By Lady Manager
“เช้าแล้วเหรอเนี้ย…ฉันยังไม่อยากตื่นเลย” กับพฤติกรรมนี้ เชื่อว่าแทบทุกคนเป็นต้องเคยประสบมาบ้าง บางคนเป็นไม่บ่อย แต่บางรายก็รู้สึกเมื่อยล้าอ่อนเพลียแทบทุกรุ่งอรุณ เมื่อพลังในยามเช้าไม่มี ก็อาจส่งผลให้วันทั้งวันดูติดขัด งานไม่เดิน เจ้านายไม่ปลื้ม แถมสมองยังเบลอไปหมด!
เมื่อความอ่อนล้าในยามเช้าเป็นสิ่งฉุดรั้ง ทำให้ชีวิตคุณไม่สดใส เราจึงขอนำเสนอ 10 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยคลายความเหนื่อยล้าในยามเช้า ให้คุณตื่นมาแล้วพบกับความสดใส และใช้ชีวิตประจำวันให้สดชื่นซู่ซ่าอยู่ตลอด
วิธี1 ไม่ใช้ “กาแฟ” เป็นทางลัด ลดความล้า
แม้คุณจะชินและอยากจิบความหอมของกาแฟในยามเช้า เพื่อหวังกระตุ้นพลัง สลัดความเหนื่อยล้า ทว่าแท้จริงแล้ว กาแฟช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น หายเหนื่อยล้าได้แค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้นค่ะ เพราะพลังชีวิตของคุณจะตกต่ำลงอีกครั้ง เมื่อกาแฟหมดฤทธิ์ สาวบางคนจึงต้องจิบกาแฟทั้งเช้า สาย บ่าย ค่ำ แทบกลายเป็นคนติดกาแฟ
ดังนั้นการจิบกาแฟเพื่อต่อสู้กับความเมื่อยล้าของร่างกาย จึงมิใช่ทางออกที่ยั่งยืนหรอกค่ะ หากแต่จะกักเก็บพลังแห่งความอ่อนล้านั้นเอาไว้ และรอว่าเมื่อไหร่จะถึงจุดแตก ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง คุณก็อาจต้องเหนื่อยจนถึงขั้นลุกจากเตียงไม่ไหวกันเลยทีเดียว
วิธี2 หลับไม่น้อยกว่า 7 ชั่วโมง
แม้ว่าร่างกายของแต่ละคน อาจต้องการเวลานอนที่ไม่เท่ากัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว คุณก็ควรจะนอนให้ได้วันละ 7 ชั่วโมงหรือมากกว่า ถึงจะเรียกว่าเหมาะ เพราะร่างกายจะได้มีเวลามากพอในการซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ ที่สำคัญคุณควรจะเข้านอน และตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุด เพื่อให้ร่างกายได้เกิดความเคยชินว่าต้องตื่นขึ้นมาในเวลาใด แถมตื่นขึ้นมาก็จะได้ไม่รู้สึกงัวเงีย แต่กลับกระปรี้กระเปร่า พร้อมรับวันใหม่ในทุกเช้า
วิธี3 หมั่นเดินเร็ว ออกกำลังฟิตร่างกาย
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถือว่ามีประโยชน์มากโขต่อร่างกาย เพราะจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) สร้างความสุข และพลังกายพลังใจให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าอยู่ตลอด ฉะนั้นแนะนำว่าถ้าอยากสดชื่นควรหมั่นออกกำลังกาย อย่าให้พร่อง
ที่สำคัญคุณไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์ออกกำลังราคาแพง หรือเข้าฟิตเนส (fitness) ราคาสูงหรอกค่ะ
หากคุณเป็นมนุษย์ทำงาน ที่มิได้กระเป๋าหนัก วิธีง่ายๆ ในที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายแบบประหยัด ก็คือ “การเดินเร็ว” ลองเดินเร็วสักวันละ 20 นาที ทำให้ได้สม่ำเสมอ แค่นี้คุณก็จะมีพลังล้นเหลือ ไม่เหนื่อยเพลียง่ายๆ แล้วหล่ะ
วิธี4 ห้ามลืมมื้อเช้า กินถั่ว-กล้วย บำรุงสมอง
อย่างที่ทราบกันว่า สิ่งที่คุณกินเข้าไปย่อมส่งผลต่อร่างกายคุณโดยตรง ฉะนั้นอาหารที่คุณเลือกส่งเข้าไปในกระเพาะ จึงควรเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยบำรุงสมอง แนะนำเป็นอาหารใกล้ตัวที่หาง่ายๆ อย่าง กล้วย และ ถั่ว พกติดตัวไว้ รับประทานรองท้องยามหิว เป็นอีกของกินเล่นที่มีประโยชน์เยอะเชียวค่ะ และอีกสิ่งสำคัญที่ต้องกาดอกจันทร์ ห้ามลืมก็คือ อาหารเช้า มื้อเริ่มต้นวันใหม่ที่คุณๆ ไม่ควรจะขาด เพราะหากไม่เติมพลังให้ร่างกาย แล้วจะสดชื่นสดใส มีแรงสู้กับความเหน็ดเหนื่อย อีกตลอดทั้งวันได้ยังไง?
วิธี5 ดื่มน้ำสะอาด งดกาแฟหลัง 6 โมงเย็น
เป็นอีกสิ่งที่หลายคนอาจหลงลืม แม้จะดูแลตัวเองดีแค่ไหน แต่ถ้าร่างกายขาดน้ำ คุณก็อาจรู้สึกอ่อนเพลีย เซื่องซึมได้ง่ายๆ ฉะนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่ายกาย (แนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำสะอาดประมาณ 2.5 ลิตรต่อวัน) หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (caffeine) อย่างกาแฟ ในปริมาณมาก เพราะกาแฟจะมีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ จนอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ ที่สำคัญ ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลัง 6 โมงเย็นด้วยค่ะ เพราะสารคาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้คุณประปรี้กระเปร่าในยามที่คุณควรจะพักผ่อน ประเดี๋ยวหลับไม่ลง ตื่นเช้าขึ้นมาจะไม่สดใส กลายเป็นรู้สึกอ่อนเพลียไปอีก
วิธี6 ขีดเขียน เมื่อรู้สึกง่วง
หากยามเช้ามาถึงออฟฟิศ ก็ยังเมื่อยล้า ไม่เลิกรา ยิ่งตกบ่ายพลังก็ยิ่งต่ำลง ประมาณว่าเมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน ทว่าจะมาตาตกนั่งสัปหงกในที่ทำงานคงไม่ส่งผลดีต่อตัวคุณแน่ ดังนั้นต้องตั้งมั่น อย่าหลับให้เสียภาพจน์เด็ดขาด หากคุณง่วงมาก จนลืมตาแทบไม่ขึ้น สมองเบลอ จนคิดงานไม่ออก ลองหยิบปากกาขึ้นมาวาดรูปเล่น หรือเขียนสิ่งที่คุณกำลังคิดอยู่ลงในกระดาษสักแผ่น เพื่อเป็นการปลุกความคิด กระตุ้นสมองให้ตื่นตัว สลัดทิ้งความเมื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้ง
วิธี7 หาตัวช่วยเป็นวิตามินเสริม(บ้าง)
แม้ทางที่ดีเลิศของการทานอาหารคือ พยายามทานให้ครบ 5 หมู่ แค่นี้ร่างกายก็สมบูรณ์แข็งแรงได้แล้ว ทว่าในยุคปัจจุบันสาวทำงานที่มัวแต่ง่วนกับงาน ตื่นเช้าก็เร่ง พักกลางวันก็รีบ ตกเย็นก็เหนื่อย มีเวลาน้อยเหลือเกินที่จะเลือกอาหารการกินให้ได้ครบคุณประโยชน์
ในกรณีนี้คุณอาจเหล่มองหาวิตามินเสริมมาเพิ่มเติมสารอาหารที่ร่างกายคุณขาดบ้าง แต่ข้อสำคัญต้องเน้นย้ำว่า ควรรับประทานแต่พอดี และปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอด้วยนะคะ
วิธี8 วางแผนล่วงหน้า
เพราะในชีวิตของเรา ต้องพบเจอกับความเปลี่ยนแปลง และเรื่องที่ไม่คาดคิดตลอดเวลา และหากเกิดสิ่งไม่คาดคิดขึ้นแล้วคุณมิได้เตรียมใจ วางแผนแก้ไขไว้แต่เนิ่นๆ ความเครียดก็อาจมาเยือนคุณได้ ฉะนั้นเมื่อคิดจะทำสิ่งใด ควรวางแผนล่วงหน้าไว้ให้กระจ่าง จะแต่งงาน จะมีลูก หรือกระทั่งซื้อบ้านซื้อรถ พิจารณาวางแผนให้รอบคอบเสียหน่อย จะได้ไม่ต้องมาเครียดนาน เครียดสะสม จนกลายเป็นสิ่งบั่นทอน สร้างความเมื่อยล้าให้กับกายและใจของคุณได้
วิธี9 จัดสรรบ้านช่องให้เรียบร้อย
มันคงไม่ดีนักที่กลับมาจากที่ทำงานเหนื่อยๆ แล้วต้องเจอกับสภาพบ้านช่องที่รกรุงรัง จะหาของแต่ละทีก็แทบต้องนั่งปาดเหงื่อ เพราะไม่รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน!
อย่าเพิ่มความเหนื่อยให้กับตัวเองเลยค่ะ หากอยากเก็บพลังเก็บแรงไว้สู้กับปัญหาภายนอกอีกสารพัด ลองเริ่มด้วยวิธีใกล้ตัวสุดๆ อย่างการจัดระเบียบบ้าน หรือห้องนอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย มองเห็นสะอาดตา หยิบหาของใช้ก็แสนง่าย ..นี่แหละอีกสิ่งง่ายๆ ที่จะสร้างความสุข และป้องกันความเหนื่อยหน่ายให้ตัวคุณได้
วิธี10 ทำกิจกรรมปลดเปลื้องความเครียด
พยายามที่จะเรียนรู้ และหาทางจัดการกับความเครียดของตัวเองด้วยวิธีง่ายๆ เสียบ้าง เพราะการกักเก็บความเครียดเอาไว้นาน มันจะส่งผลเสียต่อทั้งร่างกาย และจิตใจ หากรู้สึกว่าวันนี้เซ็งจิต ทำอะไรก็ผิดรู้สึกเครียดไปหมด ลองผ่อนคลายด้วยวิธีใกล้ตัว อย่าง การอาบน้ำให้เย็นสบาย ปล่อยใจให้ว่าง หรือจะอ่านนิยายเล่มโปรด, ทำสิ่งที่คุณชื่นชอบเพื่อให้รู้สึกว่าสบายใจ หลบหลีกความวุ่นวายของวันเก่าๆ ให้หมดก่อนเข้านอน เพื่อวันรุ่งขึ้นจะได้ตื่นมาพร้อมกับพลังเต็มเปี่ยม พบกับวันใหม่ที่สดใส ไฉไลกว่าเดิม
เรียบเรียงจาก ไชน์
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net