By Lady Manager
เกิดเป็นหญิงไม่ง่ายเล้ย ต้องดูแลร่างกายสารพัด ไม่เว้นแม้กระทั่งจุดซ่อนเร้น ที่ในยามปกติก็ต้องดูแลไม่ให้พร่อง ยิ่งเมื่อยามถึงวัน “แดงเดือด” มาเยือน ก็ต้องดูแลให้ดีเป็นทวีคูณ
แต่แม้จะดูแลดีอย่างไร สาวหลายคนกลับยังประสบปัญหาระคายเคืองเกิดผดผื่นบริเวณขาหนีบ, ก้น หรือบางคนอาจถึงขั้นยุบยิบไปถึงตัวน้องสาวเลยก็มี
“บริเวณที่พบผดผื่นได้บ่อย คือ ที่บริเวณหน้าอก และแผ่นหลัง ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดในหน้าร้อน หรือที่เขาเรียก ‘ผดร้อน’ มาตั้งแต่โบราณ” แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ให้ความรู้เบื้องต้นในเรื่องของผดผื่น พร้อมอธิบายต่อถึงผดผื่นในจุดซ่อนเร้น ที่หลายคนมักเข้าใจว่ามีสาเหตุมาจากผ้าอนามัย ทว่าแท้จริงแล้วเกิดได้จากหลายสาเหตุเลยค่ะ
“ในส่วนของผู้หญิงที่มีปัญหา ใส่ผ้าอนามัยแล้วเกิดผื่น อันนี้ก็ต้องแยกโรคว่าเกิดจากอะไรกันแน่ เพราะสาเหตุนั้นเกิดได้จากหลายอย่าง อาจจะเกิดจากการอับชื้น, เซลล์ (cell) ผิวหนังผิดปกติ จนเกิดเป็นผื่นที่เป็นลักษณะของการระคายเคือง, เป็นผดร้อน, การติดเชื้อราก็ได้ เพราะมันมีเรื่องของความชื้นอยู่ หรืออาจจะเป็นลักษณะของการอักเสบของรูขุมขนเพราะเชื้อแบคทีเรีย (Bacteria) ก็ยังได้ เพราะฉะนั้นถ้าผื่นขึ้นตอนที่มีประจำเดือน ควรจะต้องมาให้แพทย์ดู เพราะว่าเรื่องนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ควรจะอายแล้วหาทางรักษาเอง เพราะมันอาจไม่ใช่วิธีการรักษาที่ถูกต้อง”
ส่วนกรณีที่สาวเราเกิดผดหรือผื่นแพ้เพราะผ้าอนามัยนั้น คุณหมออธิบายว่าเป็นเพราะผ้าอนามัยประกอบไปด้วยสารต่างๆ ที่ทำให้อาการแพ้ได้
“ผ้าอนามัยมีสารต่างๆ ที่เราอาจจะแพ้ได้เยอะ ทั้งแถบกาว ซึ่งเป็นสิ่งที่คนแพ้ได้บ่อย อีกทั้งผ้าอนามัย ยังจะต้องผ่านกระบวนการทำให้สีของผ้าอนามัยเป็นสีขาว ดูสะอาดตา ซึ่งมันก็ต้องใช้สารเคมีในการกัดให้มันเป็นสีขาว และบางชนิดก็จะมีน้ำหอมใส่เข้าไปอีก เพื่อให้ผ้าอนามัยมีกลิ่นหอม ซึ่งตรงนั้นก็อาจจะทำให้เกิดการแพ้น้ำหอมได้อีก”
เลี่ยงเปลี่ยนยี่ห้อผ้าอนามัย-งดขัดถูเกินควร ป้องกันผื่นลุกลาม “จุดสงวน”
เมื่อบอกถึงสาเหตุที่ทำให้สาวเราเกิดภาวะแพ้ผ้าอนามัยแล้ว คุณหมอคนสวยก็ให้แนวทางในการหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดผื่นคันใกล้น้องหนูมาด้วย
“สำหรับวิธีการเลือกผ้าอนามัยโดยทั่วไป คือ ถ้าเราใช้ผ้าอนามัยยี่ห้อไหนแล้วไม่แพ้ ก็ใช้ยี่ห้อนั้นไป ไม่ควรเปลี่ยนบ่อย อย่างที่สองคือ การรักษาความสะอาด พยายามเปลี่ยนตามระยะเวลาที่เขาแนะนำ อาจจะเป็น 3-4 ชั่วโมงก็เปลี่ยน ไม่ใช่ว่าใส่ทั้งวันแล้วไม่เปลี่ยน มันก็เกิดเป็นความอับชื้นขึ้นมา
ในเรื่องของการทำความสะอาด ระหว่างจะเปลี่ยนผ้าอนามัยแต่ละครั้ง ก็ควรจะทำความสะอาดด้วย ใช้น้ำเปล่าธรรมดานี่แหละ ล้างแล้วซับให้แห้ง ดูแลอย่าให้ผิวบริเวณนั้นแห้งเกินไป คือ บางคนชอบคิดว่ากลัวสกปรก แล้วก็ไปใช้สบู่ฆ่าเชื้ออย่างแรง และขัดถูเยอะๆ ซึ่งการทำแบบนั้น เป็นการทำให้เซลล์ชั้นหนังกำพร้าด้านบนหลุดลอก ทำให้เกิดการระคายเคืองง่าย ผิวไม่แข็งแรง หรือผิวแห้งเกินไป ตรงนี้เองเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นแพ้ได้”
ที่สำคัญ คุณหมอห้ามสาวเราใช้น้ำสวนล้างเข้าไปในน้องหนู แค่ล้างด้วยสบู่อ่อนๆ เพียงภายนอกก็สะอาดเอี่ยมแล้วค่ะ
“การทำความสะอาด คงไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาล้าง เวลาล้าง เราไม่แนะนำให้ต้องสวนล้างเข้าไป บางคนเข้าใจผิด พยายามที่จะสวนล้างเข้าไปในช่องคลอด จริงๆ ไม่ใช่ ล้างแค่ด้านนอก โดยใช้สบู่อ่อนๆ หรือสบู่ธรรมดาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาชนิดพิเศษ เพียงแต่ถ้ากลัวจะแพ้ ก็เลือกชนิดที่ไม่มีน้ำหอม หรือเลือกแบบที่ฟองไม่เยอะ เพราะจริงๆ แล้วสารที่คนแพ้บ่อยๆ ก็คือ พวกสารที่ทำให้เกิดฟอง นั่นคือสารจำพวกโซเดียม ลอริล อีเทอร์ ซัลเฟต (Sodium Lauryl Ether Sulfate) และพวกน้ำหอม นั่นเอง”
“ครีมแก้แพ้ผื่นผ้าอ้อมเด็ก” ตัวช่วยแจ่มแจ๋ว บรรเทาผื่นแพ้ในที่ลับ
คุณหมอบอกเพิ่มถึงการป้องกันผื่นแพ้ว่าสามารถทำได้ โดยการเพิ่มการปกป้องผิว ทำให้ผิวแข็งแรง ด้วยครีมแก้แพ้ผื่นผ้าอ้อมเด็ก
“อีกวิธีที่ช่วยป้องกันผื่นได้คือ เมื่อล้างด้วยน้ำสะอาด และซับให้แห้งแล้ว เราอาจจะใช้โลชั่น หรือครีมที่ป้องกันผื่นแพ้ผ้าอ้อมของเด็ก ซึ่งครีมแบบนั้นมันจะช่วยปกป้องผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น คือ มันก็ช่วยป้องกันได้ ในแง่ของการที่เข้าไปช่วยเพิ่มการปกป้องผิว”
ไหนๆ ครีมแก้แพ้ผื่นผ้าอ้อมเด็กก็ช่วยบรรเทาผื่นให้สาวเราได้ แล้วถ้าอยากป้องกันความเปียกชื้นอันเป็นสาเหตุของผดผื่นให้มากยิ่งขึ้น จะทาแป้งเด็กป้องกันความอับชื้นด้วยดีมั้ย ? คุณหมอตอบทันควัน
“สำหรับแป้ง จริงๆ ไม่ค่อยจำเป็นนัก เพราะหากเราล้างดูแลความสะอาด และซับให้แห้งพอ ก็ลดความอับชื้นได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องโรยแป้งก็ได้ ”
สำหรับแนวทางการรักษา ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังของเรายืนยันว่า มาพบแพทย์เพื่อขุดหาต้นตอการเกิดให้ได้ก่อนดีกว่า แล้วค่อยรักษาตามสาเหตุกัน !
“วิธีการรักษาผื่นนั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุ เพราะเราต้องแยกสาเหตุก่อน ว่าผื่นนั้นเกิดจากอะไรกันแน่ ถ้าเป็นผื่นแพ้ ผื่นระคายเคือง ก็ต้องดูว่าระคายเคืองเพราะอะไร การระคายเคืองอาจเพราะไปใช้อะไรขัดผิวเยอะเกินไป ผิวเลยไม่แข็งแรงหรือเปล่า หรือมีการเสียดสีมากไปหรือเปล่า ก็ต้องค่อยๆ ดูตามสาเหตุ ถ้าเกิดจากสาเหตุนี้ก็พยายามดูแลให้ผิวแข็งแรงขึ้น ใช้สบู่ที่อ่อนๆ ทาโลชั่น หรือจะใช้ครีมในกลุ่มแก้แพ้ผื่นผ้าอ้อมเด็ก ก็ประยุกต์เอามาใช้ด้วยกันได้ และการจะรักษาด้วยยาในกลุ่มแก้แพ้ ก็ต้องดูด้วยว่าสาเหตุการแพ้ที่แท้จริงนั้นแพ้อะไร ลักษณะไหน แต่ถ้าตรวจแล้วพบว่าเป็นเชื้อรา ก็ใช้ยาทาแก้เชื้อรา” คุณหมอธิดากานต์ ให้ความรู้ปิดท้าย
*เกร็ดแถมท้าย*
หลักการเลือกซื้อ “ผ้าอนามัย” อย่างปลอดภัย
– เมื่อเลือกซื้อผ้าอนามัย อย่าลืมตรวจดูวันหมดอายุ และสังเกตลักษณะบรรจุภัณฑ์ว่าต้องปิดสนิท ไม่ดูดำเกรอะกรัง หรือได้กลิ่นอับชื้นโชยมาแต่ไกล
– เมื่อเปิดห่อใช้แล้ว ควรเก็บผ้าอนามัยที่เหลืออย่างมิดชิด เพื่อป้องกันฝุ่น และแมลง
– ไม่ควรใช้ผ้าอนามัยแต่ละชิ้นนานเกินควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าอนามัยแบบสอด อย่าลืมทิ้งไว้ในช่องคลอด เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้น เช่น เกิดกลุ่มอาการเป็นพิษ เนื่องจากได้รับสารพิษจากเชื้อแบคทีเรียพวกสตาฟีโลคอคคัส (Staphylococcus spp.) ซึ่งทำให้มีอาการปวดศีรษะ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
– หากใช้ผ้าอนามัยแล้วเกิดอาการผิดปกติ เช่น มีผื่น คัน หรือระคายเคือง ควรเปลี่ยนยี่ห้อ
เท้าเหม็น! อีกปัญหาหนึ่งที่ผู้หญิงหลายคนเป็นมาตั้งแต่เกิด.. จะสามารถแก้ไขหรือบรรเทาดูแลอย่างไรเพื่อสุขภาพดี ที่สำคัญ ไม่เสียบุคลิกภาพ ..พบกันสัปดาห์หน้าค่ะ
คลิกอ่าน สารพันปัญหาผิวหนังในที่ลับของคุณผู้หญิง โดยพญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล
ตะบี้ตะบันทาเล็บ! โอกาสเกิดเชื้อราสูง!!
ดูแลเท้าอย่างไรให้ไร้“ตาปลา” โรคฮิตสาวพิสมัยส้นสูง
บั้นท้ายดำคล้ำ-แตกลาย ..แก้ไขได้
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net