By Lady Manager @Bitchy
สุขภาพของอวัยวะเพศหญิงเป็นสิ่งที่เรามองข้าม ละเลย ปล่อยวางไม่ได้เลย เพราะนอกจากจะเป็นอวัยวะสืบพันธุ์แล้ว ยังเป็นประตูช่องทางของเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่ายด้วย
งั้น เราลองมาดูกันว่าความเชื่อผิดๆ ของ “น้องจิ๋ม” นั้นมีอะไรบ้าง รู้ไว้เพื่อสุขภาพที่ดีของช่องคลอดเราค่ะ
ผิดแรก
->สวนล้างน้องจิ๋มให้สะอาดเอี่ยม
ตามปกติช่องคลอดของสาวรุ่นจะอยู่ในสภาพเป็นกรด เพราะผนังช่องคลอดของคนวัยสาวนั้นถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมนเพศที่ชื่อเอสโตรเจน ให้สะสมสารคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งชื่อ ไกลโคเจน (Glycogen)
สารไกลโคเจนนี้จะถูกแบคทีเรียในช่องคลอดที่มีอยู่แล้วซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดี ที่ชื่อ Doderlein bacilli ให้เปลี่ยนเป็นกรดแลคติค (Lactic acid) และกรดนี้เองช่วยรักษาสภาพกรดด่างของช่องคลอดไว้
จากการทดลองพบว่าเมื่อไหร่ที่ช่องคลอดเป็นกรด เชื้อโรคร้ายหลายชนิดจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ว่าง่ายๆ คือ เมื่อช่องคลอดเป็นกรด โอกาสติดเชื้อทางช่องคลอดก็น้อยลง
การสวนล้างช่องคลอดหรือบริเวณภายในอวัยวะเพศจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้วยังอาจเป็นอันตรายต่อผนังช่องคลอดซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่ละเอียดอ่อนบอบบางอีกด้วย เพราะน้ำยาจะทำลายสารที่คอยป้องกันเชื้อโรคในช่องคลอด รวมทั้งอาจทำให้เกิดแผลในช่องคลอดที่ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้นด้วย
ดังนั้นการทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศจึงควรทำเฉพาะส่วนของน้องจิ๋มด้วยน้ำและสบู่ ก็ถือเป็นการรักษาความสะอาดที่เพียงพอต่อการป้องกันอาการผิดปกติในระบบสืบพันธุ์แล้วนะจ๊ะ
อ้อ! ส่วนใหญ่หลังการมีเพศสัมพันธ์ผู้หญิงเรามักจะอยากรีบนำน้ำอสุจิของแฟนระบายออกมาให้หมดบางรายอาจจะใช้วิธีเบ่งออก หรือบ้างก็นิยมใช้สายยางฉีดสวนเข้าไปในน้องจิ๋มหวังนำน้ำอสุจิออกมาพร้อมน้ำที่ฉีดเข้าไป ทว่าไม่ควรสวนล้างแบบนั้น เพราะในกรณีที่มีการติดเชื้อของช่องคลอดอยู่ จะยิ่งนำเชื้อเข้าสู่ปากมดลูก เกิดการอักเสบของมดลูกและท่อนำไข่อย่างรุนแรงได้
ผิดสอง
-> คันปุ้บ! ใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นเยียวยาปั๊บ
คันหูไม่รู้เป็นอะไร เอาสำลีมาปั่นก็ไม่หาย……น้องจ๊ะ เทอร์โบ ผู้โด่งดังกับบทเพลงคันหู ให้อารมณ์ของคนคันน้องจุ๋มจิ๋มได้เป็นอย่างดี ยิ่งเกายิ่งมัน ยิ่งคันยิ่งเกา เกาไปเกามาเลยทั้งแสบทั้งคัน
บางคนฟอกล้างวันละ 3 เวลาก็ยังคัน การฟอกสบู่ยาฆ่าเชื้อโรคที่มีสารเคมีที่อาจระคายเคืองผิวอ่อนๆ บริเวณนั้นบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดการคันได้นะ การล้างฟอกทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือสารเคมีที่ทำให้เกิดกลิ่นสังเคราะห์หลายชนิดก็อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและคันได้
การทำความสะอาดช่องคลอดใช้น้ำธรรมดาก็เพียงพอแล้ว เพราะภายในช่องคลอดของผู้หญิงจะมีเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งจะทำให้ช่องคลอดมีสภาวะเป็นกรดอ่อนๆ เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา การใช้น้ำยาล้างช่องคลอดบางชนิด บางยี่ห้อเป็นประจำ แทนที่จะเกิดผลดีปรากฏว่าน้ำยาล้างช่องคลอดไปทำลายเชื้อจุลินทรีย์ทำให้ความเป็นกรดเป็นด่างเสีย
โดยปกติแล้วร่างกายของคนเรามีภาวะสมดุลอยู่ ช่องคลอดก็เช่นกันความจริงไม่ได้มีความสกปรกสักเท่าไร ชำระล้างปกติด้วยน้ำก็เพียงพอแล้ว เพราะการใช้สารเคมีไปชำระอาจทำให้เกิดเสียสมดุลแทนที่จะเป็นผลดีกลับทำให้เชื้อราเข้าไปในช่องคลอดส่งผลให้เกิดอาการคันหรือเกิดกลิ่นตามมาได้
ผิดสาม
->โกนขนซะโล้นเกลี้ยงจะได้ไม่รุงรัง
ขนบริเวณอวัยวะเพศนั้นธรรมชาติสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะกักเก็บกลิ่นที่ไม่ต้องการให้ใครได้ดมให้ระเหยออกไปภายนอก โดยปกติแล้วในระหว่างรอบเดือนของผู้หญิงนั้นจะสังเกตว่าช่วงเวลาที่ใกล้มีรอบเดือนจะมีตกขาวมากขึ้นและทำให้เกิดกลิ่นอับ หรือกลิ่นเปรี้ยว กลิ่นดังกล่าวนั้นถ้าระเหยออกไปภายนอกโชยแตะจมูกใครก็ตามที่อยู่ใกล้เราคงจะไม่ดีเป็นแน่ ดังนั้นขนบริเวณน้องจุ๋มจิ๋มจึงช่วยทำหน้าที่กักเก็บกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ไว้ภายในช่องคลอดนั่นเอง
และที่สำคัญ การโกนขนอวัยวะเพศจะทำให้เกิดการคันและระคายเคืองได้ เพราะขนที่ขึ้นมาใหม่จะแข็งเวลาทิ่มแทงเนื้ออ่อนๆ ก็จะทำให้เกิดการอักเสบ เมื่อคันเราก็ต้องเกา เกาไปเกามาเนื้อบริเวณนั้นดำอีก ดูไม่งดงามยิ่งนัก
กล่าวกันว่า ขนของน้องจุ๋มจิ๋มจัดเป็นสิ่งที่เร้าอารมณ์ของคนรักได้อย่างมาก รวมทั้งการที่เขาได้สัมผัสกับขนที่นุ่มนิ่มนั้นย่อมทำให้อารมณ์เขาพุ่งปรี๊ด ไว้ขนเถอะค่ะ เพียงแค่ใช้กรรไกรเล็ม จัดทรงให้พองามไม่แล่บข้างก็น่าจะเพียงพอ
ไม่เชื่อ ลองดูอย่างความคิดเห็นของผู้ชายท่านนี้จากเว็บพันทิปซิ แล้วคุณจะไม่อยากโกนกันเลยทีเดียวเชียว
“ในฐานะที่เป็นสามีคนหนึ่งผมชอบให้มีขน ตรงนั้นนะครับถ้าหมั่นเล็มให้มีความยาวกำลังพอดี ไม่รกรุงรังก็น่าจะพอแล้วธรรมชาติสร้างมาเอาไว้ให้มันคอยดักฝุ่นผง และสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่ให้เข้าไปในนั้นได้โดยง่ายอีกทั้งยังคอยรองรับแรงกระแทกเวลาทำอย่างว่ากัน
ในเรื่องของความ sexy ผมว่าถ้าตรงนั้นโล้นๆ กับมีขนแต่พองาม ผมว่า อย่างหลังดู sexy กว่าครับ” จากคุณ : yacht98
ผิดสุดท้าย
->ปะแป้งน้องจิ๋มไล่ความอับชื้น
คำว่าแป้ง ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Talc คือแร่ธาตุชนิดหนึ่งซึ่งเป็นหินที่มีอยู่ในธรรมชาติ ที่มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า soapstone หรือ steatite ส่วนประกอบทางเคมีก็คือ hydrate magnesium silicate แต่มันอาจมีสารอื่น เช่น คลอไรต์ (chlorite) ร่วมด้วย
ผลวิจัยพบว่า แป้งเป็นอันตรายต่อสุขภาพรังไข่ เพราะการใช้แป้งทาก้นและอวัยวะเพศใช้กันจนแพร่หลาย ในช่วงต้นของยุคปี ค.ศ. 1970 จากนั้นจึงเกิดความสงสัยว่าแป้งทำให้เกิดมะเร็งที่รังไข่ได้หรือไม่ ผลวิจัยพบว่า คนที่เป็นมะเร็งรังไข่ 43% ใช้แป้งอย่างมากมายกับอวัยวะเพศ กุมารแพทย์และสูตินรีแพทย์จึงแนะนำว่า ไม่ควรใช้แป้งหรือโลชั่นกับอวัยวะสืบพันธุ์
และไม่แนะนำให้โรยหรือทาบริเวณอวัยวะเพศของผู้หญิง เพราะอาจเป็นที่เก็บความชื้นจนเกิดการหมักหมมของเหงื่อไคล ฝุ่นละออง และเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ ทำให้เกิดกลิ่นมีการอักเสบและติดเชื้อได้
มีรายงานยืนยันอีกว่า แป้งฝุ่นที่สามารถเข้าไปในช่องคลอด ผ่านมดลูก ปีกมดลูก เข้าไปในช่องท้อง ทำให้เกิดอุบัติการณ์ของมะเร็งรังไข่สูงขึ้น จึงอยากขอเตือนคุณสุภาพสตรีทั้งหลาย เพราะสูตินรีแพทย์มักพบว่า มีคนไข้เป็นจำนวนมากที่มาตรวจนิยมโรยแป้งที่อวัยวะเพศเพื่อลดและป้องกันความเปียกชื้นรำคาญ โดยเฉพาะรายที่มีอาการแฉะและคันบริเวณช่องคลอดบ่อยๆ การทำความสะอาดด้วยน้ำแล้วเช็ดซับให้แห้งก็น่าจะพอ
แม้กระทั่งการโรยแป้งหลังอาบน้ำ ถ้าเป็นแป้งเก่าเก็บหรือเก็บไว้ในที่อับชื้น แป้งเหล่านั้นก็อาจจะมีเชื้อราอาศัยอยู่ เมื่อนำมาโรยหนูจุ๋มจิ๋มก็เท่ากับโรยเชื้อราลงไปทำให้เกิดการคันขึ้นมาอีก
รีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันเถอะเพื่อสุขภาพทีดีของน้องจิ๋มที่รัก
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net