ผิวของคนเราจะมีการเปลี่ยนแปลง เมื่ออายุมากขึ้นเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอิลาสตินที่เคยพยุงผิวไว้ ก็เสื่อมสลายและมีจำนวนลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและตึงกระชับ เป็นสาเหตุของผิวหย่อนคล้อย แก้มห้อย คางย้อย สัญญาณอันตรายที่ฟ้องวัยว่าแก่แล้ว…
อย่าเพิ่งกรี๊ด!! ความหย่อนคล้อยของผิวเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นตามวัย แต่วิทยาการด้านการแพทย์สมัยใหม่ช่วยชะลอวัยได้ โดยเรายังไม่ต้องไปพึ่งมีดหมอให้ผ่าตัดดึงหน้าแต่อย่างใด
เมื่อเร็ว ๆ นี้หมอได้มีโอกาสไปสัมมนากับแพทย์ผิวหนังทั่วโลกที่สหรัฐฯเพื่ออัพเดทเกี่ยวกับเรื่องเทอร์มาจ ปรากฏว่าตอนนี้เทรนใหม่ล่าสุดที่ใช้ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดนั้น เดี๋ยวนี้เขาใช้คลื่นวิทยุระบบสั่นสะเทือน ลิขสิทธิ์ของเทอร์มาจ สหรัฐอเมริกา
เทคโนโลยีใหม่นี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าของวิทยาการยกกระชับผิว ทั้งนี้เพราะความหย่อนคล้อยของผิวหนังนั้น อย่างที่บอกไปแล้วว่าเกิดจากความเสื่อมของคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้จะยึดโยงกันอยู่ใต้ผิวหนังชั้นล่างๆ ลึกประมาณ 3-5 มิลลิเมตร แต่เลเซอร์โดยทั่วๆ ไป ไม่สามารถยิงไปได้ถึงระดับลึกขนาดนั้น เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายกับผิวชั้นนอกหรือเนื้อเยื่อข้างเคียงได้
แต่คลื่นวิทยุระบบสั่นสะเทือนแบบใหม่ของเทอร์มาจ สามารถส่งพลังงานลงไปใต้ผิวลึกๆ ได้ โดยผิวชั้นบนไม่เป็นอันตราย และคนไข้ไม่เจ็บ แต่จะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่ฝรั่งบรรยายไว้ว่า เหมือนกำลังนวดหน้าด้วยหินร้อน หรือ hot stone massage ซึ่งไม่รู้ว่าจะเทียบได้กับลูกประคบแบบไทยๆ หรือไม่
การทำให้ผิวรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนนี้ เป็นเทคนิคที่หมอหรือผู้คิดค้นเทคโนโลยีตั้งใจจะล่อหลอกประสาทที่รับรู้ความรู้สึก เหมือนนักฟุตบอลสับขาหลอกคู่ต่อสู้ แกล้งเลี้ยงๆ บอลด้วยเท้าขวา เผลออีกทียิงตูมด้วยเท้าซ้ายเข้าประตูไปซะแล้ว
แต่เทคโนโลยีนี้เขาจะหลอกเจ้าเส้นประสาทของเราซึ่งมีอยู่ 2 ส่วน ส่วนที่รับรู้ความรู้สึกที่ไม่เจ็บจะเป็นเส้นประสาทใหญ่ซึ่งไวกว่า เมื่อมีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้นที่ผิวหน้า ประสาทจะส่งสัญญาณไปบอกสมองว่า ผิวกำลังสั่นอยู่นะ พอเจ้าประสาทอีกส่วนหนึ่งจะมาบอกว่าร้อนนะ เจ็บนะ ก็ช้าไปซะแล้ว สมองรับการสื่อสารได้น้อยลง ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ
ดังนั้นการทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขณะที่ส่งพลังงานคลื่นวิทยุลงไปใต้ผิว จึงช่วยเบี่ยงเบนความรู้สึกของคนไข้ ทำให้รู้สึกเจ็บน้อยลงมาก ขณะที่ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะพอคนไข้ไม่เจ็บ หมอก็สามารถส่งพลังงานลงไปใต้ผิวได้เยอะขึ้น
ถามว่าการส่งพลังงานลงไปใต้ผิวเยอะๆ แล้วดียังไง
ดีตรงที่ผลของการยกกระชับ จะเห็นได้ชัดเจนกว่า
เพราะการยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัดนั้น ทำได้ด้วยหลักการที่ว่า ถ้าเรากระตุ้นให้เกิดความร้อน ประมาณ 40 องศาเซลเซียส ที่ความลึกใต้ผิวในระดับชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของคอลลาเจนและอิลาสติน จะทำให้คอลลาเจนและอิลาสติน และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันเซปตัม (Fibrous Septum) ที่ช่วยพยุงผิวให้ติดกับกล้ามเนื้อ หดตัวกระชับขึ้น ทำให้ผิวหนังหดกระชับและยกขึ้นทันที
วิธีการทำให้เกิดความร้อนระดับนี้ ทำได้โดยการใช้พลังงานคลื่นวิทยุแบบขั้วเดี่ยว ที่หัวเครื่องมือจะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถส่งพลังงานเป็นกลุ่มเป็นก้อนลงไปในชั้นผิวลึกๆ ได้พลังงานนี้จะไปเปลี่ยนเป็นความร้อนในระดับที่ต้องการคือ ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส ซึ่งความร้อนนี้จะไปทำปฏิกิริยากับคอลลาเจน โดยนอกจากจะทำให้คอลลาเจนหดตัวแล้ว ความร้อนนี้ยังไปช่วยกระตุ้นให้คอลลาเจนสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อแทนที่คอลลาเจนเดิมที่หดตัวไป ทำให้เส้นใยต่างๆ ในชั้นหนังแท้มีการกระจายตัวเป็นระเบียบมากขึ้น โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น ผิวจึงยืดหยุ่นและตึงกระชับมากขึ้นเรื่อยๆ
เทคโนโลยีคลื่นวิทยุระบบสั่นสะเทือนแบบใหม่นี้ จึงมีข้อดีตรงที่ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาฟิตแอนด์เฟิร์มได้ภายในครั้งเดียว โดยการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 2-6 เดือน และผลจะอยู่นานราว 1-2 ปี แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพและการดูแลผิวของแต่ละคนด้วย
ส่วนข้อเสียก็คือ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างจะสูงอยู่ซักหน่อย เพราะยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งคงเหมาะกับคนที่กระเป๋าหนักและพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อความงาม ส่วนคนที่ยังใจไม่ถึงหรือเงินไม่ถึงก็ลองหาวิธีอื่นที่ยังมีอีกมากมายให้เลือกสวยได้สมฐานะ
หมายเหตุ : ท่านใดที่มีข้อสงสัยเรื่องเกี่ยวกับผิวหน้า หรือการใช้เครื่องมือทางการแพทย์เกี่ยวกับผิวหนัง สามารถฝากคำถามใน comment มาได้ค่ะ หมอจะได้นำมาตอบในครั้งต่อไป
พญ. ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางโรคผิวหนัง รมย์รวินท์คลินิก