อินเดีย เป็นแหล่งผลิตวัคซีน COVID-19 ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก แต่สถานการณ์ของโรคระบาดกลับเลวร้ายขึ้นทุกวัน จนกระทั่งเกิดเป็นข่าวคราวที่บรรดามหาเศรษฐีชาวอินเดีย ต่างก็ขึ้นเครื่องบินส่วนตัว หนีออกนอกประเทศไปกันหลายราย ก่อนที่หลายๆ ประเทศจะออกมาแบนเที่ยวบินจากแดนโรตี
แจ้นไปรายแรกๆ เลย ก็คือ อดาร์ ภูนวาลา เจ้าของสถาบันเซรุ่มแห่งชาติ ผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 รายใหญ่ที่สุดของโลก ที่บินด่วนไปพำนักอยู่ในกรุงลอนดอน ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านที่ 2 ของเขาอยู่แล้ว ก่อนที่อังกฤษจะแบนทุกเที่ยวบินจากอินเดีย
ทว่า มีการออกแถลงการณ์ในนามสถาบันเซรุ่มว่า การบินไปพักอาศัยระยะยาวในอังกฤษนั้น เป็นไปตามคำแนะนำของรัฐบาล หลังจากเขาได้รับโทรศัพท์ข่มขู่เรื่องการกระจายวัคซีนจากผู้ไม่หวังดีก่อนหน้านี้
ขณะที่เป้าหมายของเศรษฐีอินเดีย มีทั้งออสเตรเลีย แคนาดา ฮ่องกง เอมิเรตส์ รวมทั้ประเทศอื่นๆ ในยุโรปและตะวันออกกลาง
ทัวร์ลง รานบีร์ คาปูร์ นักแสดงบอลลีวูดชั้นนำ หลังจากที่เขาแชร์ภาพคู่กับแฟนสาว อาเลีย พัต ขณะที่อยู่สนามบินมุมไบ ในวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมบรรยายภาพว่า “มัลดีฟส์เรียกร้อง” โดยทั้ง 2 คนเพิ่งจะหายจากการติดเชื้อ COVID-19 มาไม่นาน ก่อนจะกระโดดขึ้นเครื่องลี้ภัยไปพร้อมกับเพื่อนดาราบอลลีวูด อย่าง ติชา ปาตานี และไทเกอร์ ชรอฟ
หลังโดนทัวร์ลง รานบีร์และอาเลีย รวมทั้ง ไทเกอร์ ชรอฟ ต่างก็อยู่ในมัลดีฟส์แบบเงียบๆ ห่างไกลจากโซเชียลมีเดีย ทว่า ติชา ปาตานี กลับโพสต์ภาพตัวเองในชุดบีกีนีลงบนอินสตาแกรม
เศรษฐีอินเดียบางคนต้องจ่ายถึง 1.5 ล้านรูปี สำหรับเป็นค่าเครื่องบินขาเดียวออกจากอินเดีย “ไม่ใช่มหาเศรษฐีเท่านั้นที่ยอมจ่ายในคราวนี้ ใครที่พอจะมีกำลังทรัพย์อยู่บ้าง ก็ตัดสินใจเลือกที่จะหนีออกนอกประเทศกันมากมาย” ราชัน เมฮรา ซีอีโอบริษัท คลับ วัน แอร์ ผู้ให้บริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวในนิวเดลีกล่าวด้วยว่า บางรายต้องจ่ายค่าเครื่องเปล่าขากลับอินเดียด้วยก็ยอม
ด้าน ทับปิช คีเวนสรา ผู้ก่อตั้ง เอนทรัล อาวิเอชัน ผู้ให้บริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว เล่าว่า ความต้องการเครื่องบินเจ็ตเป็นแบบ ‘บ้าคลั่ง’ มาก “เรามีคำจองเครื่องบินส่วนตัว จากอินเดียไปดูไบมากถึงวันละ 80 เที่ยว มันมากกว่าเครื่องบินที่เรามีไปตั้งเยอะ
“ค่าใช้จ่ายต่อเที่ยว สำหรับเครื่องขนาด 13 ที่นั่ง อยู่ที่ 38,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเครื่องขนาด 6 ที่นั่ง อยู่ที่ 31,000 ดอลลาร์ จุดหมายปลายทางมีหลากหลาย แต่ดูไบนั้นฮอตฮิตที่สุด ขนาดตอนนี้ราคาตั๋วเครื่องบินพาณิชย์เองก็ยังแพงขึ้นกว่าเดิมถึง 10 เท่าตัวแล้ว”
อย่างไรก็ตาม มหาเศรษฐีอินเดียหลายคน ก็ไม่หนีไปไหน แต่กักตัวแบบมิดชิดอยู่ในบ้านตัวเอง หรือแค่อพยพออกไปอยู่ ณ บ้านที่ 2 บ้านที่ 3 นอกที่ชุมชน เพื่อความปลอดภัยจากโรคระบาด
“ผมกับครอบครัวเก็บตัวกันอยู่แต่ในบ้าน และบอกให้พนักงานทำตามด้วย” กฤษณ์ โกภาลักษณ์กฤษณะ มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง อินโฟซิส บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ในบังกาลอร์ เล่าด้วยว่า เขากับครอบครัวรวมทั้งพนักงาน ปิดตายบ้านเรือนไม่ติดต่อกับโลกภายนอกเลย แม้แต่อาหารก็ปรุงกินเองทุกมื้อ
เช่นเดียวกับหุ้นส่วนของเขา อย่าง นันทาน นายคานี ที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านที่นิวเดลี ท่ามกลางการระบาดอย่างรุนแรงของโคโรนาไวรัส ที่คร่าชีวิตชาวอินเดียไปกว่า 1,300 ล้านรายแล้ว
ไบจู ระวินฐาน ติวเตอร์มหาเศรษฐี เจ้าของสถาบันการศึกษาออนไลน์ ไบจูส์ ก็กักตัวอยู่บ้านในบังกาลอร์ พร้อมทั้งขยับขยายแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ของตัวเองให้ใช้งานได้หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้เพิ่มรายได้ในช่วงวิกฤตขึ้นไปอีกกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนอยู่บ้าน “พยายามสัมผัสกับภายนอกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคุณจะปลอดภัย”
สำหรับ มูเคช อัมบานี มหาเศรษฐีอินเดียที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย ได้ย้ายครอบครัวจากมุมไบไปอยู่กันที่จัมนาการ์ ในรัฐคุชราต ซึ่งเป็นที่ตั้งของ รีไลแอนซ์ อินดัสทรี หนึ่งในบริษัทด้านพลังงานของเขา ซึ่งนอกจากการหนีออกนอกเมืองที่แออัดเพื่อความปลอดภัยแล้ว เขายังไม่ลืมที่จะพยายามจัดหาถังออกซิเจนที่อินเดียกำลังขาดแคลน มาบริจาคให้กับสถานพยาบาลอีกด้วย
มหาเศรษฐีอันดับ 2 ของอินเดีย โกตัม อาดานี กับลูกชาย การัน อาดานี รวมทั้งครอบครัว ก็อพยพครอบครัวไปยังเมืองอะห์มดาบาด แถบตะเข็บชายแดนรัฐคุชราตเช่นเดียวกัน
ขณะที่ สุนิล วาชนี ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ดิกซัน เทคโนโลยี เป็นอีกคนที่ปักหลักอยู่ในบ้านตัวเองที่เดลี แบบปิดตายไม่ออกไปไหน และอาศัยช่องทางออนไลน์ที่เป็นศักยภาพของบริษัทในการติดต่อสื่อสารด้านธุรกิจ โดย ดิกซัน เทคโนโลยี มีบทบาทมากในการสนับสนุนด้านการระบบสื่อสารของสาธารณสุขในอินเดียในช่วงต่อสู้กับโรค COVID-19 โดยเป็นผู้วางระบบเครื่องขยายปริมาณดีเอ็นเอในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ของอินเดีย เพื่อตรวจหาเชื้อได้ง่ายขึ้น