Celeb Online

คุยกับนางเปลือย “อีฟ อนัตตา” ในวันที่สวมเสื้อผ้า


ART EYE VIEW—เมื่อปี 2557 “นางเปลือย” ภาพยนตร์สารคดี ผลงานของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ที่ส่งเข้าประกวดใน เทศกาลหนังสั้น ครั้งที่ 18 เคยทำให้หลายคนได้รู้จักกับ อีฟ อนัตตา หญิงสาววัย 20 ปี ต้นๆ ที่ผันตัวเองจากการเป็นแบบถ่ายภาพในแนวใสๆน่ารักๆ มาเป็นแบบถ่ายภาพศิลปะนู้ด

นับตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวันนี้ ผ่านมาแล้ว 3 ปี กับชีวิตและงาน บนวิถีที่ต้องเปลือยกายเป็นแบบ เพื่อถ่ายทอดแนวความคิดของช่างภาพแต่ละคน

แม้ค่าตอบแทนจะน้อย เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอต้องทุ่มเท และนับวันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเปลือยกายบนโขดหิน คลุกดินโคลน ปีนต้นไม้ ลงน้ำ ฯลฯ ขณะที่เสียงสะท้อนในด้านลบๆยังมีอยู่ไม่ลดละ

แต่ “อีฟ อนัตตา” บอกว่า ยังสนุกที่จะทำงานนี้และจะทำต่อไปจนแก่ ถ้าวันหนึ่งไม่มีคนจ้าง จะตั้งกล้องถ่ายตัวเอง เพราะเธอเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่คือส่วนหนึ่งของการทำงานศิลปะ ไม่ใช่อนาจาร ผู้ชมที่เสพงานทางด้านนี้จริงๆ สามารถแยกแยะได้ ส่วนที่ยังไม่เปิดใจยอมรับเป็นแค่เพียงคนส่วนน้อยเท่านั้น

หลายเรื่องราวที่คุณเคยรับรู้เกี่ยวกับเธอ และอีกหลายเรื่องราวที่คุณอาจจะยังไม่เคยรับรู้ มารวมกันอยู่ในบทสัมภาษณ์นี้ พร้อมด้วยผลงานของช่างภาพที่เธอเคยเป็นแบบให้ และรู้สึกประทับใจจนต้องเก็บไว้ในหมวดหมู่ “ภาพถ่ายศิลปะนู้ดที่ชอบ”

เรานัดพูดคุยกับเธอที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน หญิงสาวในลุคที่แต่งตัวมิดชิด นุ่งเสื้อลายทาง ส่วมกางเกงขายาว และรองเท้าผ้าใบ มาพร้อมกับทรงผมที่เพิ่งตัดใหม่ และดวงตาที่ดูเปิดเผย ทว่าถูกบดบังเล็กน้อยด้วยเลนส์แว่นตากรอบสีดำ

ถ้าไม่เคยทำความรู้จักกับเธอมาก่อนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค เราไม่คิดหรอกว่าเธอคือคนๆเดียวกับ “นางเปลือย” ที่เราเคยรู้จักผ่านภาพถ่าย


เริ่มถ่ายภาพแนวใสๆมาก่อน จนเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผันมาถ่ายภาพนู้ด

“เริ่มจากอีฟถ่ายภาพเล่น สวยๆ ของเรา บางทีเห็นเค้ามีภาพสวยๆเราก็เลยอยากมีบ้าง อายุเพิ่มขึ้นและเปลี่ยนไปทุกวัน ก็เลยอยากลองถ่ายแนวน่ารักๆดู ประจวบเหมาะกับช่างภาพที่ถ่ายภาพพอร์เทรตมาชวนให้ไปเป็นแบบ ก็เลยไปเป็นแบบให้เค้า แต่ถ่ายได้สักพักนึง อีฟรู้สึกว่า ไม่เป็นตัวของตัวเอง อีฟเกร็ง ภาพที่ออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติสำหรับอีฟ ช่างภาพเขาบอกว่ามันสวยตามที่เขาตั้งใจนำเสนอนะ แต่สำหรับอีฟ รู้สึกว่ามันสวย แต่เราไม่อยากเก็บ

ถ้าถามว่าอีฟเริ่มถ่ายนู้ดได้ยังไง อีฟยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าเริ่มได้ยังไง แต่อยู่ดีๆก็ได้บอกกับช่างภาพคนหนึ่งว่า หนูอยากแก้ผ้าวิ่งในป่า เริ่มต้นตั้งแต่ตรงนั้น

ครั้งแรกเขินไม๊ ไม่ได้รู้สึกเขินเลย แค่อยากถ่ายภาพ อยากได้ภาพสวยๆ พอภาพออกมา เอ้ย…แนวนี้มันก็มีเหรอ จึงตามเสพมาเรื่อยๆ เริ่มซึมซับเกี่ยวกับงานศิลปะภาพถ่ายนู้ด มันอัศจรรย์อะ ทั้งที่เราถูกปลูกฝังมาว่า การโป้มันผิด เราก็โป้ แต่กลับรู้สึกว่าไม่ได้น่าเกลียด”

ตอนนั้นยังเรียนหนังสืออยู่หรือว่าอย่างไร และเรียนศิลปะมาหรือเปล่า

“เรียนหนังสืออยู่ค่ะ เรียนมาทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ หรือ เทคนิคกรุงเทพ) แต่อีฟชอบวาดภาพ เขียนกลอน แต่งนิยาย คือสิ่งที่อีฟชอบทำมันเป็นเรื่องของศิลปะมากกว่าที่จะไปใส่ใจกับเรื่องที่เราเรียนอยู่เสียอีก”

ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน เป็นแบบให้ช่างภาพมากี่คนแล้ว

“ถ้าไม่นับรวมกรณีที่ช่างภาพนัดกันมาถ่ายเป็นกลุ่ม น่าจะอยู่ที่ 20 คนขึ้นไป”

ช่างภาพส่วนใหญ่ติดต่อเราอย่างไร

“หลายๆคนคิดว่าอีฟต้องมีผู้จัดการ ต้องอยู่ในโมเดลลิ่ง ไม่ใช่ อีฟรับงานเองโดยตรง ให้มาคุยกับอีฟเลยว่าอยากถ่ายอะไร จะให้ราคาเท่าไหร่”

ใครเป็นคนตั้งราคา

“บอกตามตรงนะว่าอีฟไม่กล้าตั้งราคา ส่วนใหญ่ช่างภาพเสนอราคามาเอง ตั้งแต่ 2,500 – 5,000 บาท

ถ้าทั่วๆไปเขาจะคิดกันชั่วโมงละ 1,000 – 1,500 บาท แต่สำหรับอีฟ ตามราคาที่ตกกันแล้ว อีฟสามารถมีเวลาให้ได้ทั้งวัน เค้าเลือกเราอะ ในเมื่อเค้าเอาใจมาให้เราแล้ว เราก็ให้ใจเค้ากลับ ทุ่มเทเพื่อเค้า”

เพราะเราสนุกกับงานด้วยใช่ไหม

“ใช่ค่ะ ..แต่ก็ไม่ได้เลือกทุกงาน ถ้าเราคิดว่าแนวคิดหรือคอนเซ็ปต์ที่เขาจะนำเสนอผ่านภาพถ่าย มันดูไม่เหมาะกับเรา และถ้าเขายังตื้อ อีฟก็จะตั้งราคาไปเลยสูงๆ เพราะว่าเค้าไม่สู้หรอก”

คอนเซ็ปต์แบบไหนที่ไม่เหมาะ

“แนวเซ็กซี่ เป็นต้นว่า สวมชุดลูกไม้ กลิ้งไปมา เอาตัวมุดเตียง เรารู้สึกว่าไม่ออกไปทางขายความเซ็กซี่ และตัวอีฟเอง ไม่ใช่คน มีนม มีก้น สรีระของอีฟไม่ได้เพอร์เฟกต์ เป็นแค่คนตัวเล็กๆแห้งๆ เหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว ถ้าเอาเราไปถ่ายแบบนั้น เราไม่คุณสมบัติอยู่แล้ว และถ้าเค้าถ่ายออกมาไม่สวย เค้าไม่คุ้ม เค้าอาจจะมองว่ามันเป็นความผิดของเรา ทั้งที่เราไม่เพอร์เฟกต์ แต่ดันมาเลือกเรา เพราะคิดว่า ชื่อของเราการันตีความเป็นมืออาชีพ”


มีคอนเซ็บต์ไหนของช่างภาพคนไหนที่เราได้เป็นแบบแล้วประทับใจ

“อีฟชอบคอนเซ็บต์ของ น้าอุ๋ม Funny Lens เพราะค่อนข้างไม่จำเจ เค้าค้นหาสิ่งใหม่ๆให้กับงานของเค้าตลอด และทุกครั้งที่อีฟไปถ่ายกับเค้า อีฟเปลี่ยนเป็นคนใหม่ เป็นอีกคนหนึ่งที่เค้าอยากจะให้เป็น

ซึ่งเมื่อเทียบกันกับจุดเริ่มต้นที่ได้ถ่ายกับ น้า Pop Fine Art เขาจะไปในแนวอิงแอบ แนบธรรมชาติ แต่จะได้ความท้าทายอีกแบบนึง เป็นช่างภาพอีกคนที่อีฟชอบผลงาน แต่ facebook ของเขาจะโดนแจ้งรายงานบ่อยมากๆเลย ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่แจ้งรายงานเค้าแจ้งทำไม อีฟมองว่าเป็นคนไม่หวังดีมากกว่า (เป็นคู่แข่ง?) ใช่..ค่ะ

แม้แต่ Facebook ของอีฟก็เคยโดน ซึ่งจะเก็บภาพผลงานไว้เต็มเลย และเคยโดยแจ้งรายงานจนปิดไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่ผลงานที่เราเอามาลงไปใช่คลิปโป้ มีแต่ผลงานของเรา หรือคนอื่น Tag มา และงานที่เราชอบ ที่เราแชร์จากช่างภาพคนอื่นมา

แต่อีฟชอบงานของคุณน้าอุ๋ม Funny Lens มากกว่า เพราะว่า มันใหม่ เค้าไม่หยุดนิ่ง อีฟเคยเป็นแบบให้น้าอุ๋มถ่ายประมาณ 3- 4 งาน

เคยมีช่างภาพที่เห็นว่าน้าอุ๋มถ่ายอีฟออกมาได้สวย เค้าเลยมาจ้าง แต่เค้าไม่สามารถถ่ายออกมาได้สวยแบบนี้ เค้าโทษอีฟ (มีโทษนางแบบด้วยหรือ?) … มี๊ (เน้นเสียง)”

ช่างภาพส่วนใหญ่ที่ถ่ายภาพเรา เขาเก็บไปเป็นผลงาน ในฐานะภาพถ่ายศิลปะนู้ดส่วนตัว หรือว่านำไปใช้เพื่องานอื่น

“เก็บไว้เป็นผลงาน ถ่ายเพราะชื่นชอบ รู้สึกเมื่อต้นปี ผลงานของน้าอุ๋ม มีนิตยสารของสิงคโปร์(NUARTREVUE) เอาผลงานเขาไปลงในนิตยสารประกอบบทสัมภาษณ์น้าอุ๋ม และในจำนวนผลงานที่นำไปลง มีผลงานที่อีฟเป็นให้ด้วย ซึ่งหลายๆครั้งอีฟรู้สึกแปลกใจว่า งานดีๆของช่างภาพหลายๆคนที่มีความเป็นอาร์ต แต่คนไทยด้วยกันไม่ยอมรับ แต่มันกลับได้รับการยอมรับในต่างประเทศ ส่วนที่นิยมในตลาดเมืองไทย เป็นภาพถ่ายในแนวสวยงามอีกแบบหนึ่งมากกว่า”

 มองตัวเองว่าไม่มีจุดขายที่ “เนื้อ นม ก้น” แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ช่างภาพสนใจเลือกเราไปเป็นแบบ

“อีฟคิดว่าที่เค้าเลือก เพราะว่าอีฟไม่ค่อยปฏิเสธและทุ่มเท มากกว่า บางทีเราก็รู้สึกว่ามันเกินกำลังของเราแล้วนะ แต่เราก็เลือกที่จะทำ เพราะเค้าเชื่อใจว่าเราทำได้ อีฟไม่ได้พูดคำว่าต้องทำได้ แต่เมื่อไหร่ที่ช่างภาพเค้าถามว่า อีฟทำแบบนี้ได้ไม๊ อีฟจะบอกไปว่า ขอลองก่อนนะคะ แล้วก็พยายามทำให้สำเร็จ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็แล้วกันไป จะรับปากไว้เพียงครึ่งนึง

อีฟค่อนข้างเชื่อใจ และไว้ใจตากล้อง ถ้าเค้าเลือกเราแล้ว เค้าหามุมสวยงามของเราออกมาได้แน่นอน แล้วส่วนเรื่องคอมโพสต์ อีฟเรียนรู้จากคำสั่งที่เค้าสั่งๆกันมา ยกก้น ยกแขน ทำท่า เป็นจินตนาการของช่างภาพเค้า อีฟสะสมมันมาเรื่อยๆ นำมาใช้กับคนที่เค้าต้องการขอความคิดของอีฟ”

มีเคล็ดลับในการดูแลร่างกาย เพื่อให้พร้อมกับการทำงานเสมออย่างไร

“ไม่ได้ดูแลตัวเองมากมาย แค่กินครบ 3 มื้อ ออกกำลังกาย แต่ไม่ได้หนักหน่วง แค่ให้เราได้ใช้แรง เดินไปกลับ จากที่ทำงานไปบ้าน คือเป็นคนที่ทำตัวกระฉับกระเฉงตลอดเวลา อีฟก็เลยไม่รู้สึกว่าตัวเองป่วย

ส่วนเรื่องผิวพรรณ อีฟไม่ได้ทาครีมอะไรเลย ยอมรับว่ากำลังทรัพย์ของอีฟไม่ค่อยจะมี(หัวเราะ) เป็นคนเก็บสตางค์มากกว่า ไว้เลี้ยงดูทางบ้าน” 

ยังมีคอนเซ็ปต์ไหนที่ยากๆ ยังไม่เคยทำ และอยากลองทำ

“คลุกดิน ปีนต้นไม้ ลงน้ำ พ่นควัน ฯลฯ ก็ทำมาแล้ว มานั่งคิดดูเหลือพ่นไฟที่ ยังไม่เคยทำ อาจจะในอนาคต (อย่าเลยกลัวแทน) อีฟก็กลัวเหมือนกัน(หัวเราะ)

ทุกครั้งก่อนจะทำคอนเซ็ปต์หนึ่ง ต้องคุยกับช่างภาพให้เคลียร์ก่อน แล้วซักซ้อมตัวเอง ไม่ใช่ไปถึงเปรี้ยงๆ เราต้องทำการบ้านด้วย เนี่ย..ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวของอีฟ”

มีหลักหรือวิธีการในการโพสต์ท่าอย่างไร

“พยายามย้อนดูงานเก่าๆของช่างภาพแต่ละคน ว่าเค้านำเสนออย่างไร พอเค้าสั่งว่าน้องอีฟลองไปยืนตรงนั้นซิ เราก็ลองยืนให้เค้าดูก่อน ถ้าเค้าชอบเค้าก็จะถ่าย ถ้าไม่ชอบเค้าก็จะบอกให้เราปรับ”



เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสารคดีสั้นว่า ไม่ค่อยกังวลเรื่องสถานที่ แม้ว่าจะมีคนแปลกหน้ามามุงดูก็ตาม แต่กลัวตำรวจจับมากกว่า มีลิมิตของตัวเองแค่ไหน ในเรื่องสถานที่

“เรื่องโลเคชั่น อีฟไม่ค่อยเรื่องมากเลยนะ แต่ถ้าเป็นช่างภาพมือใหม่ชวนเราไปถ่าย อีฟจะบอกไปว่า ขอให้เป็นที่ๆค่อนข้างส่วนตัวหน่อย เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่มามองดูเรา เขาจะว่าอย่างไร แล้วในยุคสมัยนี้เป็นยุคดิจิตอล ทุกคนมีกล้องในมือถือ เกิดเค้าถ่ายไป และไปแปรเป็นเจตนาอื่น ไม่ได้สนใจว่าเรามาทำอะไร

ส่วนช่างภาพมืออาชีพที่เคยทำงานด้วยกัน เต็มที่เลยพี่ ฝากชีวิตไว้ด้วย(หัวเราะ) ส่วนทำไมกลัวตำรวจ เพราะว่าเมื่อเรามีอิสระของเราที่จะทำอะไรก็ได้ เราเลยรู้ว่ากรอบของเราอยู่ตรงไหน อย่างไรการเปลือยในที่สาธารณะก็ยังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เราก็ไม่ควรที่จะทำอะไรให้มันเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บ้านเรายังไม่พร้อมที่จะรับอะไรแบบนี้ ก็ควรจะปฏิบัติไปตามกฎ เมื่อรักจะทำ เราควรดำรงรักษาไว้ในสิ่งดีงาม”

นอกจากรับเป็นแบบถ่ายภาพ รับเป็นแบบให้ศิลปินวาดภาพด้วยหรือไม่

“เพิ่งรับงานเดียวค่ะ เป็นกลุ่มศิลปินที่รวมตัวกันจัดนิทรรศการ แล้วเราเป็นหนึ่งในแบบที่เค้าเลือกไปเป็นแบบวาดภาพ”

แบบไหนชอบมากกว่า

“ต่างกันเลย อาจจะเป็นเพราะอีฟชินกันการถูกถ่ายภาพก็ได้ พอมาเป็นแบบวาดภาพ ที่ต้องอยู่ในท่าเดิมๆนานๆ จากที่เคยโพสต์สวยแค่ 3 วินาทีแล้วเปลี่ยนท่า ต้องมาโพสต์สวย 10 นาที จึงประจักษ์กับตัวเองเลยว่า ต่อไปบางท่าที่เคยโพสต์เพื่อเป็นแบบถ่ายภาพ ไม่ต้องโพสต์สำหรับเป็นแบบวาดภาพนะ เอาที่เราสบาย เป็นธรรมชาติดีกว่า เพราะเราจะสามารถอยู่ได้นาน และอยู่ได้นิ่ง จากที่เคยเปลี่ยนท่าเร็วๆ ปึ๊บปั๊บๆ ให้กับการถ่ายภาพ แล้วต้องมาเป็นแบบนิ่งๆ เหงื่อตกนะคะ ..เกร็ง มีคนถามว่าน้องอีฟเป็นอะไร ไม่เคยนั่งนานขนาดนี้เลยค่ะพี่ (หัวเราะ) มันยังเป็นสิ่งใหม่ ที่ตื่นเต้น”

ล่าสุดเห็นเริ่มกลับมาใส่เสื้อผ้าบ้างแล้ว

“เป็นสินค้าที่เค้าขายบิกินี่ ไม่ใช่เค้าจ้างเรา แต่เค้ามีแคมเปญจัดประกวด เราเห็นพี่ใบเตย ซึ่งเป็นนางแบบเหมือนกันไปประกวด อีฟเห็นว่ามันสวย ก็เลยตามเค้าไป รวมถึงแรงยุของหลายๆคนที่อยากเห็นอีฟใส่บิกินี่บ้าง และอีฟก็ไม่เคยใส่บิกินี่ถ่ายภาพเลย ก็เลยลองดู

เกร็งมากค่ะ เคยถ่ายสวยใส มีเสื้อผ้า รู้สึกว่ามันไม่เป็นตัวเอง ต่อมาถ่ายนู้ดโอเคกว่า เพราะมีหลายอย่างให้มอง คนไม่มาโฟกัสที่หน้าตาเราอย่างเดียว มีหลายองประกอบในตัวเรา กลายเป็นผลงานในภาพ แต่พอล่าสุดมาถ่ายบิกินี่ปุ๊บ รู้สึกเกร็ง จะทำอย่างไรให้ผลงานของเขาดูเด่นชัด และตัวเราไม่ดูอ้วน เตี้ย ตัน เริ่มไม่ชินกับการมีเสื้อผ้าใส่ (หัวเราะ)”

3 ปีที่ผ่านมาเสียงสะท้อนจากคนรอบข้างเกี่ยวกับงานที่เราทำ เป็นอย่างไร

“เรื่องเพื่อนๆอีฟตัดทิ้งเลย เพราะไม่ได้เอาเรื่องส่วนตัวเราไปบอกเล่าให้เขาฟังเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เสียงสะท้อนที่มีมาคือ เสียงของผู้รักการถ่ายภาพ นางแบบเก่งจังเลย ทำได้ยังไง อยากถ่ายบ้าง จึงทำให้ได้งานเรื่อยๆ จากการบอกเล่าปากต่อปาก”

อะไรคือความสนุกของการทำงาน

“เราได้เจอคนใหม่ๆ ได้ลองทำอะไรแปลกๆที่คนเค้าไม่ทำกัน และเราได้ฝากเรื่องราวของเราไว้บนโลกนี้นะ ถ้าเราตายไป ภาพของเรา อย่างเล่มนี้ (ผลงานศิลปะนิพนธ์ของนักศึกษาเพาะช่าง ซึ่งเลือกเธอเป็นแบบ) สิบปี ห้าสิบปี มันก็ยังอยู่ คนรุ่นหลังมาดู มันจะได้เป็นแรงบันดาลใจ เป็นแนวทางให้เค้า ว่าเค้าควรทำอย่างไร หรือชอบมันหรือไม่”

ถึงจุดอิ่มตัวหรือยัง เป้าหมายของเราคืออะไร

“คนมักคิดว่าอีฟอิ่มตัวแล้ว แต่อีฟก็ยังคงกระหายที่จะทำต่อไป ต่อให้อีฟอายุ 50-60 ปี อีฟก็จะยังคงเป็นแบบ ถ้าเค้าจ้าง แต่เค้าไม่จ้างก็จะตั้งกล้องถ่ายตัวเอง เพราะว่าร่างกายของคนเราไม่ได้หยุดแค่นี้ แม้ว่าเราจะแก่ตัวลง สภาพผิวหนังจะเปลี่ยนไป แต่คำศิลปะเราสามารถนำเสนอได้ไม่มีวันจบหรอก ยังถ่ายต่อไปได้ทุกปี ก็เลยตั้งใจว่า เราคงไม่จบแค่นี้หรอก เราคงไปต่อเรื่อยๆ”

 ลึกๆแล้ว อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความเข้าใจเรื่อง ศิลปะภาพถ่ายนู้ด หรือไม่

“หน้าที่เปิดใจมันเป็นของคนอื่นเค้าอะ คนที่เค้าไม่เข้าใจก็ยังมี แต่มันเป็นแค่ 30 ใน 100 เป็นแค่เล็กน้อยเท่านั้นแหล่ะที่เค้าเอาเราไปผูกโยงกับการเกิดอาชญากรรมทางเพศ อีฟรู้สึกว่ามันไม่เกี่ยวกันเลย เพราะผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือเป็นคนแก่ ถ้าไอ้นั่นไม่อยากจะข่มขืน มันก็เอา แล้วอีฟทำงานตรงนี้ แก้ผ้ามาตลอด ทำไมอีฟไม่โดน มันอยู่ที่จิตสำนึกของคนซึ่งเป็นผู้กระทำมากกว่า

แล้วคนที่มาซ้ำเติมผู้หญิง เพราะมึงแต่งตัวโป้ เพราะมีคนแบบมึง เค้าต้องไปรับสื่ออะไรมาซักอย่างแน่ๆ รับสื่อด้านเดียว โลกนี้มันไม่ได้ไม่ดีเพราะคนบนโลก แต่มันไม่ดี เพราะความคิดของคนๆนึงหรือเปล่า และถ้าเราจะให้เค้ามามองเราว่า อาร์ตดีนะ มันคงเป็นสักวันที่เค้าจะเข้าใจ อีฟไม่รีบร้อนให้เค้า ชมสิ ดูสิ อาร์ตนะ อีฟไม่รีบร้อนหรอก เพราะว่าลำพังอีฟคนเดียว หรือกลุ่มช่างภาพที่รักการถ่ายนู้ด หรืออย่าง น้าชัย (ชาญชัย แซ่ฉั่ว) คนเดียวทำไม่ไหวหรอก ต้องมีคนทำหลายๆคน ช่วยกัน

และแน่นอนว่าคนที่เริ่มทำมาก่อนอย่างอีฟ และคนทำสารคดีเกี่ยวกับอีฟ พวกเขาเป็นคนแรกที่ต้องเจอแรงกระทบก่อน”

เมื่อตอนที่สารคดีสั้นของนักศึกษาถูกเผยแพร่เมื่อปีที่ผ่านมา มีรายการทีวี เชิญคนทำสารคดีไปออกรายการ ทำไมนางแบบไม่ยอมไปออกรายการด้วย

“เพราะ ทางรายการเห็นว่าอีฟยังเด็กที่จะพูด และขนาดอีฟเคยไปออกช่องอื่นมาก่อนหน้านี้ เขายังเบลอหน้าอีฟ เหมือนเด็กที่โดนทำร้าย”

ส่วนตัว เต็มใจที่ไปออกรายการ

“ใช่ ..อีฟเต็มใจพูดคุย เต็มใจบอกเล่าว่าเพราะอะไร ทำไม เราเต็มใจมากเลยที่มีคนวิ่งมาหาเรา แล้วสอบถามเรา เรายินดีที่จะแบ่งปันเรื่องของเรากับทุกๆคน เหมือนเค้ามาเคาะประตูบ้านเรา เฮ้ย..อยากรู้เรื่องถ่ายนู้ด เอ้ย..มาเล้ย มาคุยกันเลย ถ้ามีหนึ่งคนที่ดูสารคดีเกี่ยวกับชีวิตอีฟแล้ว เปลี่ยนความคิดที่เคยมีต่อภาพถ่ายนู้ด มันคือความสำเร็จของสารคดี

จำได้ว่าเคยมีเพจหนึ่งเอาสารคดีไปลง 5 ชั่วโมง มีคนด่าเป็นพันเลย แล้วมีคนที่เค้าตั้งใจดู มาตอบกลับว่า คนที่ด่าเค้า ได้ดูหรือยัง แล้วพออีฟไปคอมเม้นท์บ้าง ก็โดนลบเลย แปลกดี เหมือนให้โอกาสคนอื่นได้พูดด้านเดียว”



ดูมีความสุขกับการทำงาน แต่บอกได้ไหมว่าความทุกข์ของ “อีฟ อนัตตา” คืออะไร

“หลายคนอาจจะคิดว่าอีฟ อดทนได้กับแรงภายนอก แต่ไม่เลย อีฟมีสองแรงที่ต้องทน อีฟอยู่ตรงกลาง นอกจากมีหนึ่งแรงที่ขับเคลื่อนชีวิตเรา คือครอบครัว ขณะที่มีอีกแรงจากข้างนอก คือสังคมที่โจมตีอีฟ แล้วเราจะวางตัวอย่างไร หลังเราชนกับข้างนอกอยู่แล้วแหล่ะ อีฟไม่สนใจหรอก เค้าจะมองอีฟยังไง แต่คุณแม่อีฟ น้องสาวอีฟ ยอมรับเลยว่า พอแม่เห็นลูกสาวตัวเองเป็นแบบนี้ เหมือนใจสลาย โทษตัวเองว่า ชั้นเลี้ยงลูกยังไง ไม่ให้ลูกชั้นไม่รักนวล สงวนตัว”

ปัจจุบันครอบครัวเริ่มเข้าใจในงานของเรา แต่ลึกๆแล้ว ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากให้ทำ

“ถูก.. ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย ครั้งแรกที่เค้ารู้ว่าเราไปถ่ายนู้ด เค้าไม่คุยกับอีฟเลย สามเดือนผ่านไป ถามว่าอีฟหยุดไม๊ อีฟก็ไม่หยุด อัพ facebook ทุกวัน เป็นแบบถ่ายนู้ดทุกสัปดาห์ แล้ววันนึงก็เกิดการซึมซับ จนแม่เข้าใจว่าอีฟไม่ผิด ไม่ได้ทำอนาจารเลย เวลามีคนจัดนิทรรศการ แล้วมีเราเป็นแบบ เราก็มีงานกลับมาให้ดูที่บ้าน แม่มานั่งดู เออ… สวยดีนะ ดูไม่โป้เลย แต่หนูแก้ผ้านะแม่ เออ ..แก้ผ้า แต่ไม่โป้

มันต้องใช้เวลา โอเค แรงภายในของเราจบแล้ว แต่สิ่งที่ไม่เคยจบเลย คือความเป็นห่วง กลัวโดนหลอก กลัวจะเกิดอุบัติเหตุกับเรา

เวลาถามแม่ว่า ถ้ามีคนเอาภาพอีฟมาให้ดูจะรู้สึกอย่างไร แม่เค้าตอบว่า ชั้นคงหน้าชาว่ะ ถ้าคนเค้าเอาภาพแกมาพูดกับชั้น เค้าภูมิใจได้เต็มปากไม๊ เค้าก็พูดไม่ได้อยู่ดี ว่าเค้าภูมิใจ เพียงแต่เค้าวางใจกับเราได้ว่าเราไม่มีวันทำให้เค้าเสียใจแน่นอน แต่เจเนอเรชั่นของคนหัวโบราณรอบตัวเค้า จะมีโมเม้นท์ซุบซิบ นินทา แล้วคุณแม่เป็นผู้หญิงที่เลี้ยงลูกลำพัง ศักดิ์ศรีสูงมาก ค่อนจะหน้าตึง หน้าแข็ง เมื่อมีเสียงเข้ามา (คุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน) ค่ะ แต่ทุกวันนี้อีฟ ก็ยังได้เจอทั้งคุณพ่อและคุณแม่ คุณพ่อเป็นคนเหนือ คุณแม่เป็นคนกรุงเทพฯ ตอนนี้อีฟอาศัยอยู่กับคุณแม่ ที่ย่านสุขุมวิท”

มีพี่น้องหรือเปล่า แล้วคิดอย่างไรกับงานของเรา

“อีฟมีน้องสาวอายุย่าง 20 ปี ส่วนอีฟปีนี้อายุ 24 ปี ย่าง 25 น้องสาวจะชอบคอนเซ็ปต์ที่ช่างภาพนำเสนอให้เราแต่งตัวเป็นผี หรือแนวทึมๆมืดๆที่ดูไม่รู้เรื่องว่าเราเป็นใคร พี่อีฟสนุกดีออก สวยดี เค้ายังชอบเลย เค้าจะบอกแบบนั้น แต่พอเห็นเราในแนวใสๆ เค้าจะดูผ่านๆ อีฟพิสูจน์ได้อย่างหนึ่ง เวลาจะทำให้คนเข้าใจ ขณะเดียวกัน มันเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล ชอบก็ดู ไม่ชอบก็ไม่ดู แค่นั้นเอง

แรกๆที่น้องรู้ว่าพี่อีฟไปถ่ายแบบมา เขาบอกว่า อือ ระวังตัวแล้วกัน เป็นห่วง อาจจะเป็นเพราะว่าเค้าเป็นน้อง เค้าไม่ค่อยกล้าโกรธเราเท่าไหร่ แม้แม่จะเลี้ยงลูกแบบเพื่อน แต่ในบ้านเราก็ยังมีความเป็นวัฒนธรรมไทยแบบเดิมที่คนอายุน้อยต้องเคารพคนอายุมากกว่า เราคุยเล่นกันได้ภายในครอบครัว แต่เราจะไม่ลามปามกัน อีฟถูกเลี้ยงมาให้ใช้ชีวิตแบบอิสระ จึงรู้ว่ากรอบของทุกคนคืออะไร และเราจะไม่ก้าวก่ายกัน

หลายๆสื่อที่เขาพยายามจะขอสัมภาษณ์คุณแม่ อยากจะเจอคุณแม่ อีฟก็บอกว่าไม่สะดวกนะ เพราะอยากให้คนดูที่ผลงานของเรามากกว่ามาสนใจชีวิตของเรา

ส่วนมากเขาจะถามแบบ น้องอีฟเป็นใคร ทำไมมาทำอย่างนี้ ทางบ้านว่าอะไรไม๊ คือมาสนใจชีวิตอีฟ แต่น้อยนะที่จะถามความเป็นมาเรื่องการทำงาน แค่อยากรู้ประวัติเรา ชื่อ อายุ ตอนนั้นก็คิดในใจด้วยนะ ส่วนสูง น้ำหนัก ด้วยไม๊”

คุณแม่ทำอาชีพอะไร และตอนนี้ใครเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวเป็นหลัก

“คุณแม่เป็นพนักงานหลายตำแหน่ง เป็นแม่บ้าน ธุรการ บัญชี ฯลฯ ตราบใดที่แม่ยังไม่ออกจากงาน แม่ก็ยังเป็นคนหารายได้หลักของครอบครัว”



การทำงานที่ผ่านมา เคยมีปัญหากับช่างภาพไหม

“เคยมีค่ะ แต่ในเมื่อเราต้องทำงานกับเขา แยกแยะดีกว่า ความไม่พอใจเก็บไว้ก่อน ยังไม่เคยมีประวัติแบบ กูไม่ถ่ายแล้ว กูกลับบ้าน มีแต่กรณีที่เขาด่าเรา ไม่พอใจเรา เราก็หายใจลึกๆ เอาใหม่ ทำให้เค้าพอใจ.. จบ จากนั้นจะรับเค้าอีกไม๊ ก็จะค่อยๆเลือก ไม่รับ ไม่เจอ”

เคยมีสัมพันธ์กับช่างภาพที่เลยเถิดไปมากกว่าเรื่องงานไหม

“อีฟเรียกว่าเป็นความรักและเคารพมากกว่า ช่างภาพที่เข้ามาในชีวิตอีฟทุกคน เป็นเหมือนคุณครู เป็นพ่อ เป็นพี่ เป็นเพื่อน มากกว่า แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องเซ็กส์ ไม่มี อีฟไม่ได้บริสุทธิ์ใจกับเค้ามากมาย (ส่วนใหญ่ก็อายุเยอะ รุ่นพ่อเราแล้ว) ใช่ค่ะ เรามองเค้าแบบมิตรภาพมากกว่า แม้กระทั่งช่างภาพที่นักศึกษาก็ตาม เรามองเรื่องมิตรภาพมากกว่า

ค่านิยมที่มีมาแต่โบราณ ที่เชื่อกันว่า นางแบบได้กับตากล้อง คือถึงจะได้กัน มันเรื่องของเค้าป่าววะ เค้าอาจจะเกิดจากความรัก อาจจะเกิดจากอะไรหลายๆอย่างที่เค้ารักกัน ตกลงปลงใจซึ่งกันและกัน แล้วคนประเภทหนึ่งก็แบบสนุกปาก มันเป็นแบบนั้นแบบนี้ว่ะ ตอกย้ำซ้ำๆ จนเชื่อมาแต่โบราณจนถึงตอนนี้ว่า นางแบบต้องได้กับตากล้อง

อีฟรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นแบบนั้น และไม่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน มันเหมือนเราตอกย้ำสิ่งที่เรากำลังทำ ว่าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น เพื่อจะทำลายความเชื่อแบบนั้น”

เคยมีคนแอบแฝงมาทำความรู้จักเราผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อจุดประสงค์อื่นไหม

“ที่แย่ที่สุดคือ ตั้งวงเงินสูงมาก ไปก๊อปโปรไฟล์ของคนดังมา สวมรอยเป็นคนนั้น ถึงแม้จะไม่พูดหื่น หรือลามกก็ตาม พยายามหลอกอีฟ ไม่โอเคเลย ตอนนั้นจะเล่นงาน เอาคืนแน่ๆ ถึงแม้ว่าเราจะยังไงไม่เสียหายอะไร แต่มาหลอกเรา มันไม่โอเค ส่วนพวกที่มาโพสต์ว่าเรานมเล็ก อีฟเฉยๆแล้วอะ เล็กแล้วไง อยากดูใหญ่ๆก็ไปหาดูสิ”

ปัจจุบันมีแฟนหรือยัง และเคยมีเหตุการณ์ที่แฟนไม่เข้าใจงานของเราไหม

“มีค่ะ…อดีตกาล ตอนเรียนปี 2 ถ่ายนู้ดครั้งแรกเลย แฟนเป็นทหาร เห็นปุ๊บกลับกรมเลย ไม่คุยกันอีกเลย ถามว่าเราง้อไม๊ เราก็ไม่ง้อ เพราะว่า บอกตามตรง เค้าไม่ได้ผูกพันอะไรกับเรามากมาย ไม่ใช่บุพการี ไม่ใช่คนให้ชีวิตเรา ไม่ชอบแล้วออกไปจากชีวิตเรา ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว มันดีกว่า ไม่ชอบก็มาโจมตี มาด่าๆ อะไรอย่างงี้ ผิดที่เค้าแล้วไม่ใช่ผิดที่เรา อีฟไม่ตอบโต้เลย หลังๆมาโชคดี มีแฟนเข้าใจศิลปะ”

แต่ทำไมชอบเพ้อผ่านโซเชียลฯเหมือนคนอกหัก

“แบบก็ยังมีอารมณ์ใสๆ งุงิๆ แต่ถามว่าจะนอกใจแฟนไม๊ ก็ไม่ เพราะไม่อยากทำให้เค้าทุกข์ เพราะว่าแม่อีฟเป็นเมียหลวง เคยเห็นแม่ทุกข์ อีฟก็เลยไม่อยากไปทำให้คนอื่นทุกข์

(คุณพ่อเจ้าชู้)ใช่ค่ะ… แล้วตอนนั้นแม่ท้อง อุ้มท้องน้องอยู่ด้วยนะ แล้วพ่อก็ไปจากแม่ซะอย่างนั้น เราเห็นผู้หญิงที่ลำบากเพื่อลูกมาทั้งชีวิต เราไม่อยากทำร้ายใคร”

เป็นแบบถ่ายภาพมาเยอะแล้ว ในอนาคตอยากจะลองเป็นช่างภาพบ้างไหม

“หลายๆคนเรียกนางแบบว่าเป็นศิลปิน แต่อีฟไม่เคยเรียกตัวเองว่านางแบบ อีฟใช้คำว่าแบบก็พอ เพราะพอเราไปอยู่ในผลงานช่างภาพ เราเป็นงานของเค้า เค้ามีสิทธิ์เปลี่ยนเราเป็นผลงาน แล้วเราจะเรียกตัวเองว่าเป็นนางแบบไปทำไม ในเมื่อถ่ายภาพออกมาบางทีหน้าตายังมองไม่เห็นเลย

อีฟอยากลองถ่ายภาพเอง เขียนเรื่องราว เขียนความรู้สึก ออกแนวพ็อคเก็จบุ๊คแต่มันไม่ใช่ แม้อีฟจะทำงานมาหลายปี แต่เรื่องกล้องอีฟไม่มีความรู้เลย คนทำกับข้าว เค้าจำเป็นต้องมีความรู้เรื่องโภชนาการหรือเปล่าในเมื่อเค้าทำออกมาได้อร่อย อีฟยังเป็นคนที่มีข้อกังขาตรงนี้อยู่ คือถ้าเราเป็นศิลปินที่เก่งทฤษฎี เก่งปฏิบัติ มันมีอะไรการันตีกับสังคมไทย แต่ถ้าเป็นสังคมต่างชาติ คุณมีฝีมือ จบ เราก็ต้องเลือกว่าเราอยากเป็นไปในรูปแบบไหน ก็พยายาม ทำให้มันดี ตอนนี้ยังศึกษาตัวเองอยู่”

นอกเหนือเวลางาน ใช้ชีวิตอย่างไร

“อีฟก็ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป มีหนังที่อยากดู มีหนังสือที่อยากอ่าน มีสวนที่ชอบ อย่างสวนรถไฟ สวนเบญจสิริ เดินเล่น ออกกำลังกายในสวนบ้าง และเป็นเด็กติดเกมส์ เล่นเกมส์อยู่บ้าน ว่างๆก็จะวาดรูป ไม่ถึงกับเรียกว่าไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่อยากจะทำอะไรก็ทำ ในวันว่างๆ”

ตอนนี้นอกจากเป็นแบบถ่ายภาพ ทำงานอย่างอื่นด้วยไหม

“อีฟได้งานทำเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพราะค่าแรงจากการเป็นนางแบบไม่ได้เยอะมากมาย เราทำเพราะใจรัก เราชอบ ถ้าเลือกได้ มีทุน มีทรัพย์ มีสตางค์มากพอ ก็อยากเป็นแบบถ่ายภาพนู้ดอย่างเดียว แต่ถามว่าอีฟไม่ชอบงานประจำของอีฟเหรอ ก็ไม่ อีฟชอบงานประจำที่ทำอยู่ เพราะว่าอีฟได้เจ้านายดี เพื่อนร่วมงานน่ารัก แล้วงานเข้าใจง่าย มันตรงกับสายที่เราเรียนมา มันได้ใช้ประโยชน์หมด อีฟทำดาต้าเบส ทำฐานข้อมูล เราได้ทำสิ่งที่เราได้เรียนมา มันคุ้มแล้ว บอกแม่ได้ว่า แม่หนูไม่ตกงานแล้วนะ พูดได้เต็มปาก ว่าเราหาเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว”








ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.astvmanager.com และ ART EYE VIEW เซกชัน Lite ในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ Email: thinksea@hotmail.com

และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews