คอลัมน์ Sexociety โดย เริงฤทธิ์รัก
พอโลกเคลื่อนมาถึงตัวเลข 2011 หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เมื่อเรามาถึงยุคเห่อไซเบอร์กันอย่างสะดวกใช้ การสื่อสารนานาเทคโนก็ฮอตฮิตไร้ขอบเขต มีหรือเรื่องเซ็กซ์ที่เป็นเรื่องพื้นฐานของมนุษย์จะนิ่งงันในสังคมเครือข่ายวันนี้
สมัยสังคมชะแรแก่ชรา ในชุมชนยุคที่ล่วงมา การจะมีคู่เคียงบนเตียงตั่ง ใช่เป็นเรื่องสะดวกง่ายสบายคล่อง เหมือนเดี๋ยวนี้
คำว่า One Night Stand ไม่เคยระคายหูรู้จัก
แค่จีบสาวข้ามบ้านข้ามถิ่น หากไม่เจียมตนระวังตัว หัวไม่แตกก็คางเหลือง เป็นรสชาติชีวิต เกิดเป็นนิยายรักข้ามคลองน้องนาง เหมือน “มนต์รักลูกทุ่ง” นั่นแหละ
ยิ่งเรื่องกลเม็ดเผด็จสวาท ยิ่งเป็นเรื่องเฉพาะตน เก็บงำไม่แพร่งพรายเปิดเผย ใช้คาถาอาคมมีครู มีของกันให้วุ่นไปทั้งบาง
ต่างกันลิบลับกับยุคนี้ ที่ทุกอย่างช่างสำเร็จรูป สำเร็จกิจ แบบชิล ชิล อินเดอะมู้ด
เรื่องกามารมณ์ชมชื่นสวาท หาใช่เรื่องลับเร้นต่อไปอีก กลายเป็นฮาวทูรู้กันทั้งฉันและเธอ หนำยังกลายเป็นเรื่องอวดโอ่สามารถ สวาทหวามกันเปิดเผย ทั้งมี สถานที่ วาระโอกาส ช่องทางที่หาขอบเขตไม่ได้ เอื้อเฟื้อเกื้อหนุนเพียบพูน
ว่ากันตามจริงอิงกลอนซะหน่อย สำนวนที่ว่า “อันประเวณีมีในล่ำสัตว์” นับเป็นเรียลลิตี้มาตลอด จะโชว์หรือไม่ เรื่องใครเรื่องมัน มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ณ บัดนาว สังคมอุดมสะดวกวันนี้ ไปไหนมาไหนไกลกว่าสามวาสองศอก ยุบยับไปด้วยนานากิจกรรม มีการติดต่อสื่อสาร คบหาไร้พรมแดน
สมัยไอ้คล้าวจีบอีทองกวาว แค่มีโทรศัพท์บ้านออฟฟิศ ก็โอเคแล้ว ชั่วโมงนี้มือถือราคาถูกจนแทบใช้ปาหัวคนเล่นก็ยังได้ ซ้ำยังมีเน็ต มี E มีแชท บีบี ไอโฟน ไอแพด ฯลฯ
สมัยทวดจีบย่า อาม่าจีบก๋ง การแอบนอกใจไปมีสัมพันธ์สวาท นับเป็นเรื่องโฉ่คาว กล่าวเรียกด้วยคำว่า “ชู้” ฟังดูติดลบ อับอายขายขี้หน้า เมื่อเรื่องลับนั้นถูกเปิดจนฉาว
ทุกวันนี้มันยุคจ๊ะจ๋า จุ๊บจุ๊บ ชิมิชิมิ คำว่า “กิ๊ก” จึงมาแทนเบียดบังคำว่า “ชู้” ให้ตกกระป๋องศีลธรรมจรรยาไปซะไม่มีหืออือ
ด้วยคำจำกัดความที่ออกจะรอดตัวแบบใสๆ ไหลเย็นเห็นโต้งๆ “กิ๊ก” ฟังดูแล้วน่ารักน่าใคร่ ถอดแก้ความได้ว่า “เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน”
การมี “กิ๊ก” จึงกลายเป็นแฟชั่นนิยมที่ฮอตไปทุกที่ ทุกเวลา ทุกสังคม จนยามนี้ จึงมีสำนวนเอ่ยทักทายกันว่า “วันนี้คุณมีกิ๊กแล้วหรือยัง”
จนด้วยปัญญาเหมือนกันว่า ที่มาของคำว่า “กิ๊ก” นั้น จะมาจาก “กิ๊กกะไบท์” หรือ “กุ๊กกิ๊ก” เป็นได้ทั้งสองอย่างความ
คำว่า “กุ๊กกิ๊ก” เป็นคำที่ใช้เล่นซ่อนหาซ่อนแอบสมัยเด็กๆ มันดูเข้าทางของพฤติกรรมซ่อนสวาทในยุคนี้ดีนัก
บางเธอมีอารมณ์คันใส่เสื้อพิมพ์หน้าอกหรา “ชู้ก็รัก กิ๊กก็ห่วง ผัวก็สงสาร” เฮ้อ!
ว่ากันตามจริง การแอบๆ ซ่อนสวาทนั้น มันดูออกจะตื่นเต้นเร้าใจ บางเธอ บางหน่อ อาจนิยมเพราะเบื่อของตาย dead thing! ซ้ำช่องทางมันช่างหนับหนุนจุนเจือเหลือเกิน ดังสำนวนเก่าว่า “เบื่อน้ำพริกถ้วยเก่า เน่าบูดซ้ำซาก”
เมื่อสังคมก้าวเข้าสู้ยุคบริโภคไม่มียั้งเช่นนี้ สถานบันเทิงเริงรมย์พรึ่บทุกซอกซอย บูติคโฮเต็ล รีสอร์ท ห้องพักมากมาย ความสะดวกมีให้เห็นจนน่าลิ้มลอง แน่นอนว่าหาไม่มีความอดทนอดกลั้นกระสันสวาท เรื่องพรรค์นี้จึงระบาดกลาดเกลื่อน…ไม่ยากเย็น
ข่าวจึงปรากฏในยุคนี้ประเภท “ผัวหึงยิงเมีย” “กิ๊กฆ่ากิ๊ก” “มือที่สามฉกมือที่สอง” ฉาวไปหมดทั้งคนสามัญ ถึงชั้นดาราบิ๊กเนม เป็นอาทิ
ว่ากันว่า หากการมีกิจกรรมเช่นว่านี้ ดังอึกกระทึกเหมือนตีกลอง รับรองได้ว่าเราต้องเอามือปิดหูกันทั้งเมือง ไม่เป็นอันทำงานทำการใดกัน หากรักนั้นสนั่นเมืองกิ๊ก
ช่องที่ผู้คนใช้แสวงหา “กิ๊ก” การแชทผ่านเน็ตนี่แหละ เพราะนอกจากจะจีบกันด้วยถ้อยคำ และข้อมูลที่ให้กันแบบลับๆ ล่อๆ
การส่งภาพที่มีนัยยะหรือชัดแจ้งในเจตจำนงโจ่งครึ่ม คือ การจู่โจมแบบถึงตัวถึงอารมณ์ ภาพกิจกรรมบนเตียง เมื่อถูกส่งผ่านเข้ามาใน E ส่วนตัว นั่นก็คือ ประตูสู่เตียงอย่างแจ่มแจ้ง
เคสเช่นนี้ไม่ใช่แค่เกิดในบ้านเรา ในอเมริกาถิ่นเทคโนล้ำยุคปรากฏว่า การหย่าร้างของคู่รักคู่ชีวิตเกิดจากกรณี E = X และการสื่อสัมพันธ์สวาท ที่เกิดจาก Social Network ลุกลาม คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่น้อย
ไม่ว่าบ้านเขาหรือบ้านเรา เชื่อหรือไม่ว่า “กิ๊ก” ผ่านเน็ตกำลังเป็นวิกฤติของชีวิตคู่ชีวิตครอบครัวในขณะนี้
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net