Celeb Online

เทคนิคกินเจให้ได้ครบสุขภาพ/นพ.กฤษดา ศิรามพุช

โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช

หลายท่านมี เมนูเจ ที่รักที่ชอบอยู่นะครับ บางบ้านน่าอิจฉาเพราะว่ามีจานเด็ดประจำครอบครัวเลยทีเดียว หลายเมนูไม่ดูจืดๆ ธรรมดา แต่ว่าชวนเปรี้ยวปากที่ทำให้แม้ในช่วงไม่กินเจก็ยังน่ารับประทาน

ไม่ว่าจะลาบเจ, ผัดกะเพราเจ, ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เจ ฯลฯ

แต่ผู้ที่ตั้งใจรับประทานเจก็ใช่ว่าจะติดรสดังว่าเสมอไปเพราะเมื่อตั้งใจละอาหารที่ทำจากชีวิตแล้ว ก็พร้อมที่จะ “รับ” อาหารเจในรูปแบบที่ต่างออกไป

ในเรื่องการกิน “เจ” นั้นต่างจาก “มังสวิรัติ” นะครับ

หนึ่งอย่างที่ต่างชัดคือ เจห้ามรับประทานผักบางชนิดที่มีกลิ่นแรง ที่เสพอาจต่อยอดไปกระตุ้นความปรารถนามังสาหาร ส่วนการกินมังสวิรัติก็มีหลายแบบที่บางสูตรกิน “ไข่” ได้ซึ่งก็เป็นสิ่งดี เพราะทำให้ได้สารอาหารครบในสิ่งที่ขาด

เมื่อรู้หลักง่ายๆ แล้วท่านก็อาจดัดแปลงเมนูเจให้สะดวกกับชีวิตได้หรือแม้แต่เมนูดูง่ายๆ แสนธรรมดา อย่าง “จับฉ่าย” ก็ยังพลิกแพลงทำให้อร่อยและถูกหลักเจได้ ในคนที่รู้หลักเสน่ห์ปลายจวักจึงมีเคล็ดชนิด ที่เรียกว่ามีดีอะไรขนมาใส่ให้หมด ไม่มียอมกันทีเดียวในเรื่องสูตรเด็ดเคล็ดลับอาหารเจ

ท่านที่ตั้งใจรับประทานเจจึงถือว่าได้ดูแลสุขภาพแบบพิเศษมากๆ เพราะนอกจากได้รับสารอาหารจากวัตถุดิบที่คัดสรรมาสารพัดแล้ว ยังได้อานิสงส์จากการตั้งจิตไม่เบียดเบียนชีวิตอีกโสตหนึ่ง

เป็นมหากุศลจากการรับประทานเจ

ซึ่งสิ่งหนึ่งที่สังเกตว่าท่านผู้รักสุขภาพถามกันมาพอดูคือเรื่อง “ผัก” ที่ยุคนี้มีสิ่งให้กังวลเข้ามาสำหรับผู้ที่ตั้งใจรับประทานผักสดคือ เรื่องของสารเคมี จึงขอฝากวิธีง่ายๆ ไว้ในเรื่องการทำผักให้ลดเสี่ยงครับ

“แช่” และ “ล้าง” ผัก

หลักง่ายๆ ลดเสี่ยงพิษ

–  แช่ผักในผงฟู

–  แช่ผักในน้ำส้มสายชู

–  แช่ผักในน้ำเกลือ

–  เปิดน้ำไหลผ่านผักให้นานพอ

อย่าลืมว่าผักที่มีซอกหลืบเยอะควรต้องล้างให้ถี่ถ้วน และการปอกเปลือกก็ช่วยลดพิษได้อีกมาก จากนั้นก็มาดูกันว่าจะรับประทานเจอย่างไรให้ตอบโจทย์สุขภาพคือ กินเจให้ได้สารอาหารครบและช่วยให้สุขภาพดีเป็นการล้างพิษไปในตัว

มาดูกันเลยครับ->กินเจอย่างไรให้ครบทุกมิติสุขภาพ

1) กินหลากหลาย

อย่าลืมนะครับว่าอาหารเจก็เป็นอาหารสุขภาพ ดังนั้นกินเจก็ครบ 5 หมู่ได้ถ้ากินเป็น ท่านที่ห่วงน้ำมัน, แป้ง, และน้ำหนักขึ้นช่วงกินเจขยับมาใกล้ๆ เลยครับ

เคล็ดลับง่ายๆ คือ ให้ตั้งใจว่าใน 1 จานเจตรงหน้านั้นต้องมีผักอย่างน้อย “ครึ่งจาน” ส่วนที่เหลืออาจเป็นเต้าหู้บ้าง หรือโปรตีนเกษตร ส่วนแป้งอย่างข้าวและมี่กึงค่อยเบาลงครับ

2) อย่าลืมถั่ว

ของดีช่วงกินเจอีกอย่างที่เราจะมีโอกาสได้รับประทานมากกว่าช่วงอื่นๆ คือ “ถั่ว” ครับ ในช่วงเจขอให้ลองเอานานาสารพัดถั่วมาทำเป็นเมนูทั้งคาวหวานดูครับ เพราะในถั่วต่างๆ แต่ละสีนั้นมีของดีอยู่ต่างกันออกไป

ยกตัวอย่างง่ายๆอย่างถั่วสีเข้มอย่างถั่วดำ, ถั่วแดงหลวง ก็มีสารต้านสนิมแก่สำคัญอยู่ ขอให้สลับเมนูถั่วกันไปให้ครบทุกสียิ่งดีครับ เพราะถั่วคือซุปเปอร์ฟู้ดสำคัญที่ขาดไม่ได้ครับ

3) ไม่เน้นมันกับแป้ง

เป็นเคล็ดสำคัญที่ช่วยท่านที่มีโรคประจำตัวและรับประทานเจ อย่าง เบาหวาน, ความดัน, ไขมันสูง,โรคหัวใจ, นิ่วในถุงน้ำดี, กรดไหลย้อน ซึ่งอาหารที่มันเยิ้มแถมเพิ่มแป้งอาจทำให้โรคที่สงบดีอยู่กลับกำเริบได้ (ขออย่าคืนความสุขให้โรค–โฮ)

อาจใช้เทคนิกอาหารสำรองสไตล์อายุรวัฒน์ อาทิ จากเส้นก๋วยเตี๋ยวผัดเปลี่ยนเป็นฟองเต้าหู้แผ่นผัดแทน หรือจากข้าวก็เปลี่ยนเป็นลูกเดือยหรือเต้าหู้แทนบ้างครับ

4) เพิ่มผักสด

ให้เคล็ดว่าควรมีผัก 3 สหายดังต่อไปนี้ คือ ผักเขียวจัด, เห็ด, และธัญพืช ให้เป็นหลักในใจไว้เลยว่าถ้าเป็นผักที่สดใหม่ได้เป็นดีและไม่ควรที่จะผ่านความร้อนจัดนานเกินไป อาทิ เช่นจับฉ่ายบางมื้อก็อาจไม่ต้องต้มนานจนเกินไป

ถ้าเกรงใจกลัวคุณแม่ไม่ปลื้มก็อย่าลืมขอท่านก่อน หรือจะจัดข้าวผัดใส่ธัญพืชบ้างหรือผัดผักโป๊ยเซียนเจใส่ผักหลากสีแทนก็ดูดีน่ากินครับ

5) ลดของทอด

ของทอดและมันเป็นอันตรายอย่างหนึ่งสำหรับผู้กินเจที่ห่วงไขมันพุ่ง, โรคอ้วน, และกระเพาะอาหารกำเริบ ดังนั้นการลดของทอดเจในเมนูต่างๆจะช่วยท่านได้ครับ

เคล็ดลับที่ทำให้ยังอร่อยได้ไม่เพิ่มมันมากก็คือใช้การปรุงเข้าช่วยครับ เช่นอบแบบรีดน้ำมันออก, นึ่งแทนทอด, และสุดท้ายถ้าของทอดคือสุดยอดปรารถนาจริงๆก็ “กิน” เถิดครับ แต่ให้บอกตัวเองว่ามื้อต่อไปต้องไม่กินทอดซ้ำและต้อง “ปลอดมัน” แล้วครับ

6) ปลอดสารพิษ

ดังที่เล่าไปว่าผักที่น่ากังวลสำหรับหลายคนให้ใช้วิธีล้างผักให้ลดเสี่ยง ซึ่งทางเลี่ยงอีกอย่างที่ดีมากก็คือ การ “ผ่านความร้อน” ด้วยการปรุงให้สุกดีครับ เพราะการต้มหรือผัดผักจะเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยพรากเอาพิษที่ติดผักอยู่ให้ออกไปได้เพิ่ม

ขอท่านที่รักไม่ต้องกลัวเรื่องวิตามินหลุดหาย เพราะวิตามินที่บ๊ายบายออกไปจะถูกชดเชยโดยอัตโนมัติเมื่อท่านใช้เทคนิกกินผักให้ได้มื้อละ “ครึ่งจาน” ครับ

สรุปเคล็ดกินเจจำง่ายๆ 3 คำคือ “กินหลากหลาย” ครับ ซึ่งสมัยเด็กจำได้ว่าเมนูโปรดที่คุณแม่ชอบทำคือ “หน่อไม้” ที่ทำทีไรก็เป็นขายดิบขายดีในบ้านประมาณว่าข้าวหมดหม้อทุกครั้ง เป็นที่นิยมระดับ must have และ must carry บนโต๊ะอาหารในครัว ซึ่งหน่อไม้นี้ก็นำมาดัดแปลงทำกับข้าวได้สารพัดอย่าง

เชื่อว่าแต่ละบ้านยังมีเมนูเด็ดอีกมากมายที่ทำให้เทศกาลเจปีนี้มีสีสันและสมาชิกครอบครัวทุกท่านมีความสุข

ขออนุโมทนากับทุกหัวใจที่ใฝ่บุญด้วยนะครับ
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)

 

>>
อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ 
 http://www.celeb-online.net