ชื่นชอบทั้งแฟชั่นและศิลปะ แถมยังใฝ่ฝันอยากทำหนังสือตั้งแต่เด็กๆ จ๋า-อมรศิริ บุญญสิทธิ์ หลังบ้านสุดอาร์ตของ พล.ต.ต พชร บุญญสิทธิ์ จึงทุ่มทุนนำนิตยสารแฟชั่นและความงามพร้อมขึ้นแท่นเป็นบรรณาธิการบริหาร “Numero” (นูเมโร) นิตยสารผู้หญิงรายเดือนคุณภาพสูงละราคาแพงที่สุดในยุโรป เพื่อตอบโจทย์แฟชั่นและความงามของสาวไทย
“ชอบงานศิลปะและแฟชั่นตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ จำได้ว่าตอนเล็กๆ ที่ห้องสมุดของโรงเรียนราชินีจะมีมุมนิตยสาร ก็จะไปเปิดดูหน้าที่มีงานฝีมือ พอปิดเทอมก็จะชวนแม่ไปซื้อผ้าที่ตั้งฮั่วเส็งมาออกแบบและให้พี่เลี้ยงช่วยเย็บเป็นหมอนอิง รูปสัตว์ต่างๆ พอตอนเรียนมศ.2 เคยถักเสื้อตัวหนึ่งจนคุณครูนำมาให้เพื่อนๆ ทั้งชั้นประดิษฐ์เป็นงานฝีมือกันเลยค่ะ”
สะสมประสบการณ์ทั้งด้านแฟชั่น งานเขียนและเป็นนักแปลอิสระให้กับนิตยสารแอล รวมถึงเป็นเจ้าของผลงานหนังสือเกี่ยวกับอาหาร 3 เล่ม ได้แก่ อาหารง่ายๆ ในวันสบาย, สนุกสนานกับอาหารจานฮิต และสนุกสนานกับอาหารสุขภาพ ก่อนจะผันตัวเองเป็นดีไซเนอร์และเปิดห้องเสื้อ Ferrie Fabbies จนประสบความสำเร็จ ได้รับโอกาสเข้าร่วมแสดงผลงานในงาน Pret-a-Porter งานแสดงผลงานดีไซน์ทั่วโลก ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปารีสเมื่อปี 2552 และเพื่อทำความฝันให้เป็นจริงสาวอารมณ์ศิลป์คนนี้ก็ตัดสินใจบินตรงสู่ปารีส เพื่อเจรจาขอซื้อนิตยสารนูเมโรมาตอบโจทย์แฟชั่นให้สาวไทย
“ที่เลือกนูเมโร เพราะเป็นนิตยสารแฟชั่นที่มีความเข้มแข็งมาก มีเอกลักษณ์ และไม่ได้นำเสนอแค่ความเป็นแฟชั่นแบบนิตยสารทั่วไป แตู่นูเมโรจะใส่ความเป็นศิลปะเข้าไปด้วย ภาพทุกภาพในเล่มแทบจะไม่ได้ทำโฟโต้ช้อป ความน่าสนใจที่สุดของนิตยสารเล่มนี้คือนางแบบที่มาถ่ายจะไม่เน้นว่าต้องเป็นคนมีชื่อเสียง หรือนางแบบดัง อาจจะเป็นนางแบบหน้าใหม่ที่มีคาแรคเตอร์เข้ากับเสื้อผ้าในเซ็ตนั้นได้ หากใครเคยอ่านนิตยสารเล่มนี้คงเคยเซอร์ไพร์สกับภาพแฟชั่นอันสะดุดตากันบ้างแล้ว”
กว่าบริษัทแม่ที่ฝรั่งเศสจะให้หัวหนังสือมาทำไม่ใช่เรื่องง่าย จ๋าต้องบินไปคุยงานหลายครั้ง จนสุดท้ายเธอก็ทำสำเร็จ และนูเมโรเมืองไทยเล่มแรกก็พร้อมจะอวดโฉมในเดือนธันวาคมนี้
“นูเมโรจะเน้นความมีสไตล์ โดยเฉพาะเรื่องแฟชั่นและบิวตี้ เป็นโจทย์ที่ท้าทายมากค่ะ เพราะภาพที่ออกมาต้องมีความเป็นศิลปะด้วย อย่างถ่ายเรื่องบิวตี้ ก็ใช้ว่าเราจะโชว์โพรดักซ์เป็นกระปุก หรือเป็นแพ็กเกจนะคะ แต่เราต้องตักตัวผลิตภัณฑ์นั้นออกมาให้ลูกค้าเห็นทั้งสีสันและเทกเจอร์อย่างใกล้ชิด ที่สำคัญจะไม่บอกราคา เพื่อให้อยากเข้าไปดูที่เค้าท์เตอร์เครื่องสำอางแบรนด์นั้นๆ เอง ส่วนแฟชั่นนั้นจะเน้นเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศ และจะมีการนำเสนอเสื้อผ้าแบรนด์เนมของไทยด้วยค่ะ”
นอกจากเรื่องแฟชั่นและความงามแล้ว นูเมโรยังนำเสนอศิลปะในแบบไลฟ์สไตล์ของสาวปาริเซียง ทั้งงานดีไซน์ ดนตรี และหนังสือ แต่ของเมืองไทยจะพิเศษกว่าของฝรั่งเศสคือ จะเพิ่มเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวและอาหารด้วย
“บ้านเราเป็นเมืองร้อน สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม แฟชั่นก็มีสีสันหลากหลาย โดยเฉพาะรูปแบบของเสื้อผ้าที่ไม่ต้องจำกัด แต่ที่ฝรั่งเศสซึ่งเป็นเมืองหนาว สาวฝรั่งเศสจึงนิยมสวมเสื้อผ้าในรูปแบบที่เรียบง่าย เน้นใส่ได้ในหลายๆ โอกาส เน้นสีดำ สีเทา ในวันว่างก็จะไปชมงานศิลปะ ไปนั่งเล่นในสวน ด้วยสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน จึงอยากนำเสน่ห์ของทั้งสองประเภทมาถ่ายทอดให้ออกมาอย่างดีที่สุดค่ะ” จ๋า กล่าวส่งท้ายถึงความแตกต่างในไลฟ์สไตล์ของสาวไทยและสาวฝรั่งเศส
สาวแฟชั่นนิสต้าที่อยากอัปเดตแฟชั่นผสมผสานศิลปะ ติดตามกันนิตยสารแฟชั่นเล่มนี้กันได้เลย