Celeb Online

เจิดจ้าด้วยสีชมพูดอกฟิวเชีย และกลิ่นหอมชวนเคลิ้ม ของ “YSL Mon Paris Eau de Parfum Intense”


อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้ กับรักอย่างที่ไม่เคยรักมาก่อน MON PARIS EAU DE PARFUM INTENSE

“มีสถานที่มากมายหลายแห่งในปารีสที่ฉันอาจได้เจอกับเธออีก และกอดช่อกุหลาบที่เธอให้ไว้แนบหัวใจของฉัน ช่อกุหลาบของเรางดงามที่สุด บางทีเธออาจเป็นเพียงข้ออ้างในการทำความฝันของตัวฉันเองให้กลายเป็นจริงก็เป็นได้ ความฝันที่จะมอบน้ำหอมให้กับปารีสสักกลิ่นหนึ่ง ปารีสที่น่าอัศจรรย์และทรงเกียรติ เสียงพลุและความโชติช่วงของดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าทำให้โลกใบนี้มีชีวิตชีวา ฉันเลือกที่จะตั้งชื่อน้ำหอมใหม่นี้ตามชื่อของเธอ เพราะไม่มีชื่อใดจะไพเราะเท่าชื่อนี้อีกแล้ว และเพราะฉันรักเธอ…ปารีสของฉัน” – อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ ปี 1983


เครื่องพิสูจน์ความรักที่อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์มีต่อปารีส
น้ำหอมอันเป็นมรดก

แคมเปญโฆษณาชุดใหม่นี้เป็นตอนที่ดูดดื่มที่สุดในเรื่องราวความรักที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนระหว่างอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ กับมหานครปารีส

จะมีใครอีกเล่านอกจากนักออกแบบเสื้อผ้าผู้เป็นสัญลักษณ์ตลอดกาลของความโก้หรูแบบปารีเซียงคนนี้ ที่หาญกล้าตั้งชื่อน้ำหอมของตัวเองตามชื่อเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสว่า PARIS ชื่อที่แสนโรแมนติกและทันสมัยสุดๆ นี่คือมหานครที่อ้าแขนต้อนรับอัจฉริยะหนุ่มขี้อายคนนี้ เมื่อครั้งที่เขาเดินทางจากบ้านเกิดในเมืองออราน ประเทศแอลจีเรีย เพื่อมาร่ำเรียนวิชาศิลปะ ในวัย 17 ปี มหานครแห่งนี้คือที่ซึ่งเขาเปิดห้องเสื้อชั้นสูงของตนเองในปี 1961 และมหานครแห่งนี้อีกเช่นกันที่ทำให้เขากลายเป็น “เจ้าชายน้อยแห่งวงการนักออกแบบอาภรณ์สตรี” ผู้ซึ่งชาวเมืองต่างคลั่งไคล้ ก่อนสถาปนาให้เขาเป็น “ราชาแห่งวงการแฟชั่น”…

ปารีส ถูกสื่อแทนด้วยหอไอเฟล (Eiffel Tower) ซึ่งมีรูปทรงเหมือนตัววาย (Y) กลับหัว ตัววายที่เป็นอักษรตัวแรกของชื่อ Yves

ปารีส นครหลวงแห่งความรัก ถูกกลั่นออกมาเป็นกุหลาบช่อหรูที่ทำให้ PARIS กลายเป็นน้ำหอมระดับตำนาน

น้ำหอม PARIS EAU DE PARFUM กลิ่นแรก (ซึ่งเปิดตัวในปี 1983) เป็นของขวัญที่อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ มอบแด่เมืองที่เขาเรียกขานอย่างอ่อนโยนและภาคภูมิใจว่า “ปารีสของฉัน” เพราะเมืองนี้ชนะใจเขา และเขาก็พิชิตหัวใจของเมืองนี้เช่นกัน ในที่สุด นักออกแบบเสื้อผ้าผู้นี้ก็สามารถพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเขารักมหานครแห่งความรักแห่งนี้มากเพียงใด ด้วยน้ำหอมที่เปิดศักราชใหม่ให้กับน้ำหอมสตรีกลิ่นนี้…

อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้ นำเสนอของขวัญแห่งความรักที่นักออกแบบเสื้อผ้าผู้นี้มอบให้กับปารีสในรูปแบบใหม่ ด้วยการเปิดตัว MON PARIS EAU DE PARFUM (ปี 2016) น้ำหอมซึ่งมาพร้อมส่วนผสมเอกชนิดใหม่ที่สร้างเอกลักษณ์ด้านกลิ่นที่ต่างไปจากเดิม นั่นคือ ดอกดาทูร่า (datura) ที่สวยสะกดใจและเป็นสัญลักษณ์ของความรักอย่างหลงใหลคลั่งไคล้ กลิ่นดอกดาทูร่าผสานกับกลิ่นหอมทันสมัยของพิมเสนต้น (patchouli) ซึ่งเป็นการตีความแนวกลิ่นชีเพรอ (chypre) แบบดั้งเดิมในแง่มุมใหม่ โดยพลิกโครงสร้างของแนวกลิ่นหอมอย่างสิ้นเชิง แล้วเผยแนวกลิ่นไวท์ชีเพรอ (white chypre) อันสุดแสนทันสมัยและไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งทั้งท้าทายและหอมสะกดใจ


L’AMOUR : เรื่องรักตลบอบอวลกลิ่นอายฝรั่งเศส
แคมเปญโฆษณาชุดใหม่

วันนี้ อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้ ภูมิใจนำเสนอ MON PARIS EAU DE PARFUM INTENSE การแสดงความรักต่อเมืองซึ่งเหล่ากวีและบรรดาคู่รักยกย่องให้เป็นมหานครแห่งรักในรูปแบบที่ร้อนแรงที่สุดเท่าที่เคยแสดงออกมา… เวอร์ชั่นใหม่ของ MON PARIS เจิดจ้าดั่งท้องฟ้าของปารีสยามอรุณรุ่ง ด้วยความหอมของกุหลาบช่อหรูที่โอบล้อมกลิ่นหอมสะกดใจของดอกดาทูร่าอันเป็นเอกลักษณ์ประจำน้ำหอม MON PARIS เอาไว้

สีใหม่ : สีดอกฟิวเชีย (fuchsia) สีชมพูอันเป็นสัญลักษณ์ของอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ ที่หรูหราและจัดจ้านกว่าสีชมพูเฉดไหนๆ ร้อนแรงดุจดัง “ลามูร์ ฟู” (l’amour fou) … รักที่ทำให้คลั่งไคล้เจียนบ้า

ทูตความหอมคนใหม่ : ที่จะมาเป็นตัวแทนความเก๋ที่ไม่ต้องพยายาม ซึ่งทำให้สาวปารีสมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

แคมเปญโฆษณาชุดใหม่ที่ชวนตื่นตาตื่นใจ: เปรียบเสมือนบทกวีอันซาบซึ้งที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อสดุดีปารีสและรักแรกพบที่ทำให้หลงใหลคลั่งไคล้ ความรักที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ เย้ายวนป่วนใจ ปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระจากพันธนาการทั้งปวง ท่วมท้นล้นเหลือ หมิ่นเหม่และล่อแหลม คือความรักแบบที่จะเกิดขึ้นในปารีสเท่านั้น ความรักที่ทำให้ทุกอย่างกลับหัวกลับหาง ฉีกทุกกฎ และทำให้คุณตะโกนลงมาจากยอดหอไอเฟลว่า “ฉันรักเธอ!”…พลังแห่งหอไอเฟล


ยกย่อง “รักเจียนบ้า”
คู่รักคู่ใหม่ที่จะมาเป็นตัวแทนของ MON PARIS

ตื่นตาตื่นใจ ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา และน่าประทับใจ… แคมเปญโฆษณาน้ำหอม MON PARIS กลิ่นใหม่ กำกับโดยริคกี้ ไซส์ (Ricky Saiz) บรรลุจุดสูงสุดใหม่ในการยกย่องความรักที่ทำให้คลั่งไคล้เจียนบ้า ความรักแบบที่จะพบได้ในปารีสเท่านั้น ความรักที่เกิดขึ้นฉับพลัน เช่นเดียวกับเรื่องรักหลายๆ เรื่องในตำนาน… ความรักอันเกิดจากรอยกลิ่นที่หอมดึงดูดใจอย่างแรงของ MON PARIS EAU DE PARFUM INTENSE

ฉากในท้องเรื่องยังคงเป็นปารีส ทว่าคู่รักเป็นหนุ่มสาวคู่ใหม่ นางแบบสาว เกรซ ฮาร์ตเซล (Grace Hartzel) เป็นตัวแทนแบบฉบับของหญิงสาวชาวปารีส ผู้ใช้ชีวิตแตกต่างไปจากแบบแผนของสังคม เก่งกล้า และดูโก้หรูโดยไม่จำเป็นต้องพยายาม หญิงสาวผู้เต็มที่กับการใช้ชีวิต ทุ่มเทให้กับความรักอย่างสุดตัว และยินดีที่จะหลงใหลคลั่งไคล้อย่างสุดจิตสุดใจ ไม่แปลกเลยที่ชายคนรักซึ่งแสดงโดยแมทธิว เบล (Matthew Bell) นายแบบหนุ่มชาวลิเวอร์พูลผู้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเท่ จะตกหลุมรักทันทีที่เห็นนางเอกของเราขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่ริมแม่น้ำแซน สาวปารีเซียนคนนี้คือ รักแรกพบ

ในโมงยามอันเจิดจ้าแห่งรุ่งอรุณ เมื่อท้องฟ้าของปารีสเปลี่ยนเป็นสีชมพู น้ำหอม MON PARIS EAU DE PARFUM INTENSE ถูกฉีดพรมลงบนลำคอของเธอ… เธอวิ่งหนี ส่งสายตายั่วยวน ท้าทายให้เขาตามเธอไป เขาวิ่งพล่านไปทั่วเมือง ตามรอยกลิ่นน้ำหอมของเธอไปอย่างคลั่งไคล้ใหลหลง เพราะความรักนั้นทรงอำนาจแรงกล้าเสียจนทำให้เรากล้าทำสิ่งที่บ้าบอและอันตรายที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปารีส

เราสัมผัสได้ถึงความรวดเร็วและพลังของการวิ่งไล่ตามนี้ เธอมองลงมา ความงามของเธอเอิบอาบด้วยแสงอรุโณทัย…

เพราะที่นี่คือปารีส และเพราะนี่เป็นน้ำหอมของอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ ในที่สุดคู่รักคู่นี้ก็มาพบกันบนหอไอเฟล อันเป็นสัญลักษณ์ของ MON PARIS จุดสุดยอดแห่งความรัก เขาโน้มตัวเข้าไปสูดกลิ่นน้ำหอมที่หลังคอของเธอ และเธอหันมาจูบเขาอย่างดูดดื่ม

พร้อมกับภาพการจุมพิตอันดูดดื่มของทั้งคู่บนยอดหอไอเฟล เราได้ยินเสียงร้องรำพันเพลง “La Bohème” ของชาร์ลส์ อัสนาวูร์ (Charles Aznavour) ดังลอยมา บทเพลงอันเป็นตำนานของความรักอันเร่าร้อนในปารีสถูกนำมารีมาสเตอร์และรีมิกซ์ใหม่เป็นครั้งแรกเพื่ออีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ โบเต้โดยเฉพาะ คู่รักคู่นี้บรรลุจุดสุดยอดแห่งลามูร์ ฟู ห้วงรักที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มราวกับโลกหมุนคว้าง… เมื่อนางเอกของเราแก้ผ้าผูกคอ (lavallière) ของเธอออกแล้วปล่อยให้ปลิวไปตามสายลมของปารีส เธอมอบความรักของเธอ ไม่ใช่ให้แก่เขา แต่มอบให้กับปารีส และ MON PARIS EAU DE PARFUM INTENSE


ความเจิดจ้าของสีชมพูดอกฟิวเชีย

คุณมีวิธีบอกรักอย่างไร? ปกติแล้วคนทั่วไปย่อมบอกรักด้วยดอกกุหลาบ น้ำหอมกลิ่นใหม่นี้เปล่งประกายแห่งความหลงใหลในสีชมพูฮอตพิงก์ที่เข้มแต่ไม่คล้ำ แสดงให้เห็นจุดเด่นของสารหอมล้ำค่าจากกุหลาบเซนติโฟเลีย (Rosa Centifolia) ที่เปลี่ยนสีขาวของดอกดาทูร่า (datura) ในน้ำหอม MON PARIS ให้กลายเป็นสีชมพูดอกฟิวเชีย

เกี่ยวกับการคิดค้นกลิ่นหอมใหม่ :

“เราต้องการทำให้แนวกลิ่นไวท์ชีเพร่ (white chypre) อันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำหอม MON PARIS มีมิติมากขึ้น ด้วยการผสมผสานกลิ่นหอมจับใจของดอกดาทูร่าเข้ากับกลิ่นหอมหรูหราของดอกกุหลาบ เราเล่นกับความเข้มข้นแต่ให้ความรู้สึกสบาย เพื่อสร้างเสน่ห์ดึงดูดใจขั้นสุด กลิ่นหอมใหม่นี้เป็นเรื่องราวความรักที่อวลกลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศส นั่นคือเสน่ห์อันเจิดจรัสของความเก๋เยี่ยงสาวปารีเซียง!” — โอลิวิเยร์ เครสพ์ (Olivier Cresp) ดอร่า บากริช (Dora Baghriche) และอาร์รี เฟรมงต์ (Harry Frémont) จาก Firmenich

ในกลิ่นแรก ผลไม้เลิศรสทำหน้าที่เบิกโรงก่อนที่ดอกไม้แห่งความรักอันเป็นตัวละครเอกจะปรากฏกาย กลิ่นหอมแหลมของแคร็มเดอกาซี (crème de cassis) ผสานกับความหอมน่าตื่นใจของกลิ่นราสป์เบอร์รี (raspberry accord) น้ำหวานจากผลไม้ทั้งสองชนิดแต่งแต้มสีชมพูเข้มให้กับน้ำหอมนี้ กลิ่นหอมของแคร็มเดอกาซีและราสพ์เบอรี่ซึ่งตรงกับกลิ่นตามธรรมชาติอย่างน่าทึ่งได้มาโดยการใช้เทคนิค NaturePrint® อันล้ำสมัยในการเก็บเกี่ยวกลิ่นหอมที่ผลไม้ปล่อยออกมา


การเก็บเกี่ยวกลิ่นหอมของดอกดาทูร่า :

“เราเลือกใช้ดอกดาทูร่าเป็นส่วนผสมเอกในการปรุงน้ำหอม MON PARIS กลิ่นดั้งเดิม เพราะดอกไม้ชนิดนี้มีกลีบดอกที่คว่ำลง ซึ่งเรามองว่าสื่อแทนความรู้สึกราวกับโลกหมุนกลับหัวยามอยู่ในห้วงรักได้เป็นอย่างดี ดอกดาทูร่ามีกลิ่นหอมอบอุ่นและสดใสเหมือนแสงตะวัน แฝงด้วยกลิ่นอายของใบไม้สดและอัลมอนด์ แต่ตัวดอกเองไม่ได้ให้สารหอมโดยตรง ขณะที่ดอกไม่นี้โชยกลิ่นหอมหวานอันทรงพลังในตอนกลางคืน เราเก็บเกี่ยวความหอมนั้นโดยใช้วิธีพิเศษที่เรียกว่า NaturePrint™ ซึ่งเสมือนการถ่ายภาพสแน็ปช็อตของกลิ่นหอมในธรรมชาติเอาไว้เพื่อนำมาจำลองขึ้นใหม่” — โอลิวิเยร์ เครสพ์, ดอร่า บากริช และอาร์รี เฟรมงต์ จาก Firmenich

เมื่อน้ำหอม MON PARIS EAU DE PARFUM INTENSE คลี่กลีบเบ่งบาน ความสดใสของสีชมพูดอกฟิวเชียอันหรูหราก็เจิดจ้ายิ่งขึ้น ทำให้กลิ่นหอมโดยรวมมีชีวิตชีวา ดอกโบตั๋นขาว (white peony) กลายเป็นสีชมพูระเรื่อ ดอกดาทูร่าที่ผลิบานในตอนกลางคืนเปลี่ยนเป็นสีชมพู เมื่อโอบล้อมกลิ่นกลางของน้ำหอมนี้ไว้ กลิ่นกลางซึ่งเปรียบประดุจดอกไม้ช่อใหญ่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวนรัญจวนใจด้วยสารหอมจากกุหลาบสองสายพันธุ์ อันได้แก่ กุหลาบพันธุ์โรซา เซนติโฟเลีย (Rosa Centifolia) และกุหลาบพันธุ์โรซา ดามัสซีนา (Rosa damascena) ที่ล้ำค่าดั่งของขวัญแห่งความรัก…

เกี่ยวกับคุณลักษณะของดอกกุหลาบ : “กลิ่นหอมของกุหลาบทั้งสองสายพันธุ์เติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างลงตัว โดยแง่มุมที่สดชื่นและชุ่มฉ่ำของกุหลาบพันธุ์เซนติโฟเลียช่วยชูกลิ่นของกุหลาบพันธุ์ดามัสซีนาจากบัลแกเรียให้แสดงความหอมออกมากขึ้นและหอมสดใสมีชีวิตชีวายิ่งกว่าเดิม ขณะเดียวกัน โทนกลิ่นแบบใบยาสูบ เครื่องเทศ และน้ำผึ้งของกุหลาบพันธุ์ดามัสซีนาก็ทำให้กุหลาบพันธุ์เซนติโฟเลียมีกลิ่นหอมที่นุ่มนวล อบอุ่น และเย้ายวนยิ่งขึ้น” — โอลิวิเยร์ เครสพ์, ดอร่า บากริช และอาร์รี เฟรมงต์ จาก Firmenich

พิมเสนใบ (patchouli) ซึ่งมีลำต้นเรียวยาวและตั้งตรงดั่งหอไอเฟลที่ขับเน้นเส้นขอบฟ้าของมหานครปารีส กำจายกลิ่นไปทั่วน้ำหอมนี้ ทำหน้าที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวกลิ่นกลางจากดอกไม้ที่อบอวลอยู่โดยรอบ ชูเอกลักษณ์ในแนวกลิ่นชีเพร่อันโก้หรูของพิมเสนใบให้เด่นชัดยิ่งขึ้นด้วยแคชมีแรน (Cashmeran) กลิ่นหอมโปร่งบางทว่าอบอุ่นในแบบไม้หอมและมัสก์ ที่เย้ายวนใจราวกับจุมพิตบนผิวเปลือยเปล่า

กลิ่นไวท์มัสก์ (white musk) อันละมุนละไมห่อหุ้มกลิ่นน้ำหอมนี้ไว้ราวกับหมู่เมฆต้องแสงตะวันในยามรุ่งสาง ชวนให้นึกถึงความเปล่งประกายสีชมพูดอกฟิวเซียของ MON PARIS EAU DE PARFUM INTENSE…

ความรักที่ทำให้โลกหมุนติ้วทิ้งรอยกลิ่นหอมชวนเคลิบเคลิ้มราวกับโลกหมุนกลับหัวเอาไว้ นี่แหละความรัก นี่แหละ MON PARIS EAU DE PARFUM INTENSE


ขวดน้ำหอม : ทำให้สีชมพูอันเป็นเอกลักษณ์ของอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ ดูเร่าร้อนยิ่งขึ้น

ขวดแก้วหลายเหลี่ยมมุมอันเป็นสัญลักษณ์ของน้ำหอม MON PARIS ที่กาธรีน กรูนาส์ (Catherine Krunas) ออกแบบขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่ออีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ มีสีสันที่จัดจ้านกว่าที่เคย

กาธริน กรูนาส์ นำแรงบันดาลใจจากภาพสเก็ตช์ ลาวัลลิแยร์ (lavallière) หรือผ้าที่ผูกเป็นโบว์อยู่ด้านหน้าของคอเสื้อ ในแฟ้มข้อมูลของอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ มาดัดแปลงให้เป็นสองชั้นและมีขนาดใหญ่ขึ้น แล้วพลิกกลับหัว ลาวัลลิแยร์สองชั้นที่สะดุดตานี้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของความรักยุคใหม่ในช่วงเวลาที่ความหลงใหลในกันและกันพุ่งสูงถึงขีดสุด

ริบบิ้นผ้าไหมซึ่งผูกรอบคอขวดและหุ้มทับด้วยความลึกลับของผ้าออแกนซ่าสีดำโปร่งใส เป็นริบบิ้นสีชมพูในเฉดที่เข้มที่สุดเช่นเดียวกับสีของน้ำหอม…สีของความรักอย่างไม่ลืมหูลืมตา สีที่ไม่มีผู้ใดจะเป็นเจ้าของได้ดีไปกว่า อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์อีกแล้ว

เพื่อสื่อถึงความเข้มข้นขั้นสุดของกลิ่นหอมใหม่นี้ ผ้าผูกคอขวดซึ่งทำจากผ้าไหมเนื้อนุ่มของ MON PARIS EAU DE PARFUM INTENSE จึงมีสีที่สดใสเจิดจ้ากว่าน้ำหอม MON PARIS เวอร์ชั่นก่อนๆ แต่ยังคงหุ้มด้วยผ้าออร์แกนซาสีดำ (อีกหนึ่งสีอันเป็นสัญลักษณ์ของอีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ ซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่เสมอในส่วนที่โปร่งแสงของอาภรณ์ชั้นสูงของแบรนด์ห้องเสื้อนี้) และเพื่อสะท้อนถึงความเข้มข้นของสารหอมจากดอกกุหลาบในน้ำหอมนี้ ขวดน้ำหอมจึงได้รับการตกแต่งด้วยสีชมพูอมม่วงดอกฟิวเชีย โดยไล่ระดับความเข้มจากบริเวณคอและไหล่ของขวดลงไปยังฐานขวด

สายหนังผูกคอขวดสองเส้นกับปลอกโลหะสีทองประดับตราสัญลักษณ์อักษรย่อ YSL ซึ่งออกแบบโดย กาสซองเดรอ (Cassandre) เพิ่มกลิ่นอายความเท่สไตล์ร็อคอันเป็นแบบฉบับของสาวปารีเซียงร่วมสมัย แก้โบออกแล้วปลดปล่อยกลิ่นหอมแห่งความรักให้ขจรขจาย…

รักอย่างที่ไม่เคยรักมาก่อน ขนาด 30 มล. ราคา 3,000 บาท, ขนาด 50 มล. ราคา 4,700 บาท, ขนาด 90 มล. ราคา 6,000 บาท