนจิตใจไม่ให้ตกไปในทางเศร้าหมองหรือ
หมดกำลังใจในยามท้อแท้ หรือยามเมื่อมีเรื่องร้ายเข้ามาแผ้วพานในชีวิต
ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมา ฉันก็ได้แต่พักฟื้นอยู่ที่บ้าน แผลนั้นหายเร็วเกินคาด แต่ภายในยังเจ็บอยู่ แม้นกระนั้นฉันก็ฝ่าฝืนเดินขึ้นลงบันไดเพราะความจำเป็นและแม้นยังไม่ครบเจ็ดวันที่หมอสั่ง ฉันก็แอบขับรถไปตลาดเข้าบ้างแล้ว
ในช่วงเวลาเหล่านี้ ฉันพบว่าฉันเป็นคนเปิดเผยและมองโลกในแง่ดีเกินไป ฉันจึงไม่ควรสนิทสนมกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เป็นอย่างมาก
การงานหลังจากเจ็บป่วยของฉันนั้นเป็นการปั้นดินเล่นอย่างสนุกๆ
ฉันไปได้หิ้งไม้เล็กๆ มาจากร้านขายเตียงเก่าร้านหนึ่ง เจ้าของเพ็นท์ไม้เก่าๆ นั้นเป็นรูปดอกไม้ ฉันชอบจึงซื้อมันกลับมาบ้าน และเอาวางไว้ข้างในตู้ โดยยังไม่ได้ทำอะไรกับมัน ระหว่างที่ฉันนั่งนอนๆ อยู่กับบ้านจนมองมาที่หิ้งไม้เล็กๆ นั้น แล้วจึงปั้นหญิงสาวนั่งห้อยขาขึ้นมาชิ้นหนึ่ง เป็นการปั้นแบบใช้เวลาไม่นานนัก
เพียงไม่ถึงสองวันงานชิ้นนั้นก็เสร็จลง เกิดงานชิ้นเล็กๆ น่ารักขึ้นมาชิ้นได้ชิ้นหนึ่ง
ต่อจากนั้นฉันค่อยๆ เปลี่ยนอารมณ์ ให้ลึกลงไป และขึ้นงานชิ้นขนาดใหญ่กว่าเดิมเอาไว้อีกหนึ่งชิ้น ฉันนึกถึงความงามแบบ ร้างๆ เหงาๆ อันเป็นอารมณ์พื้นฐานประจำตัวของฉัน ฉันอยากได้งานแบบนั้นขึ้นมาอีกสักชิ้นในก่อนปีใหม่นี้
เริ่มมีคนอยากมาแวะเวียนเที่ยวหาฉัน เมื่อฉันพิจารณาแล้ว จึงตอบรับแก่แขกที่จะมาเยี่ยมเยือนเรือนชานของฉันอีกบ้างประปราย ฉันเริ่มเปิดใจเปิดทางของตนเองให้คนอื่นได้สัมผัสมากกว่าแต่ก่อน
ในท่ามกลางลมหนาวของปีนี้ ฉันรู้สึกดี ที่โรคประจำตัวกำลังจะหาย
ฉันรู้สึกดีที่หัวใจของฉันมีไออุ่น และไออุ่นนั้นได้แผ่ฉายไปยังผู้อื่น
ฉันปราถนาในความสุขและอยากให้ความสุขนั้นแก่คนอื่นเช่นกัน
เพราะฉันตระหนักในคุณค่าของความรักที่โอบล้อมฉันอยู่
ความรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะหายป่วยนั้นเป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ของฉัน
คุณค่าในการงานที่ทำนั้นเป็นพลังใจอันสำคัญของฉัน
งานหล่อบรอนซ์หลายต่อหลายชิ้นของฉันที่ออกมาจากโรงหล่อเมื่อเดือนก่อนได้ถูกนำไปวางขายยังแกลเลอรี่และขายไปได้หลายชิ้น ฉันแบ่งเงินรายได้ไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของตัวเองส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งฉันแบ่งไปจ่ายเป็นค่าหล่องาน
จากวันที่เคยเริ่มต้นผ่านมาเป็นเวลานานหลายต่อหลายปี ไม่น่าเชื่อเลยว่าความคิดฝันในใจนั้นจะกลายมาเป็นการงาน และนำรายได้มาสู่ฉันให้หล่อเลี้ยงชีพได้
แต่ทว่าบัดนี้มันได้พิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วว่ามันเป็นไปได้จริงๆ
และที่สำคัญมันคือการงานอันเกิดจากความรัก
ถ่ายภาพโดย : ชาญชัย แซ่ฉั่ว
รู้จัก… องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews