By Lady Manager
เป็นผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง และอารมณ์ศิลป์ ทั้งบทบาทการเป็นนักแสดง นักร้อง นักเขียน และล่าสุดกับบทบาท “ทหาร” สังกัดกองดุริยางค์ทหารบก
“มัดหมี่เรียนที่โรงเรียนจิตรลดา มา 15 ปี เราผูกพันกับสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นมาโดยสายเลือดชีวิตทหารเป็นชีวิตที่ยั่งยืน มีเกียรติ และเป็นอาชีพที่มีสวัสดิการ และอยู่ได้ตลอดถึงอายุ 60 ปี ” มัดหมี่ – ว่าที่ รต.หญิง พิมดาว พานิชสมัย กล่าวถึงสาเหตุของการเข้ารับราชการทหาร
สานฝันพ่อ! สู่กองดุริยางค์ทหารบก
มัดหมี่ เล่าว่า จากที่ปฏิเสธฝันของคุณพ่อในการเป็นทหารมาโดยตลอด บวกกับความเกรงใจ และยังไม่เต็มใจในการเป็นทหารมากนักในช่วงแรก แต่เมื่อมัดหมี่ก้าวเข้าไปในรั้วทหารแล้ว กลับรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจในการเป็นทหารอย่างยิ่ง
“คุณพ่อ (พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย) ท่านเกษียณมา 7 ปีแล้ว จริงๆ คุณพ่ออยากมีลูกผู้ชายเพื่อจะมาสืบสานต่อในด้านทหาร และมัดหมี่เป็นพี่คนโต คุณพ่อเคยเกริ่นมานานแล้ว แต่มัดหมี่ก็บอกคุณพ่อตลอดว่า มันไม่ใช่เลยนะพ่อ มันไม่ใช่จริงๆ
มัดหมี่จบปริญญาตรี เอกดุริยางค์ศิลป์ตะวันตก คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่หลังเรียนจบมาอีกปี ด้วยความที่เราจบศิลปกรรม จุฬาฯ ด้าน Voice พ่อก็บอกว่า พ่อเพิ่งทราบมาว่า ตำแหน่งที่กองดุริยางค์ ทหารบก เขามีตำแหน่งครูพิเศษ และทางกองทัพ ก็อยากให้เราไปช่วยด้วย
ความรู้สึกของเราคือ กองดุริยางค์ทหารบก ก็ทางเรา และ ทหารคือรั้วของชาติ ทำให้เรานึกถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเราเป็นคนที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และด้วยความเกรงใจพ่อ เลยคิดว่า ทำก็ได้ แต่ยังไม่ได้เต็มใจมากนัก
แต่พอเราอยู่คนเดียวจึงมาคิดได้ว่า พ่อให้เรามาทั้งชีวิตแล้วนะ เวลาเราอยากทำอะไรพ่อไม่เคยปฏิเสธ เขาเห็นว่าสิ่งที่เราทำคือความสุข ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เขาสนับสนุนตลอดในทุกๆเรื่อง และทำไมเรื่องเพียงแค่นี้ อาจจะนิดเดียวสำหรับเรา แต่มันอาจจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในใจสำหรับพ่อ เราจึงคิดว่า ทำให้ก็ได้ ” มัดหมี่ กล่าวถึงช่วงแรกในความคิดการเข้ารับราชการทหาร เพียงแค่ตามใจพ่อ เพราะความเกรงใจ และห่วงความรู้สึกพ่อ แต่เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ชีวิตจริงแห่งกองดุริยางค์ทหารบกกลับพบว่า
ทึ่ง! พลังมาเต็ม พบวิญญาณศิลปินอยู่ในทีมกองดุริยางค์ทุกคน
“แต่เมื่อได้ก้าวเข้าไปในกองดุริยางค์ทหารบก พลังมันมาจนล้นไปหมดเลย รู้สึกได้เลยว่า มันเป็นทางมัดหมี่จริงๆ แค่ก้าวเข้าไปเจอวงคอรัส วงดุริยางค์ทหารบก เห็นความตั้งใจของเขา เห็นความเป็นศิลปกรรม เหมือนตัวเองกลับเข้าไปอยู่ปี 4 ใหม่” มัดหมี่ เล่าย้อนถึงความรู้สึกครั้งแรกในการก้าวเข้าไปสู่กองดุริยางค์อย่างภาคภูมิใจ
“ทุกคนที่กองดุริยางค์มีความรักในเสียงเพลง มีความสามารถเยอะมาก ล้นเหมือนกัน ไม่ต่างกับมัดหมี่เลย ทุกคนมีวิญญาณศิลปินอยู่ในตัว แต่ว่า แต่ละคนจะมีตำแหน่งหน้าที่แตกต่างกัน พอเราเข้าไปเรารู้สึกว่า มันใช่เราอีกแล้ว รู้สึกว่า โลกเรามีอะไรให้เราทำเยอะมากเลย อยู่เพียงแค่ว่า เราจะเลือกและชอบด้านไหน
สิ่งที่มัดหมี่ทำก็ไม่ได้หายไปจากศิลปะเลยแม้แต่นิดเดียว มัดหมี่เลยมองว่า ศิลปะสร้างมัดหมี่ มาเติมสีสันให้ชีวิตเรา ให้ชีวิตมันฟู และมีพลังงาน มีความสุขในทุกๆวัน บางวันท้อ เรามานั่งอ่านหนังสือที่เราแต่งเอง หรือมานั่งฟังเพลง
อย่างตอนนี้ทางกองดุริยางค์ทหารบก ก็มีภารกิจ”คืนความสุขให้คนในชาติ” เดินสายทั่วประเทศเพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มให้คนในชาติ ตามนโยบาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในรูปแบบการแสดงดนตรี เป็นเพลงคืนรอยยิ้มให้คนไทยทั้งชาติ มัดหมี่เป็นผู้ร้อง มีความสุขมากเลยค่ะ เป็นผลงานที่เราทำมาจากใจเรา พอท้อปุ้บเรามาฟังเพลงก็มีความสุข นี่ก็เพิ่งกลับมาจากการเดินสายไปร้องเพลงคืนรอยยิ้มให้คนไทยทั้งชาติ ที่ขอนแก่นค่ะ”
->คลิปเพลงคืนรอยยิ้มให้คนไทย ว่าที่ร.ต.พิมดาว พานิชสมัย
เคลียร์งาน ปีหน้ารับราชการทหารเต็มตัว งานอื่นฟรีแลนซ์
มัดหมี่เล่าว่า เธอกำลังรีบสะสางงานที่ค้างอยู่ในปีนี้ เพื่อเตรียมบรรจุสู่อาชีพทหารอย่างเต็มตัวในปีหน้า
“ตอนนี้เป็นว่าที่ร้อยตรีอยู่ค่ะ ยังติดหูกระทะอยู่เลย ยังไม่ได้ติดดาว ถ้าเราฝึกทุกอย่างแล้ว จึงจะติดดาวได้เป็นร้อยตรีจริงๆ ปลายปีที่แล้วมัดหมี่เริ่มเข้ามาทำงานทหาร อย่างเวลามีทูตทหารมาจากต่างประเทศ มัดหมี่ก็จะมาช่วยรับแขก ร้องเพลง สร้างสีสัน แต่พอมาปีนี้ ต้องบรรจุเข้ากองดุริยางค์ทหารแล้ว ฉะนั้นบรรจุคือ ต้องไปเป็นครูพิเศษเต็มตัว
แต่ด้วยความที่เวลายังไม่ได้ มัดหมี่ถ่ายละครเรื่อง“หงส์”อยู่ และถ่ายละครซิทคอม “ลูกพี่ลูกน้อง” บวกกับทำหนังสือ คือเรามีอะไรที่อยากทำเยอะไปหมด จึงรู้สึกว่า เราขออนุญาตทำจดหมาย เป็นหนังสือเลย เพื่อที่จะส่งไปทางกองรักษาดินแดน ที่ต้องไปฝึก เพราะไปฝึกมาแล้ว 2 วัน รู้สึกเลยว่า มัดหมี่ทำไม่ได้ทั้งหมด ที่ไปฝึกมา 2 วัน แบบ รด. เรียกว่าสุดๆ เลย ตากแดดตากลม ฝึกถือปืน ซึ่งมัดหมี่เป็นคนที่กลัวเสียงปืน กลัวเสียงดัง การที่เราทำอย่างนี้ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ทำให้เราอดทนมากขึ้น
ที่ต้องทำหนังสือขออนุญาต เพราะยังมีงานอื่นค้างอยู่ คือไม่อยากเห็นแก่ตัว เพราะเพื่อนๆเขาทำหนักฝึกหนักกันหมดเลย มัดหมี่จะมาบ้างไม่มาบ้าง มันไม่ใช่เรา
มัดหมี่ทำอะไรก็ตามต้องเต็มที่ ทำทั้งหมดจริงๆ จึงต้องบอกว่า เวลามันไม่ได้ ขออนุญาตทำเรื่อง แต่ยังมีรุ่นอยู่นะ รุ่นที่มัดหมี่อยู่คือรุ่น นนท.กห 98 ในรุ่นมี 61 คน ผู้หญิงหมดเลย มีผู้ชายคนเดียว ปีหน้าจึงตั้งใจไว้ว่า มีนาคม เมษายน พฤษภาคม จะไม่รับงานอะไรเลย มัดหมี่พร้อมจะไปตัวดำ เพราะมีฝึกอาวุธปืน ทั้งทฤษฎี และปฏิบัติ ฝึกทุกอย่างเลย ค่อนข้างเยอะ แต่ตอนนี้ฝึกได้แค่ประมาณ 3 ครั้ง เราต้องขออนุญาต เพราะเรารู้ว่าถ้าทำต่อไป เราจะทำทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายมาไม่ดีสักอย่าง” มัดหมี่กล่าว
“อย่างละครของพี่อ๊อฟ เรื่อง “หงส์” เดือนนี้จะปิดกล้องแล้ว งานจะลดลงไป ส่วนซิทคอม มัดหมี่ถ่ายถึงแค่ปลายปีแล้วค่ะ เพราะเราจะมารับราชการเต็มตัว ในส่วนของงานอื่นจะเป็นฟรีแลนซ์ (Freelance) เป็นนักดนตรีอิสระ
มัดหมี่คุยกับกองดุริยางค์ทหารบกแล้ว ให้เขาดูคิวงานเลยว่า มัดหมี่ทำอะไรบ้างในแต่ละวัน เพราะมัดหมี่จะมีคิวของตัวเองในแต่ละเดือน แต่ว่างเมื่อไหร่เข้าไปทันที เราโชคดีแล้วที่ได้มาทำที่นี่ มีอะไรช่วยได้ช่วย ในกองดุริยางค์ทหารบกจะมีมัดหมี่ กับน้องปิ๊ก เอเอฟ อีกคนที่เป็นนักแสดง ศิลปิน เราจะเป็นหน้าตาให้กับกองดุริยางค์ทหารบก จึงอยากให้ทำหน้าที่ให้เต็มที่งานที่เราทำไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก
แต่ถ้าเราเหนื่อยเราจะคิดว่า ความเหนื่อยเป็นโบนัสไม่ใช่ภาระเพราะเรามีความสุข การงานที่เราทำจะเป็นแรงบันดาลใจให้เรา มันเลยรู้สึกว่า เรามีพลังเหลือล้นที่อยากจะทำอะไร
อีกอย่าง ชีวิตคนเรามันสั้น ฉะนั้นมัดหมี่มองว่า ทำอะไรให้เรามีความสุขด้วยแรงบันดาลใจจากคนรอบข้าง และจากสิ่งที่เป็นดีกว่าค่ะ” มัดหมี่ ปิดท้ายด้วยคำคมๆ ตามสไตล์ “มัดใจ”
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net