Celeb Online

การคุมกำเนิดแบบพิสดารในประวัติศาสตร์ (จบ)/Dr.DEN Sexociety

คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN

6. มูลจระเข้

กาลครั้งหนึ่ง มูลสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมูลจระเข้ ถูกเชื่อว่ามีพลังอำนาจพิเศษ ความเชื่อนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้หญิงอียิปต์และอินเดียโบราณ ส่วนหนึ่งในนิยายปรัมปราของมันก็คือ การกล่าวอ้างที่ว่า มูลจระเข้สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ และผู้หญิงผสมมันกับน้ำผึ้ง (และอาจมี โซเดียมคาร์บอเนตนิดหน่อย) แล้วสอดลูกกลอนนั้นเข้าไปในช่องคลอดเป็นยาเหน็บ

มันอาจไม่ใช่ความเชื่อที่เหลวไหลซะทีเดียว และก็ไม่ใช่กลิ่นของมันที่ป้องกันการตั้งครรภ์โดยการทำให้ผู้ชายหมดอารมณ์พิศวาสหรอก เพราะมีการพบว่ามูลจระเข้มีความเป็นกรดสูงและความเป็นด่างของมันอาจมีคุณสมบัติเป็นสารฆ่าอสุจิ ตัวมูลเองก็อาจสกัดกั้นอสุจิบางตัวมิให้ว่ายไปถึงจุดหมายปลายทางของพวกมันได้ด้วย

ขอบคุณพระเจ้าที่ความเชื่อนี้กลายเป็นความเหลวไหลไปแล้ว

7. อัณฑะวีเซล

นี่คือ การคุมกำเนิดอีกวิธีหนึ่งที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในยุคกลาง (ประมาณ ค.ศ. 1200-1500) มีความเชื่อที่ว่า ผู้หญิงสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้โดยการผูกเครื่องรางชนิดหนึ่งไว้ที่ต้นขา

เครื่องรางวิเศษนี้ทำจากลูกอัณฑะทั้งสองของวีเซล (สัตว์ป่าตัวเท่าแมวแต่หน้าเหมือนหนู) และ/หรือ กระดูกซี่โครงของแมวดำปลอด (ข้อนี้สำคัญ ต้องเป็นแมวดำทั้งตัวเท่านั้น) และขี้หูของล่อ (ลูกของลาตัวผู้กับม้าตัวเมีย)

ตามตำราไสยศาสตร์ผู้หญิงสามารถหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ได้โดยการห้อยอัณฑะวีเซลไว้ที่คอ ถ้าเธอไม่มีขี้หูล่อ หรือแมวดำ

วีเซลทั่วโลกน่าจะขอบคุณมนุษย์ที่ วิธีคุมกำเนิดแบบนี้ไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไปแล้ว

8. โคคา-โคล่า

การฉีดล้างช่องคลอด เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงกรีกและโรมันโบราณ และยังเป็นวิธีที่ปฏิบัติกันอยู่ในสังคมสมัยใหม่ด้วยซ้ำ (แม้ว่าจะผสมคาร์บอนเนตมากขึ้นก็ตาม) ในตอนที่เข้าสู่ยุคแห่งการฉีดล้างช่องคลอดด้วยโคคา-โคล่า ซึ่งนิยมทำกันระหว่างทศวรรษที่ 1950 ถึง 1960 โดยวิธี “เขย่าแล้วฉีด”

โคคา-โคล่าที่บรรจุขวดแก้วแบบนักแข่งรถชอบทำกับขวดแชมเปญหลังรับรางวัลชนะเลิศนั่นแหละ

ในปี 2008 มันถูกค้นพบอย่างน่าประหลาดใจว่าโคคา-โคล่า ฆ่าอสุจิได้จริงๆ แต่สูตร DIET COKE ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะโค้กที่ทำด้วยน้ำตาลจะฆ่าอสุจิได้ดีพอในหลอดทดลอง

แต่ในช่องคลอดมันไม่สามารถฆ่าอสุจิได้เร็วพอ จึงปล่อยให้อสุจิจำนวนหนึ่งว่ายต่อไปได้ กลายเป็นทางเลือกที่ไม่ดีพอสำหรับการคุมกำเนิด (และนั่นยังไม่รวมถึงปัญหาทางสุขภาพอันเกิดจากการเอาปากขวดเครื่องดื่มแหย่เข้าไปในช่องคลอดของคุณ)

9. ยาเหน็บอะเคเซียกับน้ำผึ้ง

ชาวอียิปต์โบราณอาจเป็นประชากรโลกพวกแรกที่ใช้วิธีคุมกำเนิดแบบสิ่งกีดขวาง มีหลักฐานที่เขียนไว้ในกระดาษปาปิรัส เมื่อ 1550 ปี ก่อน ค.ศ. เรื่องผู้หญิงใช้ยาเหน็บช่องคลอดที่ทำจากใบอะเคเซีย (พืชจำพวกต้นยางอาหรับ) ผลอินทผลัมและน้ำผึ้งเพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์

เส้นใยอย่างขนสัตว์หรือฝ้ายเคยถูกคลุกเคล้าด้วยส่วนผสมของใบอะเคเซีย อินทผลัมและน้ำผึ้งแล้วสอดเข้าไปในช่องคลอดคล้ายๆ ผ้าอนามัยแบบสอด (TAMPON) ยาเหน็บแบบนี้ฟังดูบ้าดี เมื่อมันถูกสอดเข้าที่มันก็จะทำหน้าที่เหมือนหมวกปากมดลูกของสมัยใหม่อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ

เส้นใยจะสกัดกั้นอสุจิมิให้เข้าสู่ปากมดลูก และน้ำผึ้งจะยึดยาคุมกำเนิดชนิดนี้ให้อยู่กับที่ แต่ใบอะเคเซียของมันนี่เองที่เป็นตัวยาคุมกำเนิดอันมีประสิทธิภาพ จากการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าอะเคเซียเมื่อถูกหมัก จะมีกรดแลคติก ซึ่ง เมื่อสัมผัสกับอสุจิจะทำให้มันหยุดการเคลื่อนไหว ไม่สามารถว่ายไปหาไข่ได้ ทำให้ยาคุมกำเนิดชนิดนี้เป็น ยาฆ่าอสุจิตำรับแรก

แต่ปัจจุบันเลิกใช้ไปแล้ว ผลอิทผลัมกับน้ำผึ้งจึงถูกกินอย่างหอมหวานเพียงอย่างเดียว

10. ไลซอล

คุณอาจใช้ไลซอล (LYSOL) สำหรับทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในห้องน้ำหรือบนพื้นห้อง แต่กาลครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ มันถูกใช้เป็นยาคุมกำเนิดเช่นกัน

ไลซอลโฆษณาน้ำยาฆ่าเชื้อของมันว่าเป็นผลิตภัณฑ์อนามัยสำหรับผู้หญิงในต้นศตวรรษ ที่ 20 และระหว่างทศวรรษที่ 1930 กับ 1960 เมื่อยาคุมกำเนิดแบบกินทางปากปรากฏตัวครั้งแรกในตลาด และการฉีดล้างช่องคลอดด้วยไลซอล เป็นทางเลือกยอดนิยมในการคุมกำเนิดของผู้หญิง

จนกระทั่งในทศวรรษที่ 1950 ไลซอลบรรจุส่วนผสมที่เรียกว่าเครซอล (CRESOL) ซึ่งเป็นที่รู้กันว่ามีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังไหม้ พุพอง แสบร้อนและมีพิษถึงตายได้ ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับสูตรนุ่มนวลที่โฆษณาโดยผู้ผลิต หลังปี 1953 พวกเขาก็เปลี่ยนสูตร แต่มันก็ยังมีอันตรายเมื่อใช้กับร่างกายมนุษย์ทั้งภายในและภายนอก และนอกจากผลกระทบอันเป็นพิษของมันแล้ว ไลซอลก็ไม่ใช่ยาคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพแต่อย่างใด

ทั้งหมดนี้จึงเป็นอุทาหรณ์สอนใจคุณผู้หญิงในยุคปัจจุบันว่า ก่อนที่จะเอาอะไรใส่เข้าไปในน้องหนู โปรดพิเคราะห์ดูให้รอบคอบว่าสมควรปล่อยให้มันเข้าไปหรือไม่
 

>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net