คำถาม : ดิฉันเป็นคนหน้าเหลี่ยมค่ะ ไม่ชอบเลย อยากมีรูปหน้าเรียวแบบไข่มากกว่า เพราะสวยกว่าและเสริมโหงวเฮ้งด้วย แต่ไม่กล้าไปให้หมอผ่าตัด แค่ได้ยินว่าเหลากราม ก็เสียวกลัวไปหมด เห็นเพื่อนบอกว่าเดี๋ยวนี้มีการฉีดให้หน้าเรียวได้ ดาราทำกันเยอะแยะ จึงอยากรู้ว่าการฉีดจะทำให้หน้าเรียวได้อย่างไรคะ เป็นสารอะไรที่นำมาฉีดกัน แล้วจะอยู่ได้นานมั้ย เกิดผลข้างเคียงอันตรายอะไรรึเปล่า อยากรู้ให้รอบด้านก่อนตัดสินใจไปทำค่ะ
เราหอบประเด็นนี้ไปถามหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีด โบท้อกซ์ (Botox) และ ฟิลเลอร์ (Fillers) ระดับต้นๆ ของไทย นพ. รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ หัวหน้าศูนย์ผิวหนัง ความงาม และเลเซอร์ รพ.นครธน และผู้ก่อตั้งรัสมิ์ภูมิคลินิก สาขาหมู่บ้านมณียามาสเตอร์พีซ รัตนาธิเบศร์ นนทบุรี และมหาชัย
“การเปลี่ยนรูปหน้าโดยทั่วไปนึกถึงการผ่าตัด อาจจะผ่าตัดกรามออก หรือไขมันเยอะก็ไปดูดไขมันออก หรือคางสั้นต้องไปผ่าตัดเสริมคาง หรือคิ้วดูตกลงมา อาจต้องไปผ่าตัดดึง
แต่จริงๆ แล้ว ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เพราะมันมีวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด
หมอเรียกว่า ‘ปรับโครงหน้า’ คือ รวมทั้งหมดเลย ไล่ตั้งแต่หน้าผาก ขมับ คิ้ว เปลือกตา หนังตาตก ถุงใต้ตา ร่องใต้ตา ร่องแก้ม ดั้งจมูก ปลายจมูก กระทั่งปากเล็กอยากให้ใหญ่เซ็กซ์ซี่ คางสั้นก็สามารถเสริมคาง กรามใหญ่ทำให้กรามเล็ก โดยใช้โบท้อกซ์, ฟิลเลอร์, เลเซอร์ (Laser) เข้ามาช่วย แต่ที่หมอใช้บ่อยสุดคือ โบท้อกซ์ และฟิลเลอร์
ก่อนลงมือฉีดอะไร ต้องดีไซน์ก่อน การปรับรูปหน้าเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ไม่ใช่หมอทุกคนทำได้หมด นอกจากหมอต้องเชี่ยวชาญเรื่องกล้ามเนื้อแล้ว ต้องจินตนาการได้ ดีไซน์ออกมาได้ว่ารูปหน้าแบบนี้ควรจะปรับให้ออกมาเป็นอย่างไร และต้องฉีดออกมาให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ให้ดูเหมือนว่าไปทำศัลยกรรมมา อย่าให้มากไป ให้ดูสวยขึ้น อ่อนวัยลง
โดยธรรมชาติคนเราเมื่ออายุน้อย หน้าคนเราเป็น รูปตัว V อยู่แล้ว ไม่ได้พูดถึงทารกนะ พูดถึงวัยรุ่นขึ้นมา แต่พออายุมากขึ้น ทุกอย่างตกลงมา ก็กลายเป็นรูปนี้ (หมอชี้ภาพด้านขวามือ) เมื่อแก่ตรงข้างๆ ย้อยลงมา ก็กลายเป็นป้าน กลายเป็นรูปตัวสามเหลี่ยมคว่ำ คือ ฐานอยู่ข้างล่าง หน้าผากเถิกขึ้น จมูกงุ้มลง ไขมันลงมากอง
เพราะงั้นถ้าอยากปรับให้เด็กลง ก็ต้องปรับตรงข้างล่างนี้ให้ยาวขึ้น ให้ด้านข้างสั้นลง เพื่อปรับเป็นสัดส่วนเป็นรูปหน้าใกล้ตัว V ที่สุด ก็ฟิลเลอร์เติมส่วนที่เป็นร่อง และฉีดโบท้อกซ์ยกขึ้น
คนที่เริ่มมีอายุจะมีรอยอูมเป็นเบ้าใต้ตา ซึ่งทำให้ดูโทรม อิดโรย เหมือนอดนอน อย่างนี้ใช้ฟิลเลอร์เติม ใบหน้าจะดูไบร์ท (bright) ขึ้น สดชื่นขึ้น ผู้หญิงบางคนจมูกงุ้มไม่สวย แถมคดด้วย ก็ปรับให้จมูกตรงโดยฟิลเลอร์ ดันตรงนี้ขึ้น ตรงนั้นก็เชิดนิดหนึ่ง ไม่งุ้ม
คิ้วตก หนังตาตก ก็ใช้โบท้อกซ์ปรับทรง อย่าง คิ้ว กล้ามเนื้อที่แอ็กชั่น (action) ต่อคิ้วมันมีด้วยกันหลายกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหน้าผาก กล้ามเนื้อมัดนี้ดึงไปทางนี้ กล้ามเนื้อมัดนั้นดึงไปทางนั้น เราใช้ลูกเล่นตรงนี้แหล่ะในการปรับ อยากเอาตรงนี้ขึ้น อยากเอาตรงนั้นลง เราเอาโบท้อกซ์ช่วยในการปรับได้หมด ตรงไหนดึงแรงไป ทำให้ตรงนั้นมันตก ก็ฉีดตรงนั้นให้มันคลาย ดึงขึ้นมา หมอถึงบอกว่าหมอที่ฉีดต้องรู้กล้ามเนื้อ ต้องรู้ว่าหน้าแบบนี้คิ้วแบบนี้ต้องฉีดตรงกล้ามเนื้อมัดไหน เรื่องตาตกก็เหมือนกัน ปรับด้วยเทคนิคคล้ายๆ กัน
บางกรณีโบท้อกซ์ยกไม่ขึ้น มีไขมันเยอะ ก็ต้องสลายไขมันเข้าช่วย ซึ่งร่างกายจะกำจัดออกทางต่อมน้ำเหลือง อุจจาระ ไขมันจะยุบลงไปอย่างช้าๆ
คนนี้ลดกรามอย่างเดียว (หมอชี้รูปด้านขวามือ) รูปนี้มาถ่ายหลังทำ 2 อาทิตย์ เรื่องกรามต้องใช้เวลา 2 อาทิตย์ หมอใช้โบท้อกซ์ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ
หลักการคือ คุณลองจับตรงกรามและกัดฟัน มีกล้ามเนื้อมาชนมือมั้ย (เราตอบ ‘มีค่ะ’ ท่านผู้อ่านลองทำตามสิคะ) นั่นคือ กล้ามเนื้อที่ทำให้หน้าเราใหญ่ โบท้อกซ์คือ คลายกล้ามเนื้อ เมื่อไรก็ตามที่กล้ามเนื้อตรงนั้นทำงานน้อยลง ขนาดก็จะเล็กลง พอกล้ามเนื้อตรงนั้นขนาดเล็กลง หน้าก็จะเล็กลง
หมอฉีดโบท้อกซ์ตรงบริเวณกล้ามเนื้อกราม แทบไม่รู้สึกเลย แป๊บเดียว 5 นาทีเสร็จ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ช้ำ ไม่บวม ไม่เขียวอะไรเลย ทำเสร็จคนไข้ก็ปกติ อีก 2 อาทิตย์หน้าเล็กลง
หมอขออธิบายนิดหนึ่งว่า ปกติหน้าเราใหญ่ เพราะหนึ่ง-ไขมัน สอง-กราม สาม-กล้ามเนื้อ โบท้อกซ์ลดส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อ คนไข้คนนี้กล้ามเนื้อใหญ่มาก ก็ลงชัด บางคนเพราะกระดูกใหญ่มาก ก็จะไม่ลงเท่ากับคนนี้ แต่ถ้าทำต่อเนื่อง ทุก 4 เดือน 6 เดือน 8 เดือน จน 1 ปี กระดูกของร่างกายจะปรับเล็กลงเองโดยธรรมชาติ เมื่อกล้ามเนื้อใหญ่เพราะกระดูกใหญ่ขนาดนี้ แต่ต่อมากล้ามเนื้อเล็กลง ร่างกายมันก็ปรับตาม เรื่องอะไรกระดูกจะใหญ่ มันก็จะเล็กตามลงด้วย โครงหน้าจะเรียวลงโดยไม่ต้องไปผ่าตัด
บางคนหน้าสั้นก็เติมคางหน่อยด้วยฟิลเลอร์ หรือคางป้านคางบุ๋มไม่สวย ผู้หญิงควรคางมน หน้าควรเป็นตัว V นี้ ก็เติมคาง หน้าก็จะเป็นผู้หญิงขึ้น ดูซอฟท์ (soft) อ่อนลง
ฉีดฟิลเลอร์ได้ผลเดี๋ยวนั้น แต่โบท้อกซ์ต้องรออีกสัปดาห์ ฟิลเลอร์ตัวที่ใช้ต้องผ่านการรับรองแล้ว คือ ไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acids) เรียกย่อๆ ว่า ไฮยา หรือ HA เป็นเจลใส ส่วนโบท้อกซ์ต้องเป็นชนิดที่ผ่านการรับรองแล้วเช่นกัน ตัวมันเป็นสารไม่มีวอลลูม (volume) มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ฉีดไปแค่ไปคลายกล้ามเนื้อออกๆ
หากออกมาไม่ดี ไม่ถูกใจ แก้ไขได้ แต่ถ้าไปใช้วิธีผ่าตัด แก้ได้ยากแล้ว บางคนผ่าตัดโดนเส้นประสาทปากเบี้ยวมาเลย
หลังจากฉีดภายใน 1 อาทิตย์ อย่านวด เพราะยายังไม่ดูดซึมหมด การนวดเป็นการผลักยาให้เปลี่ยนที่ เพราะบางทีฉีดถูกจุดแล้ว แต่พอไปนวดหน้าไปคลึงแรง ผลักไปโดนกล้ามเนื้อพลาด เปลี่ยนรูปทรงไปเลย บางคนมีอาการเขียวบอบช้ำ จริงๆ แล้ว ตอนฉีดหมอต้องระวัง ไม่ให้โดนเส้นเลือด แต่ถ้าฉีดเข้าไปลึก ก็โดนเส้นเลือดได้ เลยเขียว อีกสาเหตุหนึ่งคือ กล้ามเนื้อผิวหนังแต่ละคนไม่เหมือนกัน โอกาสเขียวอาจซะ 1 ใน 30 คน แต่ส่วนใหญ่เขียวไม่เยอะในแง่ฟิลเลอร์ ส่วนโบท้อกซ์แทบไม่เขียวเลย
คุณสมบัติที่ไม่อยู่ถาวร ทำให้เปลืองค่าใช้จ่าย คนเคยสวยแล้วย่อมอยากสวยต่อ ระดับราคาเริ่มตั้งแต่หลักพันปลายๆ หรือหมื่นต้นๆ จนกระทั่งเป็นแสน แล้วแต่ว่าฉีดขนาดไหน ปัญหาแต่ละคนไม่เหมือนกัน ฟิลเลอร์อยู่ได้คร่าวๆ 1 ปี หรืออาจปีกว่า ขณะที่โบท้อกซ์ประมาณ 4-6 เดือน”