คำถาม: ดิฉันใส่ขนตาปลอม บิ๊กอายแบบสีเป็นประจำ สาเหตุคงไม่ต้องบรรยายหรอกนะคะว่า ใบหน้าตัวเองไร้จุดเด่นขนาดไหน ถึงต้องพึ่งแฟชั่นเหล่านี้ วันไหนไม่ใส่ไม่มั่นใจ ไม่กล้าออกจากบ้าน ประมาณนั้น จึงอยากฝากถามหมอผู้เชี่ยวชาญด้วยว่า เราควรระวังดูแลรักษาดวงตาเรายังไงคะ เพราะเคยเห็นข่าวกระทรวงสาธารณสุขออกมาเตือนเรื่องติดเชื้อ
ผู้ที่จะให้คำตอบนี้ได้อย่างรู้แจ้งเห็นจริงต้องเป็น พญ.วทัญญุว์ดี ธนสุทธิ์ จักษุแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เป็นผู้อธิบายรายละเอียดถึงการติดขนตาปลอม และการใส่คอนแทคเลนส์ บิ๊กอาย แนะนำขั้นตอนการใส่ และการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับผู้ที่อยากตาแบ๊ว ขนตาเด้งดุจสาวแขกแดนภารตะ
คำตอบ: “จริงๆ แล้วการติดขนตาปลอมมันก็เสี่ยงติดเชื้อนะคะ กาวที่ใช้ในการติด มันเป็นสารเคมีอาจจะระเหยเข้าตา ทำให้กระจกตาอักเสบ พออักเสบมากๆ จะผลิตน้ำตาน้อยลง ผลที่ตามมา คือ ตาแห้ง บางทีสารเคมีที่ไหลเข้าไปในตาจำนวนมากๆ อาจทำให้กระจกตาถูกกัดกร่อน กลายเป็นแผลถลอก โดยปกติ กระจกตามีเซลล์หลายๆ ชั้น เซลล์ผิวชั้นนอกสุด มันจะถลอกลอกหลุดออกไป กลายเป็นเหมือนกับขุยๆ ลงไปถึงเนื้อชั้นในของกระจกตา ทำให้เวลากระพริบตาจะรู้สึกเจ็บ เหมือนเข็มแทง หรือมีทรายอยู่ในตา มักจะเป็นสาเหตุที่นำคนไข้มาหาหมอ
มีคนไข้ของหมอหลายคนคะ ติดเชื้อจากการติดขนตาปลอม แต่ยังไม่ถึงขั้นรุนแรง ส่วนใหญ่ตาเป็นแผล กระจกตาดำลอกเป็นขุยๆ จากกาวที่ติดขนตา เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนผิวหนังเราแห้ง ก็จะลอกเป็นขุยๆ
เราต้องมีประสบการณ์ในการติดขนตาปลอมด้วย มือต้องแม่น มันมีหลายปัจจัยนะคะ บางคนติดเป็น บางคนติดไม่เป็น บางคนอาจจะจุ่มกาวเยอะไป ทำให้ไหลเข้าไปในตา และคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญ
มีคนไข้รายหนึ่งหนึ่งเป็นสาวแบงก์ อยู่เฉยๆ ก็น้ำตาไหลพรากทั้งวัน ลืมตาไม่ขึ้น สู้แสงไม่ได้ เปลือกตาเกร็ง เป็นอยู่เกือบเดือน ตัวเค้านึกว่าเกิดจากการใช้คอมพ์เยอะ สุดท้ายทนไม่ไหวมาหาหมอ หมอก็แปลกใจว่า ทำไมกระจกตาเค้าลอกมาก เป็นขุยๆ เต็มไปหมด บวกกับเยื่อบุตาอักเสบ แดง ถามไปถามมา ได้ความว่า ก่อนหน้านี้ไปติดขนตาปลอมมา ก็เลยถึงบางอ้อ แต่หมอยังไม่เคยพบคนไข้ท่านใดที่ติดเชื้อรุนแรง อาจจะเป็นเพราะเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเรามีความรู้ พอมีอาการผิดสังเกตจะรีบมาพบแพทย์ ไม่ทิ้งไว้นาน
ก่อนติดขนตาปลอมหมอแนะว่า ควรป้ายเจลน้ำตาเทียม เพื่อป้องกันเยื่อบุตาเราถูกกาวติดขนตาปลอมรบกวน หรือหยอดน้ำตาเทียม แต่อาจจะระเหยเร็ว ทางที่ดีป้ายเจลน้ำตาเทียม ก่อนติดขนตาปลอมดีกว่า เหมือนกับเราเคลือบตาไว้ก่อนชั้นหนึ่ง หากบังเอิญกาวเปื้อน หรือระเหยเข้าไปในตา อย่างน้อยก็ช่วยให้เจือจางมากที่สุด หลังถอดขนตาแล้วใช้น้ำตาเทียมล้างตาดีที่สุดะ และห้ามขี้เกียจถอดขนตาปลอมก่อนเข้านอนเด็ดขาด
ส่วนเรื่องคอนแทคเลนส์มีสี บอกตรงๆ ไม่ควรจะใส่นะ คนไข้บางคนเป็นโรคภูมิแพ้ง่าย เช่น ชอบจาม ฟึดฟัด คันจมูก หรือแพ้ที่ผิวหนัง ซึ่งจะส่งผลต่อเยื่อบุตาด้วย เพราะหากเป็นภูมิแพ้ อาการจะออก 3 ระบบในร่างกาย 1.ทางเดินหายใจ 2.ที่บุเยื่อตาขาว 3.ผิวหนัง สลับไปมา ขึ้นอยู่กับตัวสิ่งกระตุ้นภูมิแพ้นั้นๆ ว่ามาทางไหน หากมาทางลม เข้าตาก็จะมีอาการคันตา ตาบวม แดง ถ้าเป็นบุคคลที่แพ้ง่ายอย่างนี้ การใส่คอนแทคเลนส์จึงไม่เหมาะสมอยู่แล้ว
หมอแนะนำว่า วัยรุ่นทุกคนที่จะเริ่มใส่คอนแทคเลนส์ควรจะต้องตรวจสภาพดวงตาก่อนใส่คอนแทคเลนส์เป็นครั้งแรกในชีวิต เพราะอยากจะให้ผ่านการแนะนำจากหมอตาว่า วิธีใส่คอนแทคเลนส์ที่ถูกต้องทำอย่างไร เช็กสภาพดวงตาว่า อยู่ในสภาพที่แพ้ง่ายหรือเปล่า มีโรคตาหรือไม่ เพราะมีบุคคลที่ไม่เหมาะสมที่จะใส่คอนแทคเลนส์ตั้งแต่ต้นแล้ว
สิ่งที่ต้องทำหากจะใส่คอนแทคเลนส์ คือ 1. ควรจะตรวจสภาพตาก่อน 2. เลือกใช้คอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับตัวเอง 3.ดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ให้ถูกต้อง 4. ควรจะมีน้ำตาเทียมไว้หล่อลื่นในดวงตา ต้องพกติดตัว มันจะช่วยชะล้างสิ่งแปลกปลอมได้ในระดับหนึ่ง ไม่ทำให้คอนแทคเลนส์ดูดกับดวงตา ทำให้กระจกตาไม่ขาดอ็อกซิเจนจนเกินไป ไม่มีผิวลอกถลอก
หมอขอแนะนำว่า ตอนเช้าควรล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำเกลือ ล้างเยอะๆ เลยนะ ก่อนใส่เข้าไปในตา เพราะน้ำเกลือไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองตา ขณะเดียวกันหลังจากถอดคอนแทคเลนส์แล้ว ควรใช้น้ำยา Multi-Purpose ล้างเมือก สิ่งสกปรก และแช่คอนแทคเลนส์ในน้ำยา Multi-Purpose เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
แปลกนะ คนไข้ส่วนใหญ่ที่มาพบหมอ แม้แต่คนที่ใส่คอนแทคเลนส์มานานแล้ว มากกว่า50% ไม่รู้วิธีใส่คอนแทคเลนส์ที่ถูกต้อง และใช้ผิดมาโดยตลอด ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาวกับดวงตา ทำให้ตาแห้งมากขึ้เรื่อยๆ
หมอมักพบว่า คนไข้ที่ติดเชื้อจากคอนแทคเลนส์ส่วนใหญ่ เกิดจากการใส่คอนแทคเลนส์ไปนานๆ แล้วไม่ได้หยอดน้ำตาเทียม ผิวกระจกตาจึงถลอก แห้ง พอถลอกแล้วจะทำให้เชื้อโรคที่คอนแทคเลนส์เกาะผิวกระจกตาที่เป็นแผล ทำให้เกิดการติดเชื้อ และเชื้อโรคที่มากับคอนแทคเลนส์มันจะไม่ใช่เชื้อโรคที่พบตามผิวหนังทั่วไปนะ เพราะเชื้อโรคเด็กๆเหล่านั้น จะโดนน้ำยาฆ่าเชื้อสังหารหมดแล้ว จะเหลือก็เเต่เชื้อโรคที่เป็นอัศวินทั้งนั้น เพราะมันสามารถหลุดรอดการฆ่าเชื้อเข้ามาได้ มันจะทำให้ภายในแค่คืนเดียว ตาเป็นหนอง ติดเชื้ออย่างรุนแรงเลยทีเดียว
ดังนั้น คนไข้มักถามว่า หากหยอดน้ำตาเทียมไปนานๆ จะลดการผลิตน้ำตาหรือเปล่า ตรงนี้ไม่ใช่นะคะ ในทางกลับกัน คนที่ปล่อยให้ตาแห้งนานๆ จนเยื่อบุตาอักเสบ เพราะความแห้ง ความอักเสบของเยื่อบุตา จะทำให้เกิดการหายไปของเซลล์ที่ผลิตน้ำตา กล่าวคือ เซลล์ที่ผลิตน้ำตามันจะอยู่ที่เยื่อบุตา พอเยื่อบุตาอักเสบ เซลล์ที่ผลิตน้ำตาจะลดน้อยลง ตาก็จะแห้งในที่สุด ยิ่งปล่อยให้ตาแห้ง จะทำให้เกิดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าหยอดน้ำตาเทียมมันจะยับยั้งไม่ให้ตาแห้งมากได้ ดังนั้นควรมีติดกระเป๋าไว้เหมือนอาวุธคู่กาย แม้แต่คนที่ไม่ใส่คอนแทคเลนส์ก็ตาม ควรพกไว้เช่นกัน น้ำตาเทียมจะช่วยดูแลดวงตาของเรา เหมือนที่สาวๆ มักถนอมผิวหนังด้วยการทาโลชั่นปกป้องผิวแห้งกร้านคะ”