ART EYE VIEW—นับตั้งแต่การเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2559 สวนธรรมกลางเมือง อย่าง หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ หรือ สวนโมกข์ กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ภายในพื้นที่ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ได้จัดให้มีหลายกิจกรรมเพื่อร่วมถวายอาลัย ส่งดวงพระวิญญาณ “พระราชาผู้ทรงธรรม” สู่สวรรคาลัย ผู้ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” และทรงยึดหลัก “ทศพิธราชธรรม” เป็นหลักในการบริหารปกครองบ้านเมืองมาโดยตลอด
นับตั้งแต่กิจกรรม “ปฏิบัติภาวนาเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล” ซึ่งเป็นกิจกรรมปฏิบัติภาวนาข้ามคืน มีประชาชนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมหลายร้อยคน จัดขึ้น 3 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2559,วันครบ 7 วันการเสด็จสวรรคตและวันครบ 50 วันการเสด็จสวรรคต
และในเดือนธันวาคมนี้ซึ่งเป็นเดือนของ วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (5 ธันวาคม) สวนโมกข์ กรุงเทพฯ ยังได้จัดให้มี “กิจกรรมตักบาตรเดือนเกิด” ในวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2559 และกิจกรรมเปิดนิทรรศการ “ตามรอยธรรมราชา และ เทศกาลเจริญสติ” ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2559 โดยตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป จะมีหลายกิจกรรมเกิดขึ้น ได้แก่
ลงทะเบียน รับ “ภาพของพ่อ” เป็นที่ระลึก,สวดมนต์ทำวัตรเย็น และสวดมนต์บทพิเศษ เพื่ออุทิศถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช,ชวนชมภาพของ “พ่อ” ทั่วทั้งหอจดหมายเหตุ,กิจกรรม “เห็นธรรมเมื่อฮัมเพลง ในวันพ่อ” กับ เอก- ธนศ วรากุลนุเคราะห์ ป๊อด – ธนชัย อุชชิน อิมเมจ สุธิตา หมู The Voice บี๋ – คณาคำ อภิรดี และ บูม (ลูกชายบี๋) พร้อมทั้งเพื่อนนักร้องนักดนตรีรับเชิญอีกมากมายที่มารวมตัวกันในวันพิเศษนี้ และเพลงสำคัญที่พวกเขาจะร่วมกันร้องคือเพลง “พ่อยังอยู่” ซึ่งแต่งขึ้นใหม่เพื่อถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดย เอก- ธนศ วรากุลนุเคราะห์
ปิดท้ายด้วยกิจกรรมภาวนา กับ พระอาจารย์นวลจันทร์ และคณะสงฆ์ จากวัดวิวัฏฏะ จ.เลย และกิจกรรมจุดเทียนและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน
นับตั้งแต่กิจกรรม “ปฏิบัติภาวนาเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล” ซึ่งเป็นกิจกรรมปฏิบัติภาวนาข้ามคืน มีประชาชนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมหลายร้อยคน จัดขึ้น 3 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2559,วันครบ 7 วันการเสด็จสวรรคตและวันครบ 50 วันการเสด็จสวรรคต
และในเดือนธันวาคมนี้ซึ่งเป็นเดือนของ วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (5 ธันวาคม) สวนโมกข์ กรุงเทพฯ ยังได้จัดให้มี “กิจกรรมตักบาตรเดือนเกิด” ในวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2559 และกิจกรรมเปิดนิทรรศการ “ตามรอยธรรมราชา และ เทศกาลเจริญสติ” ในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2559 โดยตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป จะมีหลายกิจกรรมเกิดขึ้น ได้แก่
ลงทะเบียน รับ “ภาพของพ่อ” เป็นที่ระลึก,สวดมนต์ทำวัตรเย็น และสวดมนต์บทพิเศษ เพื่ออุทิศถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช,ชวนชมภาพของ “พ่อ” ทั่วทั้งหอจดหมายเหตุ,กิจกรรม “เห็นธรรมเมื่อฮัมเพลง ในวันพ่อ” กับ เอก- ธนศ วรากุลนุเคราะห์ ป๊อด – ธนชัย อุชชิน อิมเมจ สุธิตา หมู The Voice บี๋ – คณาคำ อภิรดี และ บูม (ลูกชายบี๋) พร้อมทั้งเพื่อนนักร้องนักดนตรีรับเชิญอีกมากมายที่มารวมตัวกันในวันพิเศษนี้ และเพลงสำคัญที่พวกเขาจะร่วมกันร้องคือเพลง “พ่อยังอยู่” ซึ่งแต่งขึ้นใหม่เพื่อถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดย เอก- ธนศ วรากุลนุเคราะห์
ปิดท้ายด้วยกิจกรรมภาวนา กับ พระอาจารย์นวลจันทร์ และคณะสงฆ์ จากวัดวิวัฏฏะ จ.เลย และกิจกรรมจุดเทียนและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีร่วมกัน
นายแพทย์บัญชา พงษ์พานิช ผู้อำนวยการหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ หรือ สวนโมกข์ กรุงเทพฯ กล่าวว่า ตลอดเดือนธันวาคม 2559 ถึงเดือนมกราคม 2560 สวนโมกข์ กรุงเทพฯ ได้กำหนดให้เป็นช่วงเวลาของ เจริญสติรับปีใหม่ “ตามรอยธรรมราชา” มีพระอาจารย์ชื่อดังหลายรูปหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันมาแสดงธรรม ได้แก่ พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต จ.ชัยภูมิ,พระอาจารย์อมโร ภิกขุ เจ้าอาวาสวัดอมราวดี ประเทศอังกฤษ,พระอาจารย์ปสันโน ภิกขุ วัดป่าอภัยคีรี มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ฯลฯ
นอกจากนี้ใครที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือน สวนโมกข์ กรุงเทพฯ ในช่วงเวลาสองเดือนดังกล่าวยังจะได้ผลงานศิลปะซึ่งจัดแสดงให้ชม 3 นิทรรศการ ได้แก่
บริเวณ ชั้น 1 นิทรรศการ Draw for king จัดแสดงผลงานของศิลปินรุ่นเยาว์และนักวาดภาพอาสาสมัคร ,บริเวณ ชั้น 2 นิทรรศการ จิตรกรไทย รักในหลวง จัดแสดงพระบรมสาทิสลักษณ์ผลงานของศิลปิน “กลุ่มจิตรกรไทย” หนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญคือ “พระเจ้าแผ่นดิน” พระบรมสาทิสลักษณ์ซึ่งเขียนด้วยดินบนผ้าใบผลงานของ สมภพ บุตราช และบริเวณ ชั้นที่ 3 นิทรรศการ ตามรอยก้าว จัดแสดงพระบรมสาทิสลักษณ์ ผลงานของศิลปินกลุ่ม “หอไตร” จ.นครศรีธรรมราช
อย่างไรก็ตามการเจริญ “ตามรอยธรรมราชา” ด้วยการน้อมนำพระราชดำรัสและพระราชจริยวัตรต่างๆไปปฏิบัติตามเป็นเรื่องสำคัญที่คุณหมอบัญชากล่าวย้ำว่าพสกนิกรชาวไทยต้องเพียรทำต่อไปและทำให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ หาไม่แล้วธรรมของพระราชาก็จะไร้ความหมาย
“อาจารย์พุทธทาสท่านบอกว่าประเทศไทยโชคดีมีบุญที่มีระบบที่เรารักษาต่อเนื่องกันมา คือระบบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ภายใต้รัฐธรรมนูญ นอกจากนี้เรายังมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า …เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม และทรงยึดหลักทศพิธราชธรรม
การจะตามรอยพระราชา อันดับแรกให้เราชื่นชมในพระจริยวัตรของพระองค์ท่าน ซึ่งขณะนี้ล้นเกล้ารัชกาลที่ 10 ก็ทรงมีพระดำรัสว่า จะสืบสานพระราชปณิธาน เพื่อประโยชน์ของปวงชนชาวไทย
อาจารย์พุทธทาสท่านบอกว่า พระราชาทรงธรรมอะไร ประชาชนต้องเจริญรอยตามธรรมนั้น ไม่เช่นนั้นธรรมที่พระราชาทรงปฏิบัติก็จะไม่เกิดผล เพราะว่าตัวรับไม่มี เช่น หลักทศพิศราชธรรม เราซึ่งเป็นประชาชนของพระราชาก็ต้องปฏิบัติตนให้มีธรรมให้ครบทั้ง 10 ข้อ เหมือนพระองค์ท่าน
แต่ถ้าพระมหากษัตริย์ทรงมีจาคะ มีการให้ทาน ส่วนเราประชาชนมีแต่รอรับ ไม่ช่วยกันทำทาน ธรรมของพระราชาก็ไม่บรรลุผล ดังนั้นพระมหากษัตริย์ทรงธรรมอะไร เราก็ต้องเจริญรอยตามพระองค์ท่านให้มากที่สุด เท่าที่เราจะทำได้”
รายงานโดย : อ้อย ป้อมสุวรรณ
ส่งข่าวสารงานศิลปะร่วมสมัย มาได้ที่ ข่าว ART EYE VIEW ของ www.manager.co.th Email: thinksea@hotmail.com
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews
และคลิกเป็น แฟนเพจ ได้ที่ http://www.facebook.com/arteyeviewnews