By Lady Manager
ไขมันส่วนเกินเยอะจัด! เกิดภาวะอวบอัด ดูไม่เจริญตา ต้องหาสารพัดวิธีมาจัดการอีกนาน กว่าไขมันไม่พึงประสงค์จะมลายหายไป แต่ถ้าใครอยากผอมไว ผอมทันใจ ทางการแพทย์ เค้ามีวิวัฒนาการใหม่ๆ มาให้ลองกันเสมอ ตั้งแต่อัลตราซาวด์ (Ultrasound ) ใช้คลื่นเสียง ยันวิธีสวยเจ็บอย่าง ผ่าตัดดูดไขมันที่แม้จะลดความอ้วนได้ทันตา ทว่าการขึ้นเขียงให้หมอเจื๋อนนี่สิ ต้องคิดหนักจะเจ็บมากมั้ย คุ้มค่ากับการเสี่ยงหรือเปล่า
แต่ตอนนี้สาวเจ้าเนื้อได้เฮกันทั่วหน้า เพราะมีนวัตกรรมใหม่กิ๊ก เซลทิค (Zeltiq) หรือการกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น ที่ไม่ต้องขึ้นเตียงผ่าตัดดูดไขมันให้เจ็บตัว แต่ได้ผลลัพธ์สุดเวิร์กจนน่าทึ่ง
โอ้โหเฮะ! แค่ได้ยินยังนึกฉงน ความเย็นลดความอ้วนได้อย่างไร มีวิธีการแบบไหน ราคาเท่าไหร่ ได้ผลดีจริงมะ? กับสารพัดความอยากรู้เยี่ยงนี้ ต้องไปฟังคำตอบจากปากผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม แพทย์หญิงนันท์ภัทร์ สุภาพรรณชาติ แห่ง Apex Profound Beauty ให้เคลียร์ชัดกันไปเลยค่า…
หมอนันท์ภัทร์เปิดประเด็นด้วยการนำความรู้มาเล่าสู่กันฟังว่า กว่าจะมีวิวัฒนาการใหม่อย่างเซลทิค การกำจัดไขมันส่วนเกินแบบเดิมๆ นั้น ส่วนใหญ่ต้องทำหลายครั้ง และก็มักไม่เห็นผล!
“ในสมัยก่อน การสลายไขมันจะมีอยู่ไม่กี่แบบ ส่วนใหญ่เครื่องมือที่ใช้ ถ้าไม่ใช่อัลตราซาวด์ ก็ใช้พวก อาร์เอฟ (RF-Radio Frequency) หรือคลื่นกระแสไฟฟ้าทั้งหลาย แต่ไม่ว่าจะเป็นอัลตราซาวด์ หรืออาร์เอฟ ส่วนใหญ่เราต้องทำหลายครั้ง และถึงแม้จะทำหลายครั้งแล้ว เราก็ยังไม่เห็นผลที่ชัดเจนนัก”
หรือกระทั่งการผ่าตัดดูดไขมัน แม้จะเป็นวิธีลดไขมันส่วนเกินซึ่งเห็นผลชัดเจนที่สุด แต่ความเจ็บปวด และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ก็ทำให้สาวๆ หลายคนต้องถอดใจ
“การดูดไขมันต้องถือว่าเป็นการกำจัดไขมันเฉพาะส่วน ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่คนไม่นิยมดูดไขมัน เพราะมันคือ การผ่าตัด เมื่อผ่าตัดมันก็มีความเสี่ยงเช่น เลือดออก ติดเชื้อได้ เพราะฉะนั้นคนก็กังวล”
หลากหลายข้อด้อยของวิธีการเหล่านี้นี่เอง วงการแพทย์ในต่างประเทศ จึงเริ่มควานหาวิธีใหม่ๆ ที่จะมาช่วยลดความอ้วนได้แบบไม่ต้องเจ็บตัว แถมทำครั้งเดียวก็เห็นผลเป็นที่ประจักษ์
“เซลทิคเริ่มจากการที่นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งสังเกตพบว่า เอ๊ะ! ทำไมเด็กกินไอศกรีม พอกินไปกินมา ทำไมแก้มถึงบุ๋มลงไปเรื่อยๆ เซลล์ไขมันเซนซิทีฟ (sensitive) กับความเย็นหรือ? เขาจึงเริ่มศึกษาในห้องทดลองจนพบว่า อุณหภูมิประมาณ -5 องศาเซลเซียส ทำให้เซลล์ไขมันตาย เพราะฉะนั้นด้วยหลักการและเหตุผลนี้เอง ทาง Harvard Medical School's จึงค้นพบว่า เราน่าจะสามารถเอาหลักการนี้มาช่วยสลายไขมันได้ แต่จะทำอย่างไรให้ปลอดภัย
หากคุณเอาความเย็นไปจี้บนผิวโดยตรง จะอันตรายมาก เพราะผิวจะไหม้ไปหมด ดังนั้นก็ต้องหาวิธีกัน กระทั่งคิดค้นเครื่องมือ ที่สามารถป้องกันผิวด้านบนได้ ในขณะเดียวกันเครื่องนี้ก็ต้องสามารถส่งผ่านความเย็นทีละนิดๆ จนกระทั่งชั้นในของผิวได้รับความเย็นที่อุณหภูมิ -5 องศาเซลเซียส หลังจากได้อุณหภูมิอย่างนั้นแล้ว เซลล์ไขมันบริเวณนั้นก็จะตายไปเอง โดยไม่ทำให้เซลล์และเนื้อเยื่ออื่นๆ เสียหายไปด้วย”
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม เล่าต่อถึงจุดเด่นอีกอย่างของเซลทิคว่า เป็นวิธีสวยง่าย แค่นั่งสบายๆ ให้เครื่องส่งความเย็นถึงเซลล์ไขมัน จากนั้นก็กลับบ้าน มารอความสวยเริ่ดได้เล้ย…
“การทำจะไม่เจ็บเลย นั่งสบายๆ เมื่อกลับบ้านแล้วสัก 2-3 วันต่อมา เราจะรู้สึกเหมือนระบมหน่อยๆ อยู่ในชั้นไขมันตัวนั้น รู้สึกนิดหน่อยเท่านั้นไม่เจ็บมาก ประมาณสัก 6-7 วัน ไขมันก็จะค่อยๆ หายไป ซึ่งจะสังเกตเห็นผลเต็มที่ในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน
การลดแบบนี้ มันเป็นการทำให้เซลล์ไขมันฆ่าตัวตายไปเอง ซึ่งดีตรงที่พอเซลล์มันตายของมันเอง ก็เลยไม่มีผลข้างเคียงอย่างอื่น อย่างเช่น ถ้าเราไปทำให้ข้างในผิวอักเสบเยอะๆ ชั้นผิวด้านในอาจเป็นลักษณะเหมือน ‘แผลเป็น’ ร่างกายจะมีอาการอักเสบ แต่เซลทิคจะไม่ทำให้อักเสบเลย มันจะทำให้เซลล์รู้สึกว่า อุ้ย!เย็นเกินไปตายดีกว่า เหมือนคนแก่แล้วตาย ประมาณอย่างนั้น พอแก่แล้วตายมันก็ไม่มีอาการอักเสบ เพราะฉะนั้นมันจึงค่อนข้างปลอดภัย ถ้าเราจะทำซ้ำ ณ บริเวณเดิมก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร”
เมื่ออธิบายถึงหลากหลายข้อดีแล้ว คุณหมอก็ให้ข้อมูลอีกด้านอย่างชัดแจ้ง ว่าการทำ 1 ครั้งมิใช่จะกำจัดไขมันส่วนเกินได้ 100% หรอกนะ ที่สำคัญ เซลทิคเหมาะกับการลดไขมันเฉพาะจุดเท่านั้น สาวรูปร่างตุ้ยนุ้ยไปทั้งตัว ฟันธงว่าไม่เหมาะกับวิธีนี้
“เซลล์ไขมันที่ตายจะถูกร่างกายกำจัดออกไปเอง พวกนี้ไม่ถึงขนาดตายหมด 100% นะคะ ครั้งหนึ่งจะสลายไขมันได้ 20-30% ซึ่งหากว่าเราไม่ได้มีไขมันเยอะก็สบายหน่อย ทำแค่ครั้งเดียวก็เห็นผลชัดเจนแล้ว แต่วิธีนี้ถ้าทำกับคนรูปร่างอ้วนทั้งตัวเลย ต้องทำหลายครั้ง และอาจจะไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะนัก”
ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจาก Apexฯ ให้ข้อมูลต่อว่า
“ผู้หญิงเรามักจะมีปัญหาเรื่องไขมันเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง, ต้นแขน, แผ่นหลัง, เอว, พุง ซึ่งตรงนี้เราก็สามารถทำเซลทิคได้ แต่ถ้าอ้วนโดยรวม ต้องไปหาทางลดความอ้วนด้วยวิธีอื่นก่อน เช่น ออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร คุมน้ำหนัก หลังจากนั้นค่อยมาทำเฉพาะจุดแบบนี้จะเหมาะกว่า”
บอกเล่าเก้าสิบถึงรายละเอียดเสียกระจ่างแล้ว คุณหมอนันท์ภัทร์จึงเอื้อนเอ่ยกรรมวิธีเตรียมตัว – เตรียมทรัพย์สำหรับคอร์สหุ่นสวยนี้
“เวลามาทำ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย มาถึงก็เอาหนังสือพิมพ์มานั่งอ่านสัก 1 ชั่วโมงระหว่างทำ คือเครื่องนี้จะส่งความเย็นเข้าไปที่ใต้ผิว 1 จุด โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง อย่างเช่นแขนก็ 1 ชั่วโมงต่อแขน 1 ข้าง ส่วนหน้าท้องโดยมากแล้วจะมี 2 จุด ดังนั้นก็ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงสำหรับหน้าท้อง หลังทำเสร็จก็ดูแลตัวเองตามปกติ ไม่มีอะไรพิเศษเลย เพราะทำแล้วไม่เจ็บ ไม่ปวด ออกกำลังได้กายตามปกติด้วย”
เมื่อเห็นผลชัด ไม่เจ็บปวดอย่างนี้ คงต้องแลกมาด้วยราคาไม่เบาเป็นแน่ ทว่าหมอนันท์ฯ เธอแจงว่า แม้การทำต่อครั้งจะราคาสูง แต่ถ้าเทียบกับการลดความอ้วนด้วยวิธีอื่นที่ต้องทำซ้ำกันหลายครั้งกว่าจะเห็นผล เซลทิคถือว่าราคาย่อมเยากว่าค่ะ
“การทำแต่ละตำแหน่ง ราคาอยู่ที่หลักหมื่นบาทขึ้นไป ซึ่งต้องยอมรับว่าการทำต่อครั้ง ราคาจะสูงกว่าการทำอัลตราซาวด์ หรืออาร์เอฟ แต่พวกนั้นแม้ราคาจะหลักพันบาท แต่ก็ต้องทำหลายครั้งถึงจะเห็นผล
ส่วนถ้าเทียบกับการดูดไขมัน การดูดไขมันแพงกว่า ราคาเป็นหลักหลายหมื่นบาท เห็นผลดี แต่เจ็บตัว ส่วนถ้าใช้เครื่องธรรมดา อย่างพวกกระแสไฟฟ้า เครื่องอัลตราซาวด์ มันก็จะเบาๆ ได้ผลน้อย ต้องทำหลายครั้ง ในที่สุดมันก็เลยเสียเงินเยอะกว่าทำเซลทิคด้วยซ้ำ”
ถือเป็นอีกหนึ่งวิวัฒนาการที่น่าจับตามอง และหลายคนคงอยากลองซะแล้ว ทว่าก่อนตัดสินใจควักกระเป๋าจ่ายค่าทำผอม อย่าลืมหาข้อมูลให้ระเอียดยิบสักหน่อย ให้ชัวร์ชัดว่ารูปร่างคุณเหมาะกับการลดไขมันด้วยวิธีการนี้จริงมั้ย ….จะได้ฟิตแอนด์เฟิร์มคุ้มค่าสมราคาสุดๆ ไงล่ะ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net