ถ้าพูดถึงเซเลบริตี้แฟชั่นไอคอนของเมืองไทย คนหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดของผู้ที่ติดตามข่าวคราวของสายสังคมไฮโซคงต้องนึกถึง “บุ๋ม-จารุจิต ใบหยก” ทายาทเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของตระกูลใบหยก สาวหน้าหวาน ผิวขาวจั๊วะกับสไตล์การแต่งตัวสุดจี๊ด ที่มีทั้งสีสัน ความเท่ห์ ความบลิ้งก์ จนแทบลืมความหวานของใบหน้าเธอไปเลย ซึ่งคำจำกัดความง่ายๆ ในการแต่งตัวของสาวบุ๋มก็คือ “ความสนุกและคอนทราส” จนออกมาเป็นสไตล์ส่วนตัวที่ไม่เหมือนใครของเธอ
แน่นอนว่าเมื่ออยู่ในตระกูลที่มีธุรกิจโรงแรมของครอบครัว แม้จะฉีกแนวการเรียนออกไปด้วยการเลือกเรียนสาขานิเทศศาสตร์ แต่วันนึงเธอก็ต้องวนกลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัวอยู่ดี เธอจึงถูกวางตัวให้ช่วยดูแลบริหารโรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ ในส่วนงานอีเวนต์และงานประชาสัมพันธ์ เท่านั้นยังไม่พอเพราะความชอบส่วนตัวด้านการทำอาหารและขนม เธอยังมองไปถึงการพัฒนาในส่วนของแผนกเบเกอรี่ของโรงแรมจึงไปเรียนทำอาหารและขนมที่สถาบันเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต โดยระหว่างนั้นเองที่มีโครงการพิเศษที่เป็นความร่วมมือของเลอ กอร์ดอง เบลอ เปิดร่วมกับมหาวิทยาลัยซุกเมียง ประเทศเกาหลีใต้ เปิดคอร์สด้านการบริหารจัดการโรงแรม เอจึงตัดสินใจ ไปเพิ่มเติมความรู้ที่นั่น
“ระหว่างที่ดูแลโรงแรมหัวช้างเฮอริเทจ ก็ไปเรียนหลักสูตรทำอาหารที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ แล้วเขาก็เปิดโครงการใหม่ร่วมมือกับมหาลัยที่เกาหลี แต่เป็นหลักสูตรเรียนบริหารร้านอาหารและโรงแรม ใช้เวลาเรียนอยู่ปีครึ่ง แต่ชวงที่ทำโปรเจ็คจบก็ไปๆ กลับๆ”
อีกหนึ่งธุรกิจที่เธอแยกออกมาทำนอกจากงานโรงแรมของครอบครัว และกำลังเป็นงานที่สนุกมากก็คือการทำแบรนด์จิวเวอรี่เครื่องประดับของตัวเองที่มีชื่อสนุกๆ สมกับสไตล์ว่า “Gemster (เจมส์-สเตอร์)” จะว่าจบด้านแฟชั่นก็ไม่ใช่ หรือจบออกแบบก็ไกลตัว แต่อาศัยความชอบเรื่องแฟชั่น และเทสต์ส่วนตัว
“แบรนด์ “Gemster (เจมส์-สเตอร์)” เป็นแบรนด์เครื่องประดับพลอยที่เราออกแบบให้ดูสนุกและเข้ากับแฟชั่น ทำมา 3 ปีแล้ว ช่วงปีแรกขายในออนไลน์และคนรู้จัก ปรากฎว่าฟีดแบ็กดีมากก็เลยมีหน้าร้านที่โรงแรมหัวช้างเฮอริเทจด้วย เริ่มจากบังเอิญไปเจอซัพพลายเออร์ที่ขายพลอยเจียรไนที่สวยมากแล้วเขากำลังจะเลิกทำ เพราะราคาเขาค่อนข้างสูง แต่เราเห็นว่าพลอยของเขาสวยจริงๆ ก็เลยซื้อมา แรกๆ มาทำใส่เอง แล้วก็ซื้อตุนไว้อีกเพราะกลัวเขาเลิกทำ พอซื้อไว้เยอะๆ ก็เลยเริ่มทำขายนิดๆ หน่อยๆ และเริ่มมีคนขอให้ทำให้บ้าง ก็เลยค่อยๆ ทำขายจริงจังไป ตอนนี้มีครบเลย ทั้งต่างหู แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า เปิดรับทั้งสั่งทำและซื้อแบบที่เราออกแบบได้เลย
ปกติคนส่วนใหญ่จะคิดว่าเครื่องประดับพลอยเป็นงานผู้ใหญ่ใส่ หรือจะดูโบราณ แต่เครื่องประดับของเราจะออกแบบให้สนุกๆ ฮิปๆ บลิ้งก์ๆ ดีไซน์ที่ดูวัยรุ่นขึ้นมาหน่อย ตอนนี้ถ้าอยากดูสินค้าต้องนัดเข้ามาดูที่หน้าร้านเพราะไม่อยากให้แออัดมาก…ที่ชอบอัญมณีพลอยเพราะคาแรกเตอร์ของพลอยแต่ละก้อนนั้นสีไม่เหมือนกัน สีของพลอยมีความพิเศษเฉพาะตัว และเราอยากให้คนรุ่นใหม่ใส่แล้วสนุก สามารถใส่ประจำได้ทุกวันไม่เหมือนงานพลอยทั่วไป”
ซึ่งแฟชั่นสุดจี๊ดในชีวิตประจำวันของเธอส่วนหนึ่งก็ได้รับการเติมสีสันมาจากแบรนด์เครื่องประดับของเธอด้วย ซึ่งสาวบุ๋มมักจะนำมามิกซ์แอนด์แมทช์ให้รุ้สึกว่าไม่ขัดเขินจนเกินไปนักที่จะแต่งตัวแบบเท่ห์ๆ กับเครื่องประดับสุดคูล
“โดยส่วนตัวสไตล์ของบุ๋มเป็นคนหลายอารมณ์มาก ให้บอยสุด หรือหวานก็ได้ เราสนุกกับการแต่งตัว ตั้งแต่มัธยม จำได้ว่าพอเรียนพิเศษเสร็จก็ชวนเพื่อนไปเดินซื้อเสื้อที่สยาม ในชีวิตประจำวันถ้าไม่ได้ไปงานก็จะเป็นคนที่แต่งตัวสบายมาก เสื้อยืด กางเกงยีนส์ กางเกงขายาว (sweatpants) ซิกเนเจอร์ก็จะเป็นสีสันแบบสนุกๆ บลิ้งก์ๆ แต่บางทีก็มีความคอนทราซ์อยู่ในตัว เช่น บางวันใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อยิดธรรมดา แต่เราก็เอาเครื่องประดับมาใส่ สื่อให้เห็นว่าการเอาเครื่องประดับมาใส่ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงหวาน หรือต้องหรูหราเสมอไป เป็นแนวสตรีทก็ได้
อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่ค่อยแต่งตัวหวานมาก เพราะเราเป็นคนขาวมาก (ย้ำ) และด้วยสีผม สีผิว สีตา ถ้าแต่งตัวแนวหวานก็จะดูหวานเจี๊ยบเลย ซึ่งไม่ใช่สไตล์ที่เราชอบเท่าไหร่นัก ถ้าแต่งชุดเดรสหวานๆ ก็จะต้องหาจุดคอนทราส เช่น แทนที่จะใส่รองเท้าส้นสูงก็ใส่รองเท้าบู๊ทหรือผ้าใบแทน
ถ้าถามว่ามีใครเป็นไอดอลมั๊ย? เราชอบสไตล์ของหลายคนนะ แล้วแต่ช่วงเวลานั้นด้วย แต่ที่ชอบตลอดคือ “แคโรไลน์” ภรรยาของ “จอห์น เอฟ เคนเนดี้ จูเนียร์” ชอบตรงที่สไตล์เขาเรียบๆ แต่คลาสสิค หรือไม่ก็ “เคทมอส” ที่เราชอบสไตล์ของเขามาตลอดจนถึงตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ ดูสวยแบบไม่ต้องพยายาม และปรับเข้าได้กับทุกยุคของแฟชั่น”
ส่วนเรื่องนิสัยการช็อปปิ้งของสาวสนุกกับการแต่งตัวนั้นเธอบอกว่าโชคดีที่น้องสาว (บุ๊ค-พิมพ์เลิศ ใบหยก) ก็มีความชอบในแฟชั่นเหมือนกัน ฉะนั้นบางไอเท็มก็สามารถแบ่งกันใช้ได้ และตามสไตล์ของสาวนักช็อปตัวจริงสมัยนี้ก็คือเลิฟการช็อปปิ้งออนไลน์เป็นชีวิตจิตใจ
“ช่วง 2-3 ปีหลังการช็อปปิ้งแทบจะออนไลน์ทั้งนั้นเลย เวลาซื้อเสื้อผ้าจะชอบซื้อใหญ่กว่าตัวเอง 1 ไซส์ เพราะเราชอบใส่แบบหลวมๆ สามารถขยับตัวได้สะดวก พวกลวดลายจะน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นสีพื้น หรือไม่ก็เล่นสีมากกว่า ที่ทำให้เสียเงินส่วนใหญ่คือ เสื้อผ้า กางเกงยีนส์ และเสื้อยืดขาวเยอะมาก เน้นชิ้นเบสิคๆ เอามามิกซ์กัน
อีกอย่างที่มีเยอะมากคือชุดสูทที่เขาชุดกัน เสื้อกับกางเกง หรือเสื้อกับกระโปรง เพราะเมื่อก่อนเราทำงานโรงแรมที่ต้องพบเจอทั้งลูกค้าและพนักงานในโรงแรม ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานไปประชุมทุกวันก็จะเน้นแบบง่ายๆ ที่สามารถหยิบใส่ได้ทันที และดูเรียบร้อย แต่ก็จะมีเล่นแพทเทิร์น มีคัตติ้งพิเศษนิดนึง ส่วนไลฟ์สไตล์ปกติเต็มที่เลยค่ะ เพราะเราเป็นคนสนุกกับการแต่งตัว” สาวบุ๋มกล่าวส่งท้าย