“พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์” ทรงออกแบบคอลเลคชั่นประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2019 ที่มีชื่อว่า Abode of Metamorphosis ภายใต้แบรนด์ “SIRIVANNAVARI” ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างเสื้อผ้าที่ดูเฟมินีน งานปักชั้นครู ไปจนถึงลายกราฟฟิกทรงออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงมีรับสั่งถึงคอลเลคชั่นล่าสุดว่า “เรื่องราวในครั้งนี้ เป็นการเดินทางไปสู่โลกใหม่ที่มีชื่อว่า NARAVANNA โดยโลกใบนี้คือโลกแห่งสันติ โลกแห่งความสุขที่อยู่ในจักรวาลที่ไกลโพ้น ปราศจากร่องรอยแห่งอารยธรรมดั้งเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นผลแห่งการกลายพันธุ์ของโลกเก่าทั้งสิ้น สภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตแปลกใหม่ในโลกแห่งนี้ล้วนแล้วคือแรงบันดาลใจที่ข้าพเจ้าได้ถ่ายทอดออกมาเป็นรายละเอียดของคอลเลคชั่นล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของแผงวงจรปัญญาประดิษฐ์และกลเฟืองที่แฝงอยู่ในต้นไม้หรือสัตว์ป่า งานหัตถศิลป์แบบชนเผ่าแอฟริกัน ไปจนถึงอารยธรรมใหม่ในโลกอนาคต”
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงมีรับสั่งต่อว่า “สำหรับคอลเลคชั่นนี้ โครงสร้างของเสื้อมีความซับซ้อนมาก โดดเด่นมากด้วยโครงเสื้อแบบ Deconstructive (โครงเสื้อที่ไม่ใช่ตามแบบแผนเดิมๆ) และ Asymmetrical (โครงเสื้อแบบไม่สมมาตร) โดยได้นำมาผสมกับเทคนิคการตัดเย็บ แพทเทิร์นและรายละเอียดอันหลากหลายเข้าไปอีกเพื่อความแปลกใหม่และความเท่ให้แก่คอลเลคชั่น อาทิ การตัดเย็บด้วยผ้าพลีต 3 มิติจากเวิร์คช็อป Gérard Lognon (เจราร์ โลนญง) ในกรุงปารีส เทคนิคการเย็บแบบลาย Quilt (ลายข้าวหลามตัด) รวมไปถึงการนำเอางานศิลปะแบบแอฟริกันชนเผ่ามาไซ มาร่า (Maasai Mara) มาผสมผสานกับงานปักจากช่างฝีมือชั้นเลิศของแบรนด์ SIRIVANNAVARI เอง”
สำหรับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าทรงออกแบบประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2019 ประกอบด้วยจำนวนเสื้อผ้าทั้งสิ้น 67 ลุค แบ่งเป็นเสื้อผ้าสุภาพสตรี 59 ลุค และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ 8 ลุค สำหรับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าสุภาพสตรีมีความโดดเด่นที่หลากหลาย ตั้งแต่ชุดกระโปรงผ้าทวีตรูเล็กซ์สีเงินที่เข้าคู่กับเสื้อโบเรโล่ (Bolero Jacket) แล้วออกมาเป็นรูปทรงของเสื้อโค้ตพาร์ก้า (Parka Coat) ชุดเดรสยาวคัทเอ้าท์ช่วงลำตัว (Cut-out midriff dress) ผ้าไหมแก้วที่ชายกระโปรงพลิ้วไหวด้วยผ้าไหมชีฟองลายกราฟิกประจำซีซั่น ชุดทวีตเพ็พลั่มเดรส ที่สอดแทรกชายกระโปรงด้วยผ้าตารางเมทาลิกเงิน (Quilted Metallic Peplum Dress) ที่สะท้อนเรื่องราวของโลกแห่งอนาคต หรือจะเป็นเสื้อผ้าไหมบุหงา (Silk Tulle) ที่หรูหราด้วยขนนกที่ปักซ้อนบนเลื่อมและลูกปัดที่ปักเป็นลายม้าลาย ที่เข้าคู่กับกางเกงยีนส์ไบเกอร์ ไปจนถึงชุดราตรีคอร์เซ็ตสีขาว (Corset) ที่โดดเด่นด้วยชายกระโปรงพู่ผ้าไหมสีแดงเบอร์กันดีกรุยกรายและปักซ้อนด้วยพู่ลูกปัดแบบแอฟริกัน
สิ่งพิเศษที่เห็นได้อย่างชัดเจนในคอลเลคชั่นนี้ก็คือ งานปักจากช่างฝีมือชั้นครู จาก SIRIVANNAVARI Atelier and Academy โดยซีซั่นนี้ ได้นำเสนองานปักหลายรูปแบบบนเสื้อผ้าหลากสไตล์ อาทิ ขนนก คริสตัล มุก ไปจนถึงงานฝีมือประจำซีซั่นอย่างงานถักร้อยและปักลูกปัดแบบแอฟริกัน
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ก็คือลายพิมพ์ภาพกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ ซึ่งลายพิมพ์ภาพกราฟฟิกทรงออกแบบประจำซีซั่นนี้ องค์ดีไซเนอร์ได้ทรงออกแบบลายพิมพ์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ NARAVANNA ดังนั้นภาพกราฟฟิกฝีพระหัตถ์จะเป็นการผสมผสานรายละเอียดของโลกใบใหม่ ซึ่งมีทั้ง สัตว์กลายพันธุ์ (Mutant) และพืชพรรณหรือสัตว์ป่าที่แฝงไว้ด้วยลวดลายของแผงวงจรและกลเฟืองของปัญญาประดิษฐ์ โดยลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์นี้ ได้ปรากฎให้เห็นอยู่ในทั้งคอลเลคชั่นตั้งแต่ เสื้อผ้าและกระเป๋าของสุภาพสตรี เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าของสุภาพบุรุษ ไปจนถึงคอลเลคชั่นผ้าพันคอซึ่งมี 2 ขนาด คือผ้าพันหูกระเป๋า และผ้าคลุมไหล่ (120 ซม. X 120 ซม.)
นอกจากนี้ คอลเลคชั่นล่าสุดยังนำเสนอคอลเลคชั่นเครื่องประดับที่ดูวิจิตรตระการตาภายใต้ธีมของคอลเลคชั่นเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน โดยในซีซั่นนี้ มีทั้งไฟน์จิวเวลรี่ (Fine Jewellery) และแฟชั่นจิวเวลรี่ (Fashion Jewellery) ในส่วนของไฟน์จิวเวลรี่ของสุภาพสตรีนั้น มีให้เลือกสรรทั้ง แหวน ต่างหู และสร้อยคอ โดยนำเอาสัญลักษณ์ประจำแบรนด์อย่างตัวอักษร S และรูปนกยูง มาทำให้ดูโก้หรูด้วยการขึ้นตัวเรือนทองชมพู 18K (18K Rose Gold) ประดับเปลือกมุก ไข่มุก หินลาพิสลาซูลีสีน้ำเงิน (Lapis Lazuli) และหินมาลาไคท์สีเขียว (Malachite) ไฮไลท์อยู่ที่โชคเกอร์ทองชมพูรูปนกยูงและช่อขนนกยูง ในขณะที่คอลเลคชั่นแฟชั่น จิวเวลรี่นั้น ดูโมเดิร์นด้วยการขึ้นตัวเรือนด้วยทองเหลืองชุบโรเดียมและทอง 14K แล้วนำมาตกแต่งด้วยวัสดุหลากหลาย เพื่อให้เข้ากับธีมหลักของคอลเลคชั่น อาทิ คริสตัลจากสวารอฟสกี้ (Swarovski) ขนนก และลูกปัดเคนย่าจากโรงงานคาซูรี (Kazuri) อาทิ แหวนประดับลูกปัดแอฟริกัน กำไลประดับคริสตัลให้เป็นหน้าเสือ ต่างหูประดับขนนก ไปจนถึงเทียร่าเงินประดับคริสตัล
สำหรับคอลเลคชั่นเครื่องหนังในซีซั่นนี้ มีความโดดเด่นที่เทคนิคการตัดเย็บหนังชั้นเยี่ยมจากอิตาลีที่มีความละเอียดอ่อน รวมไปถึงรายละเอียดการตกแต่งที่อยู่ภายใต้ธีมของคอลเลคชั่นเสื้อผ้า ดังเห็นได้จากกระเป๋าทรงกระบอกที่ตกแต่งด้วยหนังงูไพธอน พู่หนังและจี้ชาร์ม (Charm) รูปสัตว์และสัญลักษณ์ S ล้อมรอบ หรือจะเป็นกระเป๋าลายม้าลายที่ตกแต่งด้วยขนนกและจี้ชาร์มทั่วทั้งใบ ไปจนถึงกระเป๋าถือที่ตัดเย็บด้วยผ้าพิมพ์ลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ประจำซีซั่นและปักทับด้วยป้ายลายนกยูงของแบรนด์ ในขณะที่คอลเลคชั่นรองเท้าก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งรองเท้าส้นสูงสองโทนสีแบบสลิงแบค (Sling back shoes) ที่ดูเรียบร้อยโก้หรูด้วยการเอาหนังวัวและหนังงูไพธอนมาผสมกัน หรือรองเท้าที่เผยให้เห็นเรียวเท้าของผู้สวมใส่ให้ดูเซ็กซี่ ที่ตัดเย็บด้วยหนังวัวอิตาเลียน หนังพิมพ์ลายเสือ ตกแต่งด้วย คริสตัล พู่ไหม และโลหะทอง โดยส้นรองเท้าดูเก๋ด้วยโลหะลายกลเฟือง หรือรองเท้าแตะที่สวมใส่สบายที่ตกแต่งด้วยขนนกและลูกปัดแบบแอฟริกัน
เพื่อความสมบูรณ์ของคอลเลคชั่น องค์ดีไซเนอร์ทรงออกแบบคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำซึ่งทำให้ผู้สวมใส่เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยโครงสร้างแบบคัตเอาท์ (Cut Out) อวดเรือนร่างของหญิงสาว อีกทั้งยังมีเสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อไลฟ์สไตล์ที่โก้หรูสำหรับสุภาพสตรี นอกจากนี้ คอลเลคชั่นนี้ยังมีเสื้อผ้าสไตล์แอ็คทีฟแวร์ (Active wear) สำหรับสาวๆ ที่รักการออกกำลังกาย เป็นครั้งแรกอีกด้วย
สำหรับคอลเลคชั่นสุภาพบุรุษภายใต้แบรนด์ S’Homme (เอส ออม)นั้น มีความโก้หรูสไตล์ แมสคิวลีน (Masculine) ของโลกแห่ง NARAVANNA อย่างชัดเจน ดังเห็นได้จากเสื้อเทรนช์โค้ตสีเบจประดับฮู้ดที่ประดับตราสัญลักษณ์ของแบรนด์บนแขนเสื้อ เสื้อแจ็คเก็ตซาฟารีสีเหลืองที่ตกแต่งกระเป๋าเสื้อทั้งสี่ด้วยแถบสีแบบแอฟริกันที่เข้าคู่กับกางเกงคร็อปสีน้ำเงิน ไปจนถึงชุดสูทกระดุมสองเม็ดสีเสจกรีน (Sage Green) สำหรับเสื้อเชิ้ตในซีซั่นนี้ เอกลักษณ์สำคัญคือการตกแต่งสาบเสื้อด้วยแถบสีแบบแอฟริกัน ส่วนทรงของกางเกงมีความโมเดิร์นมากด้วยทรงกางเกงแบบคร็อปท์ (Cropped Pants) ในขณะที่คอลเลคชั่นรองเท้าก็นำเสนอทั้งรองเท้าหนังกลับผูกเชือก รองเท้าโลเฟอร์ (Loafer) ตัดเย็บจากผ้าพิมพ์ลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ประจำซีซั่น และรองเท้าแตะที่ตกแต่งด้วยลูกปัดสไตล์แอฟริกัน ส่วนคอลเลคชั่นกระเป๋านำเสนอกระเป๋าหลากสไตล์ทั้งกระเป๋าคาดเอวหนังกลับสีคาเมล กระเป๋าคลัทช์ผ้าลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ประดับสัญลักษณ์ S ของแบรนด์ และกระเป๋าดัฟเฟิล (Duffle Bag) ที่ตัดเย็บจากผ้าลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์และตกแต่งด้วยหนังวัวธรรมชาติ นอกจากนี้แล้ว คอลเลคชั่นล่าสุด ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างครบครัน ตั้งแต่ไฟน์จิวเวลรี่ อย่างแหวน ที่ตัวเรือนทำจากทองคำขาว ประดับเปลือกมุก หินลาพิสลาซูลีสีน้ำเงิน และหินมาลาไคท์สีเขียว แฟชั่นจิวเวลรี่ อาทิ สร้อยหนังประดับจี้ และเข็มกลัดประดับเสื้อสูท (Pin suit) รูปหัวเสือและสัญลักษณ์ตัว S ไปจนถึงเนคไท เสื้อคลุมอาบน้ำและกางเกงว่ายน้ำลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ประจำฤดูกาล ซึ่งนับได้ว่าเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่ได้นำเสนอคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำชาย
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงมีรับสั่งเพิ่มเติมว่า “ในฐานะของผู้ประพันธ์เพลง ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ และองค์อุปถัมภ์ของมูลนิธิวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ หรือ RBSO (Royal Bangkok Symphony Orchestra) ข้าพเจ้าได้ประพันธ์เพลงใหม่ 5 ท่อน เพื่อให้วง RBSO บรรเลงประกอบแฟชั่นโชว์ ได้แก่ 1) Vanishing Inhabitation 2) Fragmentary Time 3) Abode of Metamorphosis 4) AI/Memorandum 5) Tribal Transcendence โดยข้าพเจ้าเริ่มต้นการแต่งทำนองจากการเล่นเครื่องมาริมบา (Marimba) ที่มีวิวัฒนาการมาจากแถบแอฟริกา จนได้แนวทางและทำนองหลัก แล้วข้าพเจ้าก็นำเอากลุ่มเครื่องดนตรีประเภท Rhythm Section เช่น เบส กีต้าร์ กลอง และเครื่องซินธิไซเซอร์ และกลุ่มเครื่องดนตรีคลาสสิคอย่าง เครื่องเป่าและเครื่องสาย เข้ามาผสมผสานให้มีความกลมกล่อมขึ้น นอกจากนี้ ข้าพเจ้ายังได้ออกแบบเครื่องดนตรีชิ้นใหม่ขึ้นมาชื่อว่าเครื่องรีฟอร์ม (Reform) ที่เป็นเครื่องดนตรีที่ให้เสียงแบบเพอร์คัชชั่น ซึ่งข้าพเจ้าได้นำเอาวงล้อมาประกอบกับเครื่องตีต่างๆ เพื่อให้เสียงของเครื่องตีมีความกลมกลืนมากขึ้น”
พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงมีรับสั่งปิดท้ายว่า “เพื่อทำเพลงให้น่าสนใจมากขึ้นสำหรับแฟชั่นโชว์และให้มีความล้ำยุคสอดคล้องกับคอลเลคชั่นเสื้อผ้า ข้าพเจ้าจึงได้นำเอาเสียงสังเคราะห์ อาทิ เสียงคลื่นความถี่ต่างๆ และเสียงการติดต่อสื่อสารให้ห้วงอวกาศ เข้ามาทำหน้าที่เป็นเสียงโอบล้อมเสียงดนตรีทั้งหมด อีกทั้งยังสร้างความพิเศษด้วยการเชิญคุณรัดเกล้า อามระดิษ มาร้องเพลงประกอบ ซึ่งเนื้อเพลงเป็นบทกวีที่ข้าพเจ้าได้ประพันธ์เอง โดยคุณรัดเกล้าใช้เทคนิคการร้องที่เรียกว่า “รีไซเททีฟ” (Recitative) ซึ่งเป็นการแสดงแบบกึ่งร้องกึ่งพูด”
“I’ve reconnected within elsewhere.
As a part of a whole, it’s here in “NARAVANNA”
Where silence embraces me and restores beauty in such immensity”
ตอนหนึ่งจากบทพระนิพนธ์ พ.ศ. 2561 ใน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
สามารถชมคอลเลคชั่นทรงออกแบบประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2019 ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และ S’HOMME ได้ที่ร้าน SIRIVANNAVARI ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน