ความสวยความงามใช่ว่ามีแต่เรื่องไร้สาระ เมื่อกูรูช่างผมแถวหน้าของเมืองไทยนัดรวมตัวเฉพาะกิจ ร่วมเสวนาในหัวข้อ “เมื่อช่างผมเทศบุกเมืองไทย แล้วช่างผมไทยจะอยู่ได้อย่างไร” ชวนช่างผมไทยเร่งพัฒนาทักษะ และเสริมความรู้ เพื่อสร้างมาตรฐานให้วงการช่างผมไทย ในงาน Thialand Hair Expo 2011 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “More you learn, More you earn” (มอร์ ยู เลิร์น, มอร์ ยู เอิร์น) เมื่อวันพุธที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา ณ ลานพาร์ค พารากอน สยามพารากอน
นิตยสารแฮร์ บริหารโดย บริษัท มีเดีย เอกซ์เพอร์ทีส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานเสวนา “เมื่อช่างผมเทศบุกเมืองไทย แล้วช่างผมไทยจะอยู่ได้อย่างไร” โดยได้ 6 กูรูผู้เกี่ยวข้องกับแวดวงช่างผม มาไขข้อข้องใจว่า ได้แก่ วีรศักดิ์ ลดาคม ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและทดสอบฝีมือแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน, ดร.สมศักดิ์ ชลาชล จาก ชลาชล, พิชัย อร่ามเจริญ จาก Cut&Curl, บุษบา เปรมเจริญ เจ้าของสถาบันดูเอ้, อาจารย์ ธนากร เชื้อวิวัฒน์ จากสถาบันเกตุวดี-แกนดินี่ และกรธนา ชินพัฒน์ บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Hair โดยมีดีเจชื่อดัง สาลิณี ปันยารชุน มาร่วมเป็นพิธีกรคอยซักถาม
วีรศักดิ์ ลดาคม กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจร้านเสริมสวยว่า หากเมืองไทยเปิดการค้าเสรีอาเซียนในอีก 3 ปี ข้างหน้า ประชาชนในประเทศอาเซียนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 10 ประเทศ จะเดินทางเข้าออกยังประเทศเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ในวงการร้านเสริมสวยเองก็จะมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน ต่อจากนี้เราจะไม่ได้คำนึงแค่ว่า ลูกค้ามีแค่ 60 ล้านคน แต่ลูกค้าจะเพิ่มจำนวนถึง 600 ล้านคน
ดร.สมศักดิ์ ชลาชล กล่าวเสริมว่า “เพื่อให้มาตรฐานของช่างผมไทย เทียบเท่ากับต่างประเทศ ผมและเหล่ากูรูทุกท่านในที่นี้ จึงวางแผนร่วมมือกันจัดตั้งสมาพันธ์ช่างผมไทยขึ้น เพื่อกำหนดบทบาทและสร้างมาตรฐานเดียวกัน รวมถึงการยกระดับร้านทำผมเล็กๆ ให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้นดังนั้นผมจึงอยากขอความร่วมมือจากช่างผมไทยทุกคน และในส่วนของภาครัฐมาร่วมมือร่วมใจกันสร้างมาตรฐานเดียวกัน ทั้งการบริหารจัดการ มาตรฐานฝีมือ ความรู้พื้นฐาน ความสะอาด และการบริการ ให้คน 600 ล้านคน เชื่อถือมาตรฐานของเรา”
พิชัย อร่ามเจริญ กล่าวถึงข้อดี-ข้อเสีย ของการเปิดการค้าเสรีอาเซียน ต่อวงการช่างผมไทยว่า “หลังจากเราสร้างมาตรฐานให้เทียบเท่าสากลแล้ว หากเปิดการค้าเสรีเมื่อไหร่ ผมเชื่อว่าจะเกิดการเคลื่อนย้ายของฝีมือแรงงานและเงินทุนเกิดขึ้นแน่นอน และในอนาคตภาษาจะจำเป็นสำหรับช่างผมไทยมาก เราอาจจะต้องพึ่งล่ามช่วยแปลภาษาในร้านทำผม แต่สำคัญที่สุดผมอยากขอคนไทยสนับสนุนช่างไทยด้วย”
บุษบา เปรมเจริญ แนะนำช่างผมไทยเสริมว่า ตลาดร้านเสริมสวยจะใหญ่ขึ้นแน่นอน ในขณะที่มุมมองการศึกษาของช่างผมไทยกลับแคบลง หลายคนคิดเพียงว่า ตื่นขึ้นมาทำงาน พอร้านปิดก็จบ แต่ต่อไปเราควรวิจัยตัวเองในแต่ละวันควบคู่ไปด้วย ทั้งวิจัยเส้นผม วิจัยโปรดักซ์ กล้าต่อรองกับโปรดักซ์ที่เขามานำเสนอ เพราะแน่นอนว่าหากเปิดการค้าเสรีจะต้องมีโปรดักซ์ใหม่ๆ มาให้เลือกเพิ่มขึ้นอีกเยอะ ดังนั้น จึงขอแนะนำให้ช่างผมเปิดใจ เปิดความคิดร่วมกันศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาธุรกิจของเราต่อไปค่ะ
ด้านอาจารย์ธนากร เชื้อวิวัฒน์ กล่าวเสริมว่า พวกเราจึงตั้งใจและมุ่งมั่นอยากสร้างมาตรฐานให้ร้านเสริมสวยไทยไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กให้มีมาตรฐานเดียวกัน มาร่วมเป็นสมาพันธ์ช่างผมด้วย โดยขณะนี้เราขอความร่วมมือจากช่างผมให้เข้าไปสอบมาตรฐานด้านวิชาชีพที่กรมฝีมือแรงงาน ซึ่งทางกรมพัฒนาฝีมือแรงงานก็ให้การอบรมทางด้านนี้อยู่แล้ว
นอกจากสาระความรู้แล้ว กิจกรรมครั้งนี้ ยังได้เหล่าช่างผมระดับแถวหน้ามาโชว์ลีลาสะบัดกรรไกร อวดทรงผมและสีผมในเทรนด์ล่าสุดอีกด้วย
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net