คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม
ที่ใต้ถุนบ้านร่มเย็นนัก…
จากที่นึกเอาไว้ว่าวันสงกรานต์นี้ ฉันอยากไปนั่งใต้ถุนบ้านที่มีเปล..มีร้านนอนที่ใต้ถุนบ้าน แบบบ้านนอกในเวลาเก่าก่อนที่ฉันยังเป็นเด็ก ในที่สุดก็พบทุกอย่างมีอยู่แล้วทีบ้านของตัวเอง ฉันปัดถูร้านนอนใต้ถุนบ้านสะอาดเอี่ยม ไปซื้อเปลสีชมพูมาแขวน ที่ใต้ถุนลมพัดเย็นจนไม่จำเป็นต้องใช้พัดลม
นั่งกินข้าวไปมองยอดตำลึงเขียวชะอุ่มเกาะที่ริมรั้ว…ฉันกำลังอยู่ในสภาวะของความสุขสงบ..เสียงดนตรี และผู้คนเล่นน้ำสงกรานต์ดังแว่วมาจากข้างนอก เสียงนั้นผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เหมือนกับหลายๆ เรื่องราวในชีวิต
สงกรานต์นี้ฉันตัดสินใจไม่ออกไปนอกบ้าน ด้วยเห็นรถราขวักไขว่ที่ในเมืองเพียงก่อนวันสงกรานต์เพียงไม่กี่วัน ฉันนั่งทำงานอยู่บนบ้านเพียงลำพัง ในวันที่สามที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านฉันก็ได้ชิ้นงานชิ้นเล็กๆ น่ารักขึ้นมาอีกขิ้นหนึ่ง หน้าตาท่าทางของงานชิ้นนี้ช่างบริสุทธิ์สะอาด ดุจสาวน้อยแสนซื่อน่ารัก
ฉันตั้งใจปั้นอวัยวะแห่งความเป็นเพศหญิงของเธอให้เห็นอย่างเด่นชัด หากช้อนสายตามองลอดช่วงขาของงานไป
งานของฉันชิ้นนีได้รวมเอาสองสิ่งซึ่งอยู่กันคนละขั้วคือความน่ารักบริสุทธิ์สะอาด และความเป็นผู้หญิงทีน่าหลงใหลเกี่ยวกับทางเพศเข้ามาอยู่รวมกันในชิ้นงานเดียวอย่างผสมกลมกลืน
มันเสร็จสิ้นไปตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ฉันเริ่มลงมือทำกับข้าวและนั่งทานอาหารที่ใต้ถุนบ้าน แสงแดดแผดจ้าถูกร่มไม้รอบๆ บ้านคัดกรองความร้อนที่จะผ่านเข้ามาอ่อนกำลังลง เสียงลมที่พัดผ่านใบไม้ยอดไม้ทำให้ฉันกำลังนึกฝันถึงงานชิ้นต่อไป
อิ่มข้าวแล้ว ได้หลับซักงีบบนเปล แล้วฉันจะตื่นขึ้นไปทำงาน
นี่เป็นชีวิตเรียบๆ ในวันสงกรานต์ปีนี้ของฉัน
มีความฝันที่อยู่ในใจบ้างที่กำลังจะเป็นจริง เพียงแต่เราต้องทำวันนี้ให้ดีฝันในวันหน้าก็จะดีตามไปด้วย..ฉันคิด
ย้อนมาสำหรับการเขียนเรื่องเล่า บัดนี้เป็นตอนที่เท่าไรฉันก็จำไม่ได้เสียแล้ว แต่มันก็ได้ให้ประสบการณ์แก่ฉันมากมาย
ฉันได้รับโอกาสอันมีค่าหยิบยื่นให้มา และฉันก็ลองทำมันและฉันมีความสุขและภูมิใจมากมาย เพียงแต่บัดนี้ ฉันรู้สึกว่าฉันหมดเรื่องที่จะเขียน เรื่องใหม่ๆ ของฉันมันเป็นเรื่องที่ซ้ำซากเดิมๆ อยู่ในชีวิตเรียบๆ บ้านนอกแบบที่ฉันเป็นอยู่แทบทุกวัน
ฉันยังคงปั้นหญิงสาว ไปตลาด และไปวัด…ซ้ำเดิมอยู่เช่นนี้
ฉันจึงคิดว่าเรื่องเล่าของฉันจะทำให้คุณผู้อ่านต้องถึงกับความเบื่อหน่ายเป็นแน่แท้ หากฉันยังคงเเล่าเรื่องซ้ำเดิมอยู่
ฉันควรหลบออกไปและเปิดโอกาสมอบพื้นที่ที่ฉันเคยเขียนแก่คนอื่นๆ เพื่อที่ผู้อ่านจะได้พบเรื่องราวอันน่าสนใจจากคนอื่นๆ บ้าง
ดังนั้นเรื่องเล่าตอนนี้จึงจะเป็นตอนสุดท้ายของฉัน ลาไปกับเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลแห่งความสุขนี้ ฉันขอบคุณทุกๆ คนที่เคยอ่านเรื่องของฉัน ขอบคุณทั้งคนที่ชอบงานของฉันและไม่ชอบ เพราะทุกอย่างนั้นคือประสบการณ์อันมีค่า
ขอบคุณ ASTVผู้จัดการ และ ART EYE VIEW ที่ได้ให้เกียรติเปิดพื้นที่ให้ฉันได้มีโอกาสเขียน เรื่องเล่าในเงาดิน มาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงบัดนี้
ขีวิตของฉันยังคงเป็นไปเช่นเดิม อยู่บ้าน ทำงาน พบปะผู้คนที่ไม่รู้จัก นานๆ จะไปออกงานเสียครั้งหนึ่ง ฉันว่า ชีวิตของฉันมันชักจะคล้ายๆ คนในเมืองบังบดลับแลเข้าไปเสียทุกทีแล้วละ
แต่ก็นั่นแหละ วันใดวันหนึ่งที่ฉันเข้าไปในเมืองไปในงานศิลปะ วันนั้นเราคงจะได้พบกัน
ด้วยรักและขอบคุณ… สวัสดีค่ะ
รู้จัก… องุ่น เกณิกา สุขเกษม
จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยสยาม เคยทำงานเป็นสาวแบงค์ นาน 7 ปี
ปี 2540 เป็นต้นมา หันมาจับเศษดินปั้นเป็นหญิงสาวมากจริต จนได้รับการยอมรับ และรู้จักในฐานะประติมากรหญิงผู้ไม่เคยผ่านการเรียนศิลปะจากรั้วสถาบันใด
ขณะนี้องุ่นใช้ชีวิตและทำงานประติมากรรม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของบ้านริมแม่น้ำน้อย จ.สิงห์บุรี
เป็นชีวิตที่สมถะ เรียบง่าย สบายๆ แม้ไม่ได้สบายด้วยวัตถุ ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ ART EYE VIEW เมื่อหลายปีก่อนว่า
“สบายด้วยอากาศ ด้วยต้นไม้ และมีอิสระ ทุกวันนี้ทำงานปั้นดิน และเผาเองทุกชิ้น ส่วนชิ้นไหนที่เห็นเหมาะเห็นชอบ ก็จะนำไปหล่อที่โรงหล่อ
รู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากเลย เวลาที่ทำงาน เพราะอะไรที่มันเป็นชีวิตเรา เป็นความรู้สึกนึกคิดของเรา พอได้ทำเป็นงานออกมาแล้วมีความสุข
ถ้าช่วงไหนไม่ได้ทำงานปั้น มันเหมือนชีวิตเราหมดคุณค่า และอัดอั้น เพราะเรามีความรู้สึกที่ต้องระบายออกมา”
ติดตาม คอลัมน์ : เรื่องเล่าในเงาดิน โดย : องุ่น เกณิกา สุขเกษม ได้ทุกอาทิตย์ ทาง ART EYE VIEW
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews