อินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชั่นชื่อดังของจีน เหลียงเตา ที่ได้ฉายา “มิสเตอร์แบกส์” มาจากแพสชันที่เขามีต่อกระเป๋าแบรนด์เนม มุมมองในการรีวิวของเขาได้เปลี่ยนวิถีการช็อปกระเป๋าของสาวจีนไปเลย
จากคนคลั่งกระเป๋าแบรนด์เนม สู่อินฟลูเอนเซอร์ชั้นนำ ใครนึกถึงการช็อปกระเป๋าแบรนด์เนมก็ต้องแวะเข้ามาดูเทรนด์ เค้นไอเดียจาก “มิสเตอร์แบกส์” กันก่อน จนเขาสามารถเปิด “เป๋าช็อป” (BaoShop) ในวีแชต ชวนบรรดาแบรนด์เนมต่างๆ ให้สร้างสรรค์กระเป๋าคอลเลกชั่นพิเศษ มาวางขายใน “เป๋าช็อป” ที่นี่ที่เดียว และประสบความสำเร็จอย่างสูง
ตอนที่เหลียงเตา เริ่มแชร์ความคลั่งไคล้ต่อกระเป๋าแบรนด์เนมบนโลกออนไลน์นั้น เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า โลกนี้มีคำว่า “อินฟลูเอนเซอร์” และแพสชั่นของเขา สามารถจะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้ รู้ตัวอีกทีแอคเคานท์ “มิสเตอร์แบกส์” ในเว่ยปั๋ว (โซเชียลมีเดียของจีน) ก็มีผู้ติดตามมากกว่า 3.5 ล้านคน พร้อมๆ กับข้อเสนอมากมายจากบรรดาแบรนด์เนมชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นดิออร์ เฟนดิ โคลเอ้ และทอดส์ ฯลฯ
ในปี 2017 “มิสเตอร์แบกส์” ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบล็อกเกอร์ผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นอันดับ 3 ของจีน กระเป๋าแบรนด์เนมที่มาร่วมฟีเจอริ่งกับ “เป๋าช็อป” ในวีแชตของเขา ขายดีเป็นเทน้ำ อย่างเช่น กระเป๋าจีวองชี่ ที่ขายหมดใน 12 นาที สร้างรายได้ให้เหนาะๆ 1.2 ล้านหยวน
“ผมเป็นบล็อกเกอร์รายแรกของจีนเลย ที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับท็อปแบรนด์สุดหรู ซึ่งผมก็ต้องการให้ “เป๋าช็อป” เป็นหน้าร้านของกระเป๋าที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะร้านเราเท่านั้น โดยผมได้ร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ โดยตรงในการรังสรรค์กระเป๋าใบพิเศษขึ้นมา ซึ่งผมมีส่วนร่วมในการออกแบบทั้งกระเป๋าและแพคเกจจิ้งของกระเป๋าด้วย
“ผู้ติดตามของผมนี่แหละ คือแรงบันดาลใจสำคัญในการร่วมงานกับแต่ละแบรนด์ ซึ่งออกแบบออกมาเพื่อที่จะสื่อสารกับแฟชันนิสต้าชาวจีนโดยเฉพาะ”
สำหรับกระเป๋าใบแรก ที่อดีตบัณฑิตหนุ่มจากยูซีแอลเอ ลอสแองเจลิส และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นิวยอร์ก ได้ร่วมออกแบบ และนำเข้ามาขายใน “เป๋าช็อป” คือ แบรนด์ทอดส์ รุ่น เวฟแบกส์
“เป็นแบ็คแพ็คในสไตล์ที่ได้แรงบันดาลใจจากยุคเอทตีส์ (80’s) ซึ่งขายหมดใน 5 นาทีเลยครับ ผมคิดว่า นอกจากความที่เป็นลิมิเต็ด-เอ็กซ์คลูสีฟเอดิชั่นแล้ว ราคายังดีอีกด้วย”
เหลียงเตา พูดถึง “เป๋าช็อป” อีกด้วยว่า ต้องการให้เป็นแพลตฟอร์มที่นำเสนอสิ่งที่ดีๆ ให้กับนักช็อปและผู้ติดตามทั้งหลาย “นอกจากเรื่องประสบการณ์ใหม่ในการช็อปปิ้งสินค้าที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทางร้านแล้ว เรายังต้องการจะมอบบริการที่ดีที่สุดในการช็อปปิ้งออนไลน์อีกด้วย
“โดยเฉพาะ การเลือกช็อปสินค้าหรู ที่ต้องเลือกใช้บริการเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้ เพราะสินค้าแต่ละชิ้นก็ราคาไม่ใช่น้อย ระบบการจ่ายเงินทางออนไลน์ก็ต้องปลอดภัย ไร้ช่องโหว่ ซึ่งสำหรับช่องทางวีแชตนี่เชื่อถือได้เป็นอย่างดีเลย”
เหลียงเตาบอกอีกว่า ที่ “มิสเตอร์แบกส์” ได้การยอมรับเป็นอย่างดี ก็เพราะว่าแวดล้อมไปด้วยพลังงานบวก “การตอบรับอย่างดีจากผู้ติดตาม ทำให้ผมรู้สึกว่าที่ลงแรงทำงานหนักไปไม่สูญเปล่า
“ผมเริ่มเขียนบล็อกตั้งแต่อายุ 18 ตอนไปเรียนอยู่ยูซีแอลเอ เป็นครั้งแรกที่อยู่ไกลจากบ้านเกิด และเริ่มหัดช็อปปิ้งด้วย ผมสนใจในสไตล์การออกแบบกระเป๋า และประวัติศาสตร์ของแบรนด์ แล้วก็เริ่มเขียนบล็อกลงใน เร็นเร็น (โซเชียลเน็ตเวิร์กจีน) จนได้รับความนิยม จึงเริ่มมาตั้งแอคเคานท์ “มิสเตอร์แบกส์” ในเว่ยปั๋ว
“ตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะเอามาทำมาหากินหรอกครับ แต่พ่อแม่ผมแนะว่า น่าจะลองดูนะเผื่อจะมีค่าขนมบ้าง ความตั้งใจของผมคือ ผมไม่ต้องการแฟนเพจของผมกระหน่ำซื้อทุกอย่างที่ออกมาใหม่ อยากให้ความรู้ และแบ่งปันประสบการณ์ที่มี เพื่อที่ว่าจะได้ไม่เสียใจภายหลัง กับการลงทุนซื้อกระเป๋าแพงๆ แต่ละใบ”
เมื่อถามถึงเทรนด์กระเป๋าแบรนด์เนมหลังยุคโควิด เหลียงเตา บอกว่า ต้องเป็นรุ่นวินเทจย้อนยุคไปแถวๆ เอทตีส์ – ไนน์ตีส์ ที่จะกลับมาแรงอีกครั้ง ทั้งชาแนล 19 ดิออร์ บุ๊ก โท้ต ปราดา โฮโบ กุชชี่ 1995 เฟนดิ พีคกาบู ฯลฯ ใครเคยมีไว้ เตรียมงัดออกมาใช้กันได้เลย