Celeb Online

คุณแม่หลุดโลกฮึดสู้โรค “ไอด้า-ไอรดา” พูดเลย! ชีวิตดีขึ้น เข้าที่เข้าทาง เพราะลูก (ชมคลิป)

By Lady Manger

“เรากังวลว่า ลูกจะออกมาแข็งแรงหรือเปล่า อวัยวะจะครบ 32 ไหม แต่เรากับแอมมี่(สามี)ก็คุยกัน ว่าลองดูสักตั้ง เราเชื่อว่า เขามาแล้วจะต้องดี แสดงว่าเขาต้องพร้อมที่จะมาเกิด”

ไอด้า – ไอรดา ศิริวุฒิ นักแสดงและนางแบบวัยรุ่นสาวติสต์สุดแนว คู่รักคาแรกเตอร์ชัด ภรรยาสาวของ แอมมี่ -ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ นักร้องนำวง The Bottom Blues กล่าวถึงการต่อสู้กับโรค สัญชาตญาณความเป็นแม่มาเต็ม เมื่อรู้ว่าตั้งท้องลูกสาว “น้องลัลลาเบล” 

ไทรอยด์เป็นพิษช่วงตั้งครรภ์ ใจไม่ดี หวั่นลูกไม่ครบ 32 


กินจุแต่ร่างกายซูบผอม เพื่อนจึงแนะนำให้ไปตรวจหาโรค แต่รู้ 2 เด้ง ว่า ท้อง และไทรอยด์เป็นพิษ!

“ตอนที่ไปตรวจไม่ได้ตั้งใจจะไปตรวจครรภ์ แต่ตั้งจะไปตรวจโรค เพราะเราผอมมาตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้วนะ แต่ช่วงนั้นเพื่อนทักว่า ถ้าจะกินเยอะขนาดนี้แล้วยังผอมขนาดนี้ลองไปตรวจโรคไทรอยด์เถอะ 

จริงๆ เป็นตั้งแต่กำเนิดเพราะที่บ้านก็เป็นกันหลายคน แต่เราก็ไม่ได้เอะใจว่าเราจะเป็น จนเพื่อนทักว่า กินเยอะมากขนาดนี้ตัวเล็ก ไม่อ้วนอะไรเลย

พอตรวจเสร็จก็ตรวจเลือด คุณหมอก็มาบอกว่า เป็นไทรอยด์เป็นพิษซึ่งมันจะส่งผลต่อเด็กในครรภ์ด้วย นั่นจึงทำให้เราได้รู้ 2 เด้งเลย ว่าเป็นทั้งเป็นไทรอยด์ และท้อง! ได้ประมาณ 1 เดือน 

ทว่า คนเป็นโรคไทรอยด์หมอไม่แนะนำให้มีบุตรอยู่แล้ว เพราะไทรอยด์จะเกิดจากต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ คือ จะสร้างฮอร์โมนที่ชื่อว่า ไทรอกซิน (Thyroxine) โดยฮอร์โมนตัวนี้ต้องสร้างในระดับที่สมดุล แต่อย่างกรณีเรา มีมากเกินไป แล้วเป็นพิษด้วย

ความหมายคือ ถ้ากินอะไรเข้าไป ตัวนี้จะไปเผาผลาญสิ่งที่เรากิน แล้วไม่ดูดซึมเข้าร่างกาย คือ เผาผลาญทิ้งไป จึงกินแล้วไม่อ้วน เพราะไม่ได้รับสารอาหาร  แม่ไม่ได้รับสารอาหาร แน่นอนสารอาหารก็ไม่ถึงลูกเช่นกัน คุณหมอจึงไม่แนะนำให้มีลูก แล้วเราตั้งครรภ์ตอนช่วงที่โรคกำเริบ แสดงอาการพอดี อาจจะเป็นเพราะช่วงนั้นทำงานเต็มตัว ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ร่างกายก็อ่อนแอ โรคก็แสดงอาการชัด 

ก็คุยกับคุณหมอว่า จะทำตามทุกอย่างตามที่บอกเลย คุณหมอก็บอกว่า ต้องทำข้อตกลงกันนะ ว่าสมมติถ้าไม่ไหวแล้ว มันจะอันตรายทั้งแม่ทั้งลูก หากหมอบอกว่า ต้องยุติการตั้งครรภ์ ก็ต้องยุตินะ สิทธิ์การตัดสินใจอยู่ที่หมอ เราก็โอเค” 

ฮึดสู้โรค! กินแหลกเร่งทำน้ำหนัก อยากให้ลูกตัวโต แข็งแรง


“ตอนท้องไม่แพ้เลย แต่แอมมี่แพ้ท้องแทน ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ตัวนะ ปกติผู้ชายเขาไม่ทานพวกของดอง มะขาม พอหนูท้อง ที่บ้านก็ซื้อมาให้ คิดว่าจะต้องเปรี้ยวปากแน่ๆ สรุปเราไม่ได้กินเลย แอมมี่กินหมดเกลี้ยงแถมมีอาการคลื่นไส้ด้วย แต่เราไม่เป็นอะไรเลยนะ กินได้ทุกอย่าง

ตอนท้องได้ 6 เดือน ยังทำงานถ่ายแบบอยู่เลย เพราะอย่างตอนแต่งงาน ก็ท้องได้ 5 เดือนแล้ว บางคนยังดูไม่รู้เลยว่าท้อง เพราะทุกส่วนเท่าเดิม น้ำหนักขึ้นนิดเดียว 3-4 กิโลกรัม เราก็ใจไม่ดี ว่าลูกจะตัวเล็ก จะครบ 32 ไหม จะมีอาการออทิสติกหรือเปล่า เราก็กลัว แต่เราก็อัลตราซาวน์ดูก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ แค่กลัวว่าเด็กจะไม่โต 

จึงมาพยายามมาฮึดเอา 3 เดือนสุดท้าย น้ำหนักขึ้นมา 15 กิโลฯ เพราะกินแหลก เราฮึดเองอยากให้ลูกแข็งแรง จากคนเลือกกิน และไม่ค่อยกินอะไรมีประโยชน์ เราก็ฮึดกินทุกอย่างที่มีประโยชน์

งานก็ไม่รับเลย พยายามพักผ่อนให้เพียงพอ ทำทุกอย่างที่คุณหมอบอก เราไม่อัลตราซาวน์ดูเพศลูกนะ อยากลุ้นมากกว่า แต่คนส่วนใหญ่ก็บอกว่า ดูจากลักษณะท้องแล้ว เป็นผู้หญิง และช่วงนั้นหน้าใสด้วย ซึ่งก็เป็นผู้หญิงจริงๆ

ตอนทำคลอดกังวลมาก กลัวจะตัวเล็ก แต่ปรากฏว่า ลูกคลอดออกมาน้ำหนักเยอะมาก 3,160 กรัม แต่จะมีปัญหาตอนบล็อกหลังผ่าคลอดนิดหนึ่ง น้ำไขกระดูกสันหลังรั่ว จึงต้องผ่าคลอดเพราะเราตัวเล็กมาก และช่วงเชิงกรานเราเล็ก ก็ไม่รู้ว่าลูกจะหัวใหญ่ หรือตัวใหญ่ขนาดไหน ถ้าออกไม่ได้จะอันตรายทั้งแม่ลูก 

ปกติแผลผ่าตัดคนอื่นก็จะคืบเล็กๆ แต่ของเรากว้างมากแทบจะพาดไปสุดตัวเลย เพราะหัวลูกใหญ่ แล้วตัวแม่เล็ก” ไอด้า กล่าว

แผลผ่าตัดแทบปริ ลุกให้นมลูกทุก 2 ชั่วโมง ซึมเศร้าหลังคลอด

เจ็บแผลแต่ต้องทน ลุกให้นมลูกเองทุก 2 ชั่วโมง ไม่เคยได้หลับสนิทเต็มอิ่ม

“ที่โรงพยาบาลเขาจะไม่อนุญาตให้เอาลูกออกมาจากห้อง แล้วแม่จะต้องลุกไปให้เอง เหมือนเป็นการกระตุ้นทำให้แผลแม่หายเร็วด้วย ซึ่งเราเจ็บมาก แต่ต้องลุก ไม่อย่างนั้น ลูกจะไม่มีนมกิน เหมือนเป็นการบังคับไปในตัว จึงต้องลุกไปให้นมลูกเองทุกๆ 2 ชั่วโมง เข้าใจหัวอกแม่เลย 

คุณหมอบอกว่า คุณแม่รุ่นใหม่ให้นมค่อนข้างไม่นาน ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะให้นมถึง 1 – 2 ขวบ แต่คุณแม่ยุคใหม่ต้องทำงาน ลางานได้แค่ 3 เดือน อย่างเราให้นมลูกประมาณ 6 เดือน แล้วเป็นไทรอยด์ด้วย ก็ถือว่าโอเคแล้ว แต่เราก็พยายามดึงให้ได้มากที่สุด น้ำนมก็เริ่มน้อยลงแล้ว พอเขากินไม่อิ่ม เขาก็จะไม่ดูดเอง 

เราก็รู้แล้วล่ะ ว่า 3 เดือนหลังคลอดจะหนักหนาสาหัส แต่ก็ไม่นึกว่าจะต้องให้นมลูก 24 ชั่วโมงขนาดนี้  คิดดูว่า เราผ่าตัดด้วย ยังลุกไม่ได้ ร่างกายอ่อนแอ แล้วลูกต้องกินนมทุก 2 ชั่วโมง เท่ากับเราจะไม่ได้หลับยาวๆ เลย ลูกต้องกินนมจากนมแม่ พอเขากินนมเสร็จ เขาหลับ ก็ใช่ว่าเราจะได้หลับ เพราะเขาหลับเราจะต้องรีบอาบน้ำ ทำอะไรของเรา เพราะเราทำอะไรได้ช้ามาก

พอเรากำลังจะหลับ ลูกตื่นแล้ว ให้นมอีก ข้างละประมาณ 15 นาที สลับไปมา บางครั้งให้นมจนหลับไม่รู้ตัวเลยนะ แบบว่า ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว จะทำลูกตกบ่อยมากเพราะเผลอหลับแต่สะดุ้งตื่นทันตลอด” 

นอกจากนี้ ไอด้า ยังบอกว่าด้วย หลังคลอดมีอาการซึมเศร้า น้อยเนื้อต่ำใจอีกด้วย

“ช่วงคลอดแรกๆ ยอมรับว่าหนักเหมือนกัน เพราะแม่หลังคลอดจะมีอาการซึมเศร้า เขาบอกว่าเป็นกันทุกคนนะ แต่อยู่ที่ว่าใครจะเป็นมากกว่าใคร มันคือการขึ้นลงของฮอร์โมนเพศ มีซึมเศร้าหลังคลอด

ซึ่งโดยปกติเป็นคนที่เวลามีปัญหาเราจะไม่เคยเครียดเลย แต่ช่วงนั้นซึมเศร้ามาก น้อยเนื้อต่ำใจ มันเป็นเอง ขนาดนี้แอมมี่ก็อยู่ด้วยตลอด แต่เรากลับรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร 

เคยปรึกษาคุณหมอ บอกว่า พอช่วงที่เรายังท้องอยู่ ทุกคนจะประคบประหงมเรามาก เราจะรู้สึกพิเศษ แต่พอหลังคลอดแล้ว คนจะไปโฟกัสที่ตัวลูกเหมือนกับแม่ก็เจ็บแผลด้วย ยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่เต็มที่ จึงรู้สึกว่าตัวเองไม่มีใครสนใจ อารมณ์ก็จะขึ้นๆลงๆ  อาการจะยิ่งกว่าผู้หญิงมีประจำเดือนอีกนะ หวั่นไหวมาก อย่าได้พูดอะไรกระแทกใจ สะกิดไมได้เลย เพราะน้ำตาจะไหล ซีนอารมณ์มา ร้องทันที  แต่โชคดีเราเป็นแป้บเดียว อย่างเพื่อนไอด้าเป็นนานกว่า 6 เดือนอีกนะ รู้สึกว่าสามีไม่รัก ตัวเองไม่มีค่า”
 
มีลูกชีวิตเปลี่ยน! เลิกดื่ม-เที่ยว อยากเก็บเงิน สัญชาตญาณความเป็นแม่มา 


ไอด้า บอกด้วยว่า การมีลัลลาเบลทำให้ชีวิตดีขึ้นมาก เข้าที่เข้าทาง อยากเก็บเงินเลี้ยงลูกให้ได้เยอะๆ

“การมีลูกทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมากๆจริงๆ เหมือนจากที่เราเคยเที่ยวเล่น ทำงานได้เงินมา ก็ใช้ไป ไม่เก็บ ไม่คิดอะไร มีแค่ตัวเอง พ่อแม่เราก็ซัพพอร์ท (Support) จะเก็บเงินไปทำไม ช้อปปิ้งเพื่อตัวเองทุกอย่าง

จนพอมีลูก แค่รู้ว่ามีปุ้บก็เริ่มเก็บเงิน มันดูเข้าที่เข้าทางมากขึ้น จากที่เราเคยเที่ยว ติดเพื่อน ไปไหนไปกัน ลุย ก็กลายเป็นเลิกเที่ยว ไม่ชอบไปนั่งในผับ รำคาญ เสียงดัง กลายเป็นไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า สัญชาตญาณความเป็นแม่มันก็เริ่มมาเอง ไม่รู้จะไปตะแบงเสียงคุยกันทำไมในผับ

อย่างไรก็ตาม ก็ยังชอบช้อปปิ้งเหมือนเดิม แต่ก็ตั้งลิมิตให้ตัวเอง คิดเผื่ออีกหลายปียันลูกโต เขาบอกว่าถ้ามีลูกจะจนไปอีก 27 ปี เราก็คิดเผื่อไว้แล้ว อย่างตัวคนเดียวอยากจะมีเงินเก็บสักล้านหนึ่งก็ได้ แต่พอมีลูกก็อยากจะมีสักสิบล้าน 

รู้สึกเลยว่า ชีวิตเราเข้าที่เข้าทางเพราะเขานะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เจอเพื่อน ไม่มีสังคม แต่ถ้าเป็นการชวนไปกินข้าวบ้านเพื่อนก็โอเค ไป พาลูกไปด้วย โชคดีเป็นหลานคนเแรกในกลุ่มเพื่อน เพื่อนก็เห่อ

ไอด้ามีลูกตอนอายุ 25 คิดว่าก็มีวุฒิภาวะที่โอเค อายุเท่านี้กำลังดี เป็นวัยที่เรียนจบ กำลังตั้งต้นทำงาน มันทำให้เรามีแรงฮึด เรายังสาวสามารถสู้เต็มที่ได้”

ส่วนเรื่องอนาคตนั้น ไอด้า บอกว่า ไม่ตั้งเป้าอนาคตลูก หวังแค่เอาตัวรอดได้ในสังคม ไม่เอาเปรียบใคร

“เพราะตอนเด็กๆเราจะโดนพ่อแม่ยัดเยียดให้เรียนพิเศษจันทร์ – ศุกร์ เพราะเราเป็นเด็กดื้อมาก ติดเพื่อนมาก เขาจึงอยากให้เราเรียนพิเศษเพื่อไม่มีเวลาที่จะไปยุ่งกับเพื่อน อย่างน้อยเข้าไปฟังหูซ้ายทะลุหูขวามันต้องได้บ้างล่ะ  คือเราก็เป็นเด็กตั้งใจเรียน เรียนได้ดี แต่ดื้อ เราก็ไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น

รู้สึกว่า ถึงลูกเรียนเก่ง แต่สุดท้าย นิสัยไม่ดี เห็นแก่ตัว สังคมไม่ต้องการ ก็อยู่ไม่ได้อยู่ดี  เราอยากให้ลูกเอาตัวรอดได้ อยู่ในสังคมได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เอาไหนสักเรื่อง คือความรู้มันต้องมีติดตัว เอาตัวรอดได้ ไม่เอาเปรียบคนอื่น เป็นคนดีก็โอเคแล้ว 

ไม่ซีเรียสเรื่องเรียนสูง หรือต้องเรียนเพื่อเอาปริญญา ถ้าเขาไม่ชอบ อาจจะไปเรียนสายวิชาชีพ เราไม่ซีเรียสเลย ขอแค่เขาชอบ เราก็สนับสนุนด้านที่เราชอบ  ตอนนี้เขาแววชอบดนตรี ชอบวาดรูป อาจจะเป็นเพราะเราสองคนชอบ ทำทุกวัน เขาน่าจะซึมซับ จริงๆก็แอบคาดหวังให้เขาเป็นเหมือนเรา แต่สุดท้ายเราก็ทำได้แค่ให้เขาซึมซับ สุดท้ายเราก็ไม่บังคับ เขาชอบอะไรก็ตามใจเขา”  

อารมณ์รุนแรง เหวี่ยง เอาแต่ใจเริ่มหาย เพราะลูกดื้อคูณสิบ!

“ตั้งแต่มีลูกรักคุณแม่มากขึ้นเลยค่ะ”

ไอด้ากล่าว แถมกลัวกรรมตามสนอง เพราะตอนเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ

“คือเราจะเป็นเอาแต่ใจมาก ที่บ้านพยายามจะไม่ตามใจ แต่สุดท้ายเราก็ไม่ฟัง เอาแต่ใจมากๆ รุนแรง อารมณ์ร้อน  แต่ก็เพิ่งจะมาหายเป็นเมื่อตอนมีลูก รู้เลยว่า ลูกจะเป็นมากกว่าเราหลายเท่านี่เรื่องจริง เพราะเราก็พยายามมากๆแล้วนะที่จะไม่ตามใจ คือให้พี่เลี้ยงทุกคนเด็ดขาดกับลูกเลยนะ ตีก็คือตีนะ ผิดมากต้องดี ลูกก็ไม่สนใจ แต่ก็ไม่เป็นไร สุดท้ายขอให้เป็นคนดี 

รักคุณแม่มากขึ้นเลย เพราะเข้าใจ เราไม่น่าทำแบบนั้นกับแม่เลย กลัวเหมือนกันว่า ลูกโตขึ้นมาจะดื้อเหมือนเราหรือเปล่า 

ทั้งนี้ ลัลลาเบลแม้จะดื้อซน แต่ก็มีพัฒนาการที่เร็วมาก ทั้งพูด เดิน วิ่ง คลาน ปกติเด็กจะไม่เดินก่อนก็พูดก่อน แต่คนนี้เขามาพร้อมกันเลย เดิน พูด เหมือนนกแก้วนกขุนทอง เจื้อยแจ้ว” 


สุดท้าย ไอด้า ยังฝากข้อคิดสำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์โดยปราศจากพ่อของลูกด้วยว่า 

“ผู้หญิงสมัยนี้เก่งจะตาย ทำไมจะต้องไปคิดว่า จะต้องฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้คนเดียว ถึงแม้คุณจะแต่งงานไปแล้วก็เถอะ ไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องเอาชีวิตไปผูกติดกับผู้ชายคนนี้ 

ให้พยายามคิดว่า การมีคู่เข้ามา มันก็แค่การเติมแต็มกันเฉยๆ ไม่ได้หมายความว่า ขาดไปแล้วจะต้องตาย หรืออยู่ไม่ได้ ฉะนั้นบางทีผู้หญิงส่วนใหญ่พอมีความรักมักจะไปผูกติด ยึดติดกับผู้ชายเกินไป และหากมีลูก ท้องขึ้นมา ถ้าเจอผู้ชายที่ดีรับผิดชอบ ทุกอย่างก็แฮปปี้ลงตัว แต่หากเจอผู้ชายที่ไม่รับผิดชอบ ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตคุณจะต้องจบแค่นั้น แล้วต้องไปทำร้ายลูก

สมัยนี้ Single Mom เยอะจะตาย เลี้ยงดูลูกเองได้ มีแขน มีขา เหมือนผู้ชาย ทำงานเองก็ได้ เชื่อว่าเด็ก ถ้าปลูกฝังตั้งแต่เด็กเขาจะเข้าใจนะ

ไม่ได้หมายความว่า หากพ่อแม่เลิกกัน เด็กจะต้องมีปัญหา ไม่จริงเลยนะ อยูที่ตัวแม่มากกว่า ไปทำอะไรให้ลูกรู้สึกขาดหรือเปล่า ถ้าเราสามารถเติมเต็มให้เขาได้โดยที่เขาไม่มีพ่อ เด็กจะเข้าใจนะ” คุณแม่ไอด้า กล่าวให้ข้อคิดปิดท้าย
-> คลิปไอด้าฝากถึงคุณแม่มือใหม่ 




ขอบคุณภาพบางส่วนจาก อินสตาแกรม @idasiriwut
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)

 

>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net