หลังจากการสวรรคตของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทำให้ เจ้าฟ้าชายชาลส์ องค์มกุฎราชกุมารของอังกฤษและสหราชอาณาจักร ได้ขึ้นครองราชบัลลังก์เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่แทน ซึ่งก็มีเรื่องราวต่างๆ ของพระองค์ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
:: นับตั้งแต่วันที่ 8 กันยายนเป็นต้นมา ทรงได้พระนามใหม่ว่า “สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3” ได้ขึ้นครองบัลลังก์กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรและอีก 14 ประเทศเครือจักรภพ โดยมีพระนามเต็มว่า “ชาลส์ ฟิลิป อาร์เธอร์ จอร์จ” โดยสืบทอดพระนามตามกษัตริย์ในตำนาน 2 พระองค์ ที่เคยครองราชย์ในยุคศตวรรษที่ 17 ซึ่งมีประวัติค่อนข้างน่าอับอาย นั่นคือ พระเจ้าชาลส์ที่ 1 เคยมีข้อพิพาทกับรัฐสภาและในสงครามกลางเมืองครั้งที่สอง พระเศียรของพระองค์ต้องหลุดจากพระอังสา ส่วนพระเจ้าชาลส์ที่ 2 หรือที่เรียกกันว่า ‘The Merry Monarch’ นั่นเพราะทรงมีรัชทายาทมากกว่า 14 พระองค์กับพระสนมต่างๆ
:: เจ้าฟ้าชายชาลส์เกือบได้ชื่อในฐานะกษัตริย์ว่า ‘สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 7’ เหตุเพราะประวัติไม่สวยงามของพระเจ้าชาลส์ทั้งสองพระองค์ในยุคก่อนหน้า สมาชิกราชวงศ์จะมีกันหลายพระนาม และสามารถเลือกได้เองว่าจะใช้พระนามใดเพื่อการสืบบัลลังก์
:: พระองค์ทรงโปรดปรานงานศิลปะ ผลงานภาพสีน้ำของพระองค์มีประดับไว้ในพระราชวังวินด์เซอร์และรอยัล อะคาเดมี นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงมีผลงานประพันธ์ อย่างเช่น หนังสือเด็ก ‘The Old Man of Lochnagar’ (1993) หรือผลงานด้านปรัชญา ‘Harmony: A New Way of Looking at Our World’ (2010) ที่พระองค์ได้ตรัสถึงความยั่งยืนของโลก
:: ทรงใส่พระทัยในเรื่องของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ และมักทรงเรียกร้องให้ประชาชนหันมาสนใจเรื่องการเกษตรอินทรีย์ บนพื้นที่เกษตรของพระองค์ในคอร์นวอลล์ มีฟาร์มพืชผักอินทรีย์ และทรงมีผลิตภัณฑ์คุกกี้จากฟาร์มอินทรีย์ ภายใต้ชื่อแบรนด์ ‘Duchy Originals’
:: ในเรื่องรถยนต์พระที่นั่งก็เช่นกัน พระองค์ทรงดัดแปลงให้เป็นมิตรกับสภาพแวดล้อม พระองค์ทรงเปลี่ยนมาใช้น้ำมันไบโอเอธานอลกับ Aston Martin DB6 คันเก่า
:: กษัตริย์พระองค์ใหม่ของสหราชอาณาจักร ยังทรงสนพระทัยในเรื่องการอนุรักษ์โบราณสถานอีกด้วย อย่างเช่น ในทรานซิลเวเนียของโรมาเนีย พระองค์ทรงมอบทุนเพื่อการคุ้มครองอนุสรณ์สถาน เมื่อปี 2017 ชาวโรมาเนียได้ถวายพระนาม ‘เจ้าชายแห่งทรานซิลเวเนีย’ แต่พระองค์ทรงปฏิเสธที่จะรับ แม้ว่าพระบรมอรรคราชบรรพบุรุษของพระองค์จะมีเชื้อสายจาก วลาดที่ 3 เจ้าชายแห่งวาลาเคีย หรือที่รู้จักกันในสกุล ‘แดร็กคิวลา’ ก็ตาม
:: แอนนา ไวท์ล็อก-นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ แสดงความเห็นต่อสื่ออังกฤษว่า สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 อาจครองบัลลังก์ชั่วคราวเพียงหนึ่งทศวรรษ เพื่อให้เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์สืบต่อ เป็นการทบทวน-ค้นหาบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สอดคล้องกับบรรยากาศและสถานการณ์แห่งยุคศตวรรษที่ 21 แต่ชาวอังกฤษส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่า สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีได้