แต่ละประเทศทั่วโลก ล้วนมีผู้นำรัฐบาลที่แตกต่างกันตามบุคลิก วัฒนธรรม และภูมิศาสตร์การเมือง ความยาก-ง่ายของการทำหน้าที่บริหารย่อมแตกต่างกัน ถึงอย่างนั้นการเมืองก็คือการเมือง และความได้เปรียบมักตกอยู่กับฝ่ายที่มากประสบการณ์กว่า ประเทศไทยเองกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และว่าที่ผู้นำรัฐบาลในโผตอนนี้ ดูเหมือนจะมีแต่นักการเมืองอายุน้อย แต่กว่าจะถึงจุดนั้น เรามาดู 8 ผู้นำรัฐบาลที่ตอนนี้ยังครองแชมป์ “เยาวชนการเมือง” ของโลกอยู่ว่ามีใครกันบ้าง?
>> เซบาสเตียน ควร์ซ
นายกรัฐมนตรีของออสเตรีย สังกัดพรรคประชาชนออสเตรีย (ÖVP) ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำทางการเมืองที่อายุน้อยที่สุดในโลก เขาเข้ารับตำแหน่งตอนอายุ 31 ปี ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2017 ถึงพฤษภาคม 2019 ก่อนถูกกดดันให้ลาออก เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตและรับสินบน ผลจากการสอบสวนโดย สำนักงานอัยการด้านเศรษฐกิจและการทุจริต ในข้อหาทุจริต ทำให้เขาต้องลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองทั้งหมดในปี 2021
>> ซานนา มาริน
หลังจากผู้นำรัฐบาลฟินแลนด์คนเก่าลาออกจากตำแหน่ง รองประธานพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย (SDP) และรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ก็ชนะการโหวตให้สืบทอดตำแหน่งแทน เธอเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2019 ขณะอายุ 34 ปี และได้ชื่อว่า เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟินแลนด์ รวมทั้งของโลกด้วยในขณะนั้น แต่ในการเลือกตั้งรัฐสภาปี 2023 ล่าสุด พรรคอนุรักษ์-เสรีนิยม ซึ่งเป็นคู่แข่งได้ไป 48 ที่นั่งจาก 200 ในขณะที่ พรรคของเธอได้เพียง 43 ที่นั่ง หลังจากนั้น เธอก็ยื่นลาออกจากรัฐบาล แต่ในช่วงต้นเธอยังคงดำรงตำแหน่งรักษาการอยู่
>> ฮวน กัวอิโด
เรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติอย่างสันติ เมื่อ “ฮวน กัวอิโด” ได้เป็นประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดในสภาแห่งชาติของเวเนซุเอลา ขณะอายุ 36 ปี เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2019 เขาประกาศตัวเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวของประเทศในอเมริกาใต้ และได้รับการยอมรับจาก 54 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่สหรัฐอเมริกาให้การสนับสนุน กัวอิโดประกาศการเลือกตั้งครั้งใหม่ แต่ในที่สุดรัฐบาลเผด็จการของ “นิโคลาส มาดูโร” ก็เข้ามาขวางทางและเป็นคนคุมเกมแทนรัฐบาลชั่วคราวของกัวอิโด
>> จาซินดา อาร์เดิร์น
นักการเมืองสังกัดพรรคแรงงาน เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 40 ของนิวซีแลนด์ขณะวัย 37 ปี เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2017 เธอกลายเป็นที่สนใจของการเมืองโลก หลังจากเหตุการณ์ยิงกราดมัสยิดในไครสต์เชิร์ช เมื่อเดือนมีนาคม 2019 ที่ชายชาวออสเตรเลียสังหารผู้บริสุทธิ์ไปทั้งหมด 51 คนในมัสยิดสองแห่ง จากเหตุการณ์ครั้งนั้น เธอเร่งออกกฎหมายการใช้ปืนอย่างเข้มงวดในทันที แต่เมื่อเวลาผ่านมาหกปี เธอก็ประกาศลาออกจากการเป็นผู้นำรัฐบาล เหตุเพราะงานอาชีพที่ท้าทายนั้น มีผลกระทบต่อชีวิตของเธอ จนทำให้เธอ “หมดไฟ” ที่จะบริหารประเทศอีกต่อไป
>> นายิบ บูเคเล
ก้าวขึ้นตำแหน่งประธานาธิบดีของเอลซัลวาดอร์ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2019 ขณะอายุ 38 ปี ในช่วงเริ่มต้นของการดำรงตำแหน่ง เขาได้กำหนดแผนการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันอิทธิพลของกลุ่มอาชญากรในประเทศ เอลซัลวาดอร์นับเป็นประเทศหนึ่งที่อันตรายที่สุดในโลก มีสถิติการฆาตกรรมสูง ธุรกิจนองเลือดของบรรดาแก๊งมาเฟียส่วนใหญ่ จะเกี่ยวข้องกับการกรรโชกทรัพย์ การค้าอาวุธและยาเสพย์ติดเป็นหลัก
>> ลีโอ วารัดคาร์
นักการเมืองเกย์ที่มีพื้นเพจากอินเดีย ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของไอร์แลนด์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2017 ขณะอายุ 38 ปี เขาเคยได้ชื่อว่าเป็นรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ไอร์แลนด์ ที่ประกาศตัวว่าเป็น “เกย์” เมื่อปี 2015 ซึ่งเป็นการวางรากฐานสำหรับความสำเร็จ ของการลงประชามติเกี่ยวกับการสมรสเพศเดียวกันของไอร์แลนด์ ประชากรชาวไอริช 62 เปอร์เซ็นต์ โหวตให้แก้รัฐธรรมนูญ สองปีต่อมาเขาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคไฟน์เกล และนายกรัฐมนตรีของไอร์แลนด์
>> เอมมานูแอล มาครง
มาครงน่าจะเป็นผู้นำที่มีอำนาจสูงสุด และเก่าแก่สุดในบรรดาเยาวชนทางการเมืองทั่วโลก! เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสตั้งแต่ 14 พฤษภาคม 2017 ขณะอายุ 39 ปี และเคยมีประสบการณ์ในตำแหน่งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ สังกัดพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย ในรัฐบาลของฟรองซัวส์ ออลองด์มาก่อน ความเป็นเสรีนิยมของเขาทำให้เขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนั้น แต่แล้วก็ปรากฏการชุมนุมประท้วงทั่วประเทศที่เรียกว่า “ขบวนการเสื้อกั๊กเหลือง” มีการก่อการจลาจลที่รุนแรงเป็นเวลาหลายเดือน จนถึงแผนปฏิรูปเงินบำนาญ ก็มีการประท้วงและก่อการจลาจลอีกครั้ง แม้จะดูล้มเหลวในเรื่องภายในประเทศ แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในเวทีระดับโลก
>> โวโลดีมีร์ ซาเลนสกี
อดีตนักแสดงตลกและพิธีกรรายการทีวี ได้รับเลือกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2019 ให้เป็นประธานาธิบดีของยูเครน ขณะอายุ 41 ปี ความมีชื่อเสียงของเขายังมาจากบทสนทนาทางโทรศัพท์ กับประธานาธิบดีโด นัลด์ ทรัมป์ ที่กลายเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลกอีกด้วย จนนำมาซึ่งการฟ้องร้องดำเนินคดีกับทรัมป์ในเวลาต่อมา ครั้งนั้น ทรัมป์ขอให้ซาเลนสกีสืบสาวเรื่องราวการทุจริต ที่เชื่อมโยงกับ โจ ไบเดน และฮันเตอร์-ลูกชายของเขา อีกทั้งยังข่มขู่ว่า จะระงับความช่วยเหลือแก่ยูเครน แต่ท้ายที่สุด ไบเดนก็ชนะการเลือกตั้ง และความสัมพันธ์ระหว่างไบเดนกับซาเลนสกี ก็นำพายูเครนมาถึงจุดนี้