By Lady Manager
จะเคยมีสักคนไหมที่ไม่เคยปวดหัว?
อาการปวดหัวตึ้บนั้น ต้องบอกได้เลยว่าหากท่านใด ได้ประสบพบเจอแล้ว รับรองจะหนาว!! แต่คุณรู้เคยบ้างไหมว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวนั้น มาจากอะไรบ้าง ลองมาดูข้อมูลข้อเท็จจริงกันดูเลยค่ะ
สาเหตุแรก
โรคไซนัส
อาการปวดศีรษะที่มาจากโรคไซนัส (Sinus) อักเสบ สังเกตง่ายๆ ผู้ป่วยจะมีไข้ น้ำมูกไหล อาการเฉพาะของโรคไซนัสอักเสบที่สังเกตได้ คือ จะมีอาการปวดหน่วงๆ ตามจุดไซนัส เช่น หน้าผาก หัวตา โหนกแก้ม หรือรอบๆ กระบอกตา ถ้าเอานิ้วกดหรือเคาะแรงๆ ตรงไซนัสที่อักเสบก็จะเจ็บ
อาการปวดมักเป็นมากในตอนเช้าหรือบ่าย และเวลาก้มศีรษะหรือเปลี่ยนท่า ผู้ป่วยจะมีน้ำมูกเป็นหนองข้นสีเหลืองหรือสีเขียว บางคนน้ำมูกจะไหลลงคอ หรือเวลาสูดจมูกแรงๆ จะมีหนองไหลลงหลังคอ อาจมีการคัดแน่นจมูกหรือหายใจมีกลิ่นเหม็นคาวร่วมด้วย ถ้ามีอาการดังกล่าวชัดเจนก็มักจะบอกได้เลยว่าเป็นไซนัสอักเสบ หรือบางคนอาจจะไปหาหมอฟันด้วยอาการปวดฟัน แต่ที่จริงแล้วเป็นไซนัสอักเสบ ตัวอย่างเช่น ไซนัสที่บริเวณ แก้มจะทำให้ปวดแก้มแล้วร้าวมาที่ฟันได้ เพราะว่าส่วนล่างสุดของไซนัสที่แก้มจะอยู่ติดกับรากฟันนั่นเอง
สาเหตุสอง
เครื่องบินทะยานขึ้น-ลง
คนทั่วโลกขึ้นเครื่องบินกันปีละประมาณ 3,300 ล้านที่นั่งต่อปี ในจำนวนนี้คิดเป็นที่นั่งที่มีคนนั่งจริงๆ ประมาณ 70% หรือประมาณ 2,310 ล้านรายต่อปี มีการสำรวจกลุ่มตัวอย่างที่ขึ้นเครื่องบินเกิน 1 ครั้ง จำนวน 906 คน ผลการศึกษาพบว่า คนขึ้นเครื่องบินปวดหัวจากการขึ้นเครื่องประมาณ 5.7% โดยผู้หญิงปวดหัวจากการขึ้นเครื่องมากเป็น 2 เท่าของผู้ชาย โดยสาเหตุที่อาจทำให้ปวดหัวได้แก่ ความเครียด คุณภาพอากาศในห้องโดยสารไม่ดีพอ เสียงเครื่องยนต์ และความกดดันอากาศที่เปลี่ยนแปลง
กลุ่มตัวอย่างที่มีอาการปวดหัวจากการขึ้นเครื่องส่วนน้อย (19.2%) ปวดหัวทุกเที่ยวบิน ที่เหลือปวดเป็นบางเที่ยว บางเที่ยวก็ไม่ปวด เกือบ 1 ใน 4 ของคนที่ปวดกล่าวว่า มักจะปวดตอนเครื่องบินไต่ระดับเพดานบินสูงขึ้น อีก 1 ใน 5 ของคนที่ปวดกล่าวว่า มักจะปวดตอนเครื่องบินลดระดับเพดานบินลงสู่เขตเดดซี (Dead Sea) ซึ่งเป็นทะเลสาบที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 400 เมตร
มีผู้พยายามอธิบายว่าอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงค่าความกดอากาศส่งผลต่อเส้นประสาทแขนง Ethmoid และทำให้เกิดอาการปวดศีรษะโดยเฉพาะบริเวณข้างจมูก อย่างไรก็ดี ภาวะดังกล่าวไม่มีอันตรายร้ายแรง และสามารถหายไปได้เอง
สาเหตุสาม
การดูหนัง 3D
นักวิจัยในอเมริกาศึกษาพบว่า การดูภาพยนตร์ 3 มิติไม่คุ้มกับค่าตั๋วที่ต้องเสียแพงขึ้นเลย ผู้ชมหนัง 3 มิติไม่ได้รู้สึกมันทางอารมณ์ หรือได้รับความรู้สึกว่าได้ไปดูมามากกว่าเพื่อนคนที่ไปดูหนัง 2 มิติปกติเอาซะเลย
นักวิจัยแอล มาร์ค แคเรีย (Elle Mark Kareer) มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สเตท ได้ศึกษาผลของเทคโนโลยีที่มีกับขบวนการทางจิตวิทยา ได้กล่าวว่า “เอาเถอะ ถึงจะเปรียบกันตัวต่อตัว อาจกล่าวได้ว่า มันทำให้เรารู้สึกไม่สบายมากขึ้นด้วย คนดูหนัง 3 มิติ จะรู้สึกปวดตา ปวดหัวตึ้บ บางรายแทบจะอ๊วกพุ่ง หรือมองเห็นไม่ถนัดยิ่งกว่าดูหนัง 2 มิติ มากกว่ากันเกือบ 3 เท่า เหตุที่บางคนยังชอบดูอยู่ เพราะชอบอย่างอื่น อย่างเช่น เทคนิคการถ่ายทำพิเศษโก้ๆ มากกว่า”
ภาพ 3 มิตินั้นถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยหลักทางกายภาพว่า “ตาข้างซ้าย” และ “ตาข้างขวา” ของคนเรานั้น จะมองตำแหน่งวัตถุที่อยู่บริเวณกลางตา “ตำแหน่งไม่เท่ากัน” (เพราะตำแหน่งของตาซ้ายและตาขวาเราห่างกันตั้ง 3-5 เซนติเมตร)
สามารลองง่ายๆโดยการเอานิ้วชี้ยกขึ้นมาให้ห่างจากตาซัก 10 เซนติเมตร แล้วลองปิดตาซ้ายและตาขวาสลับตาดู เจ้าตำแหน่งของนิ้วชี้ที่เราเห็นด้วยตาแต่ละข้างก็จะไม่เท่ากัน แต่ลองนึกภาพดูว่าถ้าเราสามารถกระพริบตาซ้ายขวาสลับกันได้ถึง 120 ครั้งต่อวินาที ตำแหน่งนิ้วที่จะเหลื่อมซ้ายและขวากันนิดหน่อยนั้นก็จะรวมกันเป็นหนึ่งครับ และนี่ก็คือหลักการง่ายๆ ที่เอาทำมาทำเป็นภาพ 3 มิติจ้า
สาเหตุสี่
สเปรย์ฉีดไล่แมลง
ยาฆ่าแมลงส่วนใหญ่จะเป็นประเภทที่มีฟอสฟอรัส (Phosphorus) เป็นองค์ประกอบ ซึ่งเป็นพิษโดยการสัมผัสแล้วซึมผ่านเข้าทางผิวหนัง ส่งผลต่อระบบประสาท จะสลายตัวภายใน 72 ชั่วโมงในสิ่งแวดล้อมปกติ ที่พบตามท้องตลาดคือ ไดคลอวอส (Divhlovos) ซึ่งพบในสเปรย์กำจัดยุงและแมลงสาบ, สเปรย์กำจัดแมลงสาบ และสเปรย์กำจัดปลวก มด มอด แมลงสาบ
ไดคลอวอส ทำให้การหายใจเข้าไปทำให้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ เจ็บหน้าอก ตัวซีดเป็นสีเขียวเนื่องจากขาดออกซิเจน กล่องเสียงอักเสบ ชัก หัวใจเต้นผิดปกติ การสัมผัสทางผิวหนังก่อให้เกิดความระคายเคือง ถ้ากลืนหรือกิน
ข้อมูลห้า
คอเลสเตอรอลสูง
คอเลสเตอรอล (Cholesterol) เป็นไขมันในเลือดชนิดหนึ่งที่ร่างกายได้มาจากอาหาร และสร้างขึ้นเอง เนื่องจากมีความสำคัญต่อร่างกาย คือ ช่วยให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการที่ดี มีผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองและระบบย่อยอาหาร เป็นองค์ประกอบหลักของฮอร์โมนหลายชนิด รวมทั้งมีความจำเป็นในการสังเคราะห์วิตามินดี
ปริมาณคอเลสเตอรอลในแต่ละวันจะผันแปรได้ตามชนิดของอาหารที่รับประทาน ความเครียด การสูบบุหรี่ การออกกำลังกาย ฯลฯ ถ้ามีปริมาณคอเลสเตอรอลมากเกินความจำเป็นจะส่งผลให้คอเลสเตอรอลดังกล่าวไปเกาะสะสมอยู่บริเวณผนังด้านในของหลอดเลือดแดง ทำให้ช่องว่างภายในหลอดเลือดเล็กลง จนทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ สมอง แขนและขาได้น้อยลง ทำให้เหนื่อยง่าย มีอาการมึนงง ปวดหัวตึ้บ ชาตามมือและเท้า มีความดันโลหิตสูง ตลอดจนเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็งเนื่องจากมีไขมันสะสมที่บริเวณหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดตีบแคบ
อ้อ! ผู้ที่เป็นโรคเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องอ้วนเสมอไป คนผอมก็สามารถเป็นได้ เพราะการผลิตคอเลสเตอรอลถูกควบคุมโดยกรรมพันธุ์นั่นเอง
สาเหตุหก
พันธุกรรม
น่าสารจัง ผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคไมเกรน ที่มีอาการปวดศีรษะข้างเดียวเรื้อรัง ทั่วโลกจำนวนเรือนล้าน อาจจะมีความหวังเข้าแล้ว เมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้พบต้นเหตุว่ามันเนื่องมาจากยีน หรือหน่วยพันธุกรรม ที่มีตำหนิตัวหนึ่ง
การค้นพบครั้งนี้ นอกจากจะช่วยเปิดหนทางไปสู่ยารักษาชั้นใหม่แล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าอาการปวดศีรษะอันทรมานนี้ยังถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปยังลูกได้
นักวิจัยของสภาวิจัยการแพทย์มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้ค้นพบว่า ยีนที่มีชื่อว่า “Tresk” พบในครอบครัวของผู้ป่วยเป็นตัวการใหญ่ เมื่อยีนนี้กลายพันธุ์ จะไปกระตุ้นศูนย์เจ็บปวดของสมองง่ายขึ้นทำให้ปวดหัวอย่างหนัก
วารสารวิชาการ “พันธุกรรมธรรมชาติ” เผยข้อมูลว่า อาการปวดศีรษะไมเกรนมีผู้เป็นกันมากทั้งชายหญิง โดยในหมู่สตรีจะเป็นกันมากถึง 1 ใน 4 ส่วนในผู้ชายจะเป็นน้อยลงหน่อย อยู่ทุก 1 ใน 12 คน โดยอาการจะเกิดขึ้นได้จากสุรา ความเครียด แสงไฟนีออน และแม้แต่อาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต เหล้าไวน์แดง และกาแฟ แต่ผู้ป่วยทุก 1 ใน 2 คน จะเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงของอากาศก็ทำให้เกิดอาการได้
สาเหตุสุดท้าย
การมีเซ็กซ์
อาการปวดหัวเมื่อมีเซ็กซ์นั้น ไม่ใช่เรื่องเล่นเลย ส่วนใหญ่เมื่อมีคนบ่นก็มักจะแซวเล่นว่าว่า ปวดหัวเพราะหาคนมีเซ็กซ์ด้วยไม่ได้ต่างหาก ฮ่าฮ่า แต่อันที่จริงไม่ใช่เรื่องเล่นค่ะ พบว่ามีคนปวดหัวเมื่อมีเซ็กซ์จริงๆ บางคนเริ่มปวดทันทีที่มีเซ็กซ์ บางคนปวดเมื่อถึงจุดสุดยอด บางคนหลังมีเซ็กซ์แล้วยังปวดต่อไปเป็นครึ่งค่อนวัน จนทำให้ไม่มีความสุขกับการมีเซ็กซ์
คำว่าปวดหัวเมื่อมีเซ็กซ์นั้นไม่ใช่อาการปกติ และไม่ได้จำกัดกับการมีเซ็กซ์แบบสอดใส่ระหว่างหญิงชาย บางคนปวดแม้แต่ช่วยตนเอง บางคนปวดแม้มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน หลายคนสงสัยว่าชายกับหญิงใครปวดหัวเมื่อมีเซ็กซ์มากกว่ากัน ไม่น่าเชื่อว่าคำตอบคือ ผู้ชาย
เราแอบมีวิธีป้องกันมีฝากไว้ด้วยอีกแน่ะ เชื่อว่าการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ไม่ผ่อนคลาย ทำให้ปวดหัว จึงแนะนำให้มีเซ็กซ์แบบไม่รีบร้อน ไม่รีบเร่ง ค่อยเป็นค่อยไป นุ่มนวล เมื่อทั้งสองฝ่ายมีความพร้อม ส่วนท่าในการมีเซ็กซ์เป็นส่วนหนึ่งที่ปวดหัว เชื่อว่านี่เป็นสาเหตุที่ฝ่ายชายปวดหัวเมื่อมีเซ็กซ์มากกว่าฝ่ายหญิง เชื่อว่าท่าที่อยู่นิ่งๆ (หรืออยู่ด้านล่าง) เป็นฝ่ายรับ ไม่ค่อยปวดหัว ขณะที่ผู้ที่เป็นฝ่ายกระทำ (หรืออยู่ด้านบน) มักจะปวดหัวมากกว่า ดังนั้นหากปวดหัวเมื่อมีเซ็กซ์จงเลือก ท่านอนตะแคงเข้าหากัน จะลดอาการปวดหัวได้
เรียบรียงจากเฮลท์ไลน์
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net