>>เมื่ออายุมาก ริ้วรอยมักมีมากขึ้นเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ไม่จริงเสมอไป เพราะแสงแดดในเมืองไทยก็ร้ายกาจไม่ใช่น้อย ไหนจะความเครียด มลภาวะ การใช้เครื่องสำอางมากเกินไป การไม่ได้ล้างและทาครีมบำรุงก่อนนอน หรือแม้แต่พฤติกรรมการชอบขมวดคิ้วหรือย่นหน้าผากบ่อยๆ ก็เป็นต้นเหตุทำให้เกิดริ้วรอยทั้งสิ้น ดร.พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล ประธานกรรมการบริหาร Vital Glow : Skin & Aesthetic ในโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 จึงมาเผยวิธีปฏิบัติตัวก่อนการฉีดโบท็อกซ์
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักแบบลึกซึ้งก่อนสัมผัสของจริงกันดีกว่า
Botulinum Toxin type A หรือ โบท็อกซ์ เป็นสารธรรมชาติสารพัดประโยชน์สำหรับเสริมสวย ซึ่งปัจจุบันก็มีนำเข้าทั้งจากเกาหลี, อังกฤษ, เยอรมนี และอเมริกา มีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการช่วยลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพื่อให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยเปิดดวงตาให้โตสดใสและยกคิ้วแก้ปัญหาคิ้วตก หน้าผาก หางตา ใต้ตา บริเวณที่นิยมฉีดโบท็อกซ์ เช่น หน้าผาก,หว่างคิ้ว,หางตาหรือตีนกา, ปีกจมูก,ใต้ตาแก้ม, ด้านล่างของปากรวมถึงส่วนของลำคอ นอกจากนี้ยัง ลดกรามปรับรูปหน้าเรียว V-Shape, ช่วยยกกระชับหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียว (Nefertiti's Lift), บริเวณรักแร้เพื่อลดการทำงานของต่อมเหงื่อ และบริเวณน่องขาเพื่อให้เรียวขึ้น
การเตรียมตัวก่อนการฉีดโบท็อกซ์
1. ตรวจเช็คร่างกายก่อนว่าแข็งแรงหรือไม่ ทานยาเป็นประจำหรือเปล่า และไม่มีโรคประจำตัว ถ้ามีต้องปรึกษาแพทย์ก่อน
2. ควรหยุดทานอาหารเสริมประเภทวิตามินอี น้ำมันปลา โสม หรือสมุนไพรที่ทำให้ร่างกายร้อน ประมาณ 2-3 วันก่อนฉีด
3. ห้ามกินยาแก้อักเสบหรือแอสไพรินก่อนการฉีดยา 1 อาทิตย์
4. สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรไม่ควรฉีดเด็ดขาด
นอกจากการฉีดสารโบท็อกซ์ จะใช้ฉีดลดเลือนริ้วรอยแล้ว ยังสามารถรักษาโรคในอวัยวะอื่น เช่น ลดอาการปวดหัวจากไมเกรน, รักษาโรคหลอดอาหารบีบเกร็ง, รักษาภาวะกลืนลำบากชนิดอะคาลาเชีย และคลายกล้ามเนื้อให้แก่ผู้ป่วยที่พิการทางสมอง ที่มีกล้ามเนื้อหดเกร็งได้อีกด้วย
เพียงเท่านี้การฉีดโบท็อกซ์ ก็พาคุณย้อนวัยให้สวยใสได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล