>>เข้าหน้าร้อนอุณหภูมิและความแรงของแสงแดดก็เพิ่มขึ้นแบบฉุดไม่อยู่ แค่ก้าวเท้าออกจากบ้านไปทำงาน ชอปปิ้ง หรือลงมารับประทานข้าวกลางวัน ไม่เว้นแม้ตอนนั่งทำงานในออฟฟิศก็มีโอกาสโดนแสงแดดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่แสงแดดมีความเข้มข้น ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเป็นประจำจึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการปกป้องผิว
แต่เชื่อหรือไม่ว่าผลการวิจัยของศูนย์วิจัยกสิกรไทย เมื่อเดือนมีนาคม 2557 พบตัวเลขที่น่าตกใจว่าจากจำนวนผู้หญิงวัยทำงานในประเทศไทยประมาณ 15-17 ล้านคน มีผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเป็นประจำเพียง 5% เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ วาสลีน เฮลธี้ ไวท์ เอสพีเอฟ 30 พีเอ++ เซรัม จึงได้เชิญพญ.ปิยอร หัสดินทร ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากโรงพยาบาลผิวหนังอโศก มาให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลผิวพรรณตลอดซัมเมอร์
พญ.ปิยอร หัสดินทร ณ อยุธยา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และแพทย์หลวงประจำกองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ให้คำแนะนำว่า “ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนแสงของดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับพื้นโลกในเวลาเที่ยงวันทั้งยังมีความเข้มข้นสูงกว่าในฤดูอื่น ทำให้ประเทศไทยได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์อย่างเต็มที่ โดยผู้หญิง 95% ที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเป็นประจำ มีความเสี่ยงในการโดนรังสียูวีเอและยูวีบีทำอันตรายต่อผิว โดยรังสียูวีเอ ที่มีความยาวคลื่นถึง 320-400 นาโนมิเตอร์ สามารถทะลุถึงชั้นผิวหนังแท้และก่อให้เกิดอนุมูลอิสระที่จะทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัยและผิวคล้ำ ขณะที่รังสียูวีบีแม้ความยาวคลื่นจะสั้นกว่าคือ 290-300 นาโนมิเตอร์ ไม่สามารถทะลุสู่ผิวหนังชั้นลึกได้เท่ารังสียูวีเอ แต่ก็มีผลทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบร้อน แดง และไหม้เกรียมได้”
พญ.ปิยอร กล่าวต่อว่า “เหตุผลที่ผู้หญิงไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแดด เนื่องจากรู้สึกว่าทาแล้วเหนียวเหนอะหนะ ซึ่งการโดนแสงแดดเป็นระยะเวลานานๆ นอกจากจะทำร้ายผิวให้คล้ำไม่กระจ่างใสตามวัยและดูแห้งกร้านแล้ว ก็ยังเสี่ยงต่อการเกิดผิวหนังอักเสบ คัน แสบ และผื่นแดงเป็นรูปผีเสื้อ เกิดตุ่มใส และสิวอักเสบ ถ้าหากถูกแดดซ้ำบริเวณเดิมอาจทำให้เกิดอาการปวดแสบ บวมแดงพุพองเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณเตือนของการเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง และผิวหนังเสื่อมในระยะยาวได้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ให้เร็วที่สุด แต่รังสียูวีในแสงแดดก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสีย จริงๆ แล้วยังมีประโยชน์ ถ้ารับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าช่วง 06.00-08.00 น. และช่วงเย็นตั้งแต่ 16.00-18.00 น. ก็จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตวิตามินดี ซึ่งมีส่วนช่วยให้กระดูกแข็งแรงอีกด้วย”
โดย พญ.ปิยอร ได้แชร์เคล็ดลับการเลือกผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดเพื่อดูแลผิวพรรณในช่วงซัมเมอร์ไว้ดังนี้
1.เลือกค่า SPF ที่เหมาะกับสภาพผิวและพฤติกรรมการโดนแดด โดยมีความเชื่อที่ผิดว่าค่า SPF
ยิ่งสูงจะปกป้องได้ดีและนานกว่า ซึ่งที่จริงแล้ว SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปให้ประสิทธิภาพในการปกป้องแสงแดดไม่ค่อยแตกต่างกัน โดยผลิตภัณฑ์ที่มี SPF 15 สามารถดูดซับรังสี UVB จากผิวได้ 93% SPF 30 ดูดซับรังสี UVB จากผิวได้ 97% ในขณะที่ SPF มากกว่า 50 ดูดซับรังสี UVB จากผิวได้ 98% (มากกว่า SPF 30 แค่ 1%) นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF มากกว่า 30 อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวได้ด้วย
2.ต้องปกป้องได้ทั้งรังสียูวีเอและยูวีบี คือนอกจากจะดูค่า SPF ที่ป้องกัน UVB แล้ว ยังควรดูว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีค่า PA (Protection Grade of UVA) ที่ป้องกันรังสียูวีเอด้วยหรือเปล่า ซึ่งค่า PA มีด้วยกัน 3 ระดับ ได้แก่ PA+ PA++ และPA+++ ซึ่งคุณหมอแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า PA++ เพราะเป็นค่าปกป้องรังสียูวีเอที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับสภาพแสงแดดในการใช้ชีวิตประจำวัน
3.ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดอย่างถูกวิธีและเป็นประจำทุกวัน จะช่วยป้องกันรังสียูวีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยทาเซรัมหรือโลชั่นในปริมาณ 35 มิลลิลิตร และควรทา 15 – 30 นาที ก่อนออกแดดหรือแม้ทำกิจกรรมในร่มทั้งนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ หรือหลอดไฟนีออนซึ่งเป็นแหล่งการเกิดรังสียูวี ซึ่งเราสามารถคำนวณความถี่ที่เหมาะสมในการทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดได้เองจากค่า SPF โดยคำนวณจากความสามารถในการทนแสงแดด ซึ่งปกติจะทนได้ประมาณ 30 นาที แล้วนำค่า SPF มาคูณด้วย 30 ผลลัพธ์ที่ได้จะหมายถึงจำนวนนาทีที่ปกป้องผิวของสาวๆ จากรังสียูวี ซึ่งถ้าหมดเวลาแล้วก็ควรทาซ้ำ
4.หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนานเป็นเวลานาน โดยไม่มีตัวช่วยอย่างผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด อาจทำให้ผิวไหม้แดดและอาจส่งผลให้เกิดภาวะร่างกายขาดน้ำและหมดสติได้
5.ทำความสะอาดร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับการอาบน้ำเพราะหน้าร้อนทำให้ร่างกายมีเหงื่อสะสมอันก่อให้เกิดโรคผิวหนัง และที่สำคัญขาดไม่ได้ก็คือการบำรุงผิวด้วยเซรัมบำรุงผิวหลังอาบน้ำ ซึ่งจะให้ดีควรเลือกที่มีส่วนผสมของสารกันแดดเพราะเนื้อบางเบา ซึมสู่ผิวได้ง่าย เหมาะสำหรับหน้าร้อน นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 6 – 8 แก้ว เพื่อชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปด้วย :: Text by FLASH