“จูบ” ที่ใครๆ คิดว่าสำคัญนั้น เพราะมันเป็นการแสดงออกที่เด่นชัดถึงความสัมพันธ์แนบแน่นระหว่างใครสองคน ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งดี แต่บางครั้งการจูบของใครบางคนก็ถูกมองว่าเป็นเรื่องเกินเลย ไม่เหมาะสม หรือบางคนก็นำการจูบไปแสดงออกเพื่อแสดงทัศนคติทางการเมืองของตน อย่างจูบฉาวล่าสุดของ เอ็มมานูเอล มาครง ที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘French Kiss’ ของแท้
จุมพิตระหว่างประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง และรัฐมนตรีกระทรวงกีฬา อาเมลี อูเดอา-คาสเตรา ในงานพิธีโอลิมปิก ซึ่งทำการทักทายกัน แต่จังหวะที่กล้องถ่ายได้กลับดูลึกซึ้ง มีอะไรแปลกๆ ทั้งการที่เธอจับลำคอเขาด้วยมือขวา ส่วนเขาบีบไหล่ของเธอ แถมนายกรัฐมนตรี “กาเบรียล อาตาล” ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ก็ทำเหมือนมองเมินไปทางอื่น ราวกับรู้สึกเขินอายกับโมเมนต์นี้ จนกลายกระแสไวรัลดังทั่วโลกออนไลน์ และการนิ่งเงียบไม่ออกมาตอบโต้อะไรของทั้งคู่ก็ยิ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มเติม
ส่วนจูบนี้ที่ทำเอาเดือดร้อนกันไปหมด เมื่อ แมตตี้ ฮีลีย์ นักร้องนำแบนด์ The 1975 แฟนเก่า “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ที่จูบกับ รอส แม็คโดนัลด์ เพื่อนร่วมวงบนเวทีงาน ‘Good Vibes Festival’ ที่กัวลาลัมเปอร์ แถมยังกล่าวตำหนิกฎหมายต่อต้านกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ของมาเลเซีย ที่มีโทษสูงสุดถึง 20 ปี ซึ่งนี่ถือเป็นการหยามหน้าแบบสุดๆ ทางรัฐบาลมาเลเซียจึงได้สั่งยกเลิกเทศกาลนั่น ภายหลังจากนั้นผู้จัดงานจึงได้ยื่นฟ้องวง เรียกร้องค่าเสียหายเกือบ 100 ล้านบาท
ด้านจูบนี้มีสิทธ์ทำให้ติดคุก ช๊อตอื้อฉาว เมื่อทีมฟุตบอลหญิงของสเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาครองได้ ในพิธีมอบรางวัล ลุยส์ รูเบียเลส ประธานสหพันธ์ฟุตบอลสเปน แสดงความยินดีที่เหล่านักกีฬาด้วยการจูบปากของ เจนนิเฟอร์ เอร์โมโซ นักฟุตบอลหญิง ท่ามกลางสายตาของผู้ชมในสนามและคนทั้งโลก ซึ่งเจนนิเฟอร์ได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า เธอไม่ได้เต็มใจ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ลุยส์โดนรุมประณามจากทำการคุกคามทางเพศ แต่เขากลับมองว่าเขาคือเหยื่อของกลุ่มเฟมินิสต์ที่จ้องทำลายชื่อเสียง สุดท้ายแล้วเขาโดนกดดันจนต้องลาออกจากตำแหน่ง และถูกอัยการส่งเรื่องฟ้องต่อศาลสูงของสเปน เรียกร้องให้ตัดสินจำคุกเขาด้วยข้อหาล่วงละเมิดทางเพศและบังคับขู่เข็ญ