นับตั้งแต่ มัลคอล์ม เกลเซอร์ เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2005 ที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ก์มีทั้งความสำเร็จ และความผิดหวัง ได้ทั้งเงินถุงเงินถัง รวมทั้ง มีหนี้มหาศาล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ด้วยตำแหน่ง 20 แชมป์พรีเมียร์ลีก 3 แชมเปียนลีก นอกจากนี้ ทีมเจ้าของฉายาปิศาจแดงยังเป็นทีมยอดนิยมของโลก รวมทั้งมีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดทีมหนึ่ง
ทว่า การเข้ามาเทคโอเวอร์ของเจ้าของแต่ละครั้งมักจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างสูง โดยเฉพาะ เจ้าของล่าสุด อย่างครอบครัวเกลเซอร์นั้น ไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนจำนวนมาก
ปัจจุบัน เจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ ลูกๆ ทั้ง 6 ของมัลคอล์ม เกลเซอร์ ตั้งแต่ อฟราม, โจเอล, เควิน, ไบรอัน, ดาร์ซี และ เอดเวิร์ด เกลเซอร์
มัลคอล์ม ถือหุ้นใหญ่ของสโมสรในปี 2005 ผ่านการลงทุนกับบริษัท เร้ด ฟุตบอล พอเขาเสียชีวิตในปี 2014 จากการเจ็บป่วยอันยาวนาน หุ้น 90% ของสโมสรก็ตกเป็นของลูกๆ 6 คน
โจเอลกับอฟราม ออกหน้าบริหารงานแทนบิดา ตั้งแต่เขาหัวใจวายเฉียบพลัน ในปี 2006 และหลังจากที่บิดาเสียชีวิต ลูก 2 คนโตรับหน้าที่ประธานร่วม ขณะที่ลูกๆ อีก 4 คน รับตำแหน่งผู้อำนวยการสายต่างๆ โดยในปี 2021 อฟราม เกลเซอร์ ออกมาเร่ขายหุ้นของตัวเขาเองมูลค่า 70 ล้านปอนด์
สำหรับครอบครัวเกลเซอร์ร่ำรวยมาจากวงการอสังหาริมทรัพย์ ก่อนที่จะสยายปีกออกไปสู่วงการกีฬา
มัลคอล์ม เกลเซอร์ เกิดในครอบครัวผู้อพยพจากลิทัวเนียในรอเชสเตอร์ นิวยอร์ก เขาเป็นลูกคนที่ห้าในทั้งหมด 7 คน ตอนที่พ่อของเขาตาย มัลคอล์มยังอยู่ในวัยรุ่น เขาช่วยครอบครัวด้วยการเคาะประตูขายนาฬิกาตามบ้าน ก่อนจะไปซื้อกิจการซ่อมนาฬิกาที่ฐานทัพอากาศแซมป์สันใกล้นิวยอร์ก ซึ่งประสบความสำเร็จมาก ก่อนจะย้ายไปจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เขาเริ่มจากบ้านหลังเล็กๆ ในรอเชสเตอร์ ก่อนจะขยายกิจการไปเป็นเจ้าของธนาคาร สถานพยาบาล สถานที่อำนวยความสะดวกต่างๆ สถานีโทรทัศน์ และอื่นๆ
มัลคอล์ม ก้าวเข้าสู่วงการกีฬาครั้งแรก เ้วยเข้าไปเทคโอเวอร์ทีมอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล ทัมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส ด้วยราคาเป็นประวัติการณ์ ที่ 122 ล้านปอนด์ โดยเขาให้ลูกชายอย่าง โจเอล ไบรอัน และเอดเวิร์ด ช่วยกันบริหาร
ด้วยคำปรึกษาของลูกๆ ทำให้มัลคอล์มเริ่มซื้อหุ้นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2003 และได้เป็นหุ้นใหญ่ในปี 2005 ที่ 98%
ตอนที่บ้านเกลเซอร์เป็นหุ้นใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2005 พวกเขาไม่มีหนี้เลย แต่ในปี 2020 หนี้ของสโมสรได้พุ่งขึ้นไปถึง 133% ด้วยผลกระทบจากรายได้ที่หายไปในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19
หลังจากที่มัลคอล์มเสียชีวิตในปี 2014 ครอบครัวต้องดำเนินต่อไปโดยไร้ผู้นำ แต่พวกเขาก็ยังมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอาณาจักรกีฬาที่สร้างรายได้มหาศาลให้ ตั้งแต่ศูนย์การค้าระดับพรีเมียมทั่วสหรัฐฯ รวมทั้งทีมอเมริกันฟุตบอล ทัมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส และทีมฟุตบอลในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ครอบครัวเกลเซอร์เข้าไปพัวพันทางการเมือง โดย เอด เกลเซอร์ ได้จัดงานระดมทุนสนับสนุนการลงชิงชัยประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เบเวอร์ลี ฮิลส์ แมนชัน ได้เงินไป 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนหน้านี้ เขาก็ได้บริจาคเงิน 98,000 ดอลลาร์ให้โดนัลด์ ทรัมป์ หาเสียงเลือกตั้งในปี 2016 มาแล้ว และยังสนับสนุนเงิน 250,000 ดอลลาร์ สำหรับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอีกด้วย
จากข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส์ ครอบครัวเกลเซอร์ร่ำรวยถึง 4.7 พันล้าน พวกเขาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ย่านพาล์มบีช ในฟลอริดา เป็นบ้านติดน้ำ และมีท่าเรือส่วนตัว
รอบๆ บ้านตกแต่งด้วยต้นไอวี่ มีหน้าต่างบานเกล็ด มีโถงขนาดใหญ่นำสู่ห้องหลักๆ ที่ประกอบด้วยหน้าต่างขนาดใหญ่ ประดับประดาด้วยแชนเดอเลียร์สุดอลังการ
ด้วยพื้นที่ใช้สอยกว่าหมื่นตารางฟุต ประกอบด้วย 6 ห้องนอน 9 ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นปูพื้นปาร์เกต์ เช่นเดียวห้องฉายหนัง บาร์ และห้องอำนวยความสะดวกอื่นๆ