ปีนี้คือปีที่ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์อังกฤษ เนื่องในวโรกาสเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบท ที่ 2 ที่คนทั่วโลกต่างรอคอยชมความยิ่งใหญ่ของการเฉลิมฉลองครั้งนี้ ขณะที่ในตะวันออกกลาง ราชวงศ์กาตาร์ อาจจะชิงพื้นที่ข่าวได้ในช่วงปลายปี ราชอาณาจักรกาตาร์กำลังจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ส่วนที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็เพิ่งเปลี่ยนผู้ครองนครองค์ใหม่ หลังจากเชคองค์เดิมสิ้นพระชนม์ลงไป
มาดูกันว่า ราชวงศ์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 5 อันดับ มีที่ไหนบ้าง
ราชวงศ์อังกฤษ (88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ราชวงศ์ที่มีราชินีที่ทรงครองบัลลังก์ยาวนานที่สุดในโลก ร่ำรวยเป็นอันดับ 5 ของราชวงศ์โลก โดยส่วนพระองค์สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบท ที่ 2 นั้นคาดว่า จะทรงร่ำรวยถึง 470 ล้านดอลลาร์ แต่เมื่อรวมทรัพย์สินและสินทรัพย์ทั้งหมดของราชวงศ์แล้ว คาดว่าจะร่ำรวยถึง 88 พันล้านดอลลาร์
ทรัพย์สินในสมเด็จพระราชินีของอังกฤษ ส่วนใหญ่ก็มาจากเงินในท้องพระคลัง รวมทั้ง เงินเดือนประจำตำแหน่งในฐานะที่ทรงเป็นประมุขของประเทศ นอกจากนี้ ยังรวมถึงที่ดินของราชวงศ์ ตั้งแต่แซนด์ริงแฮมในนอร์โฟล์ค และบัลเมอรัล ในสกอตแลนด์ ฯลฯ
ราชวงศ์อาบูดาบี (150 พันล้านดอลลาร์)
ราชวงศ์อาบูดาบี ปัจจุบันปกครอง 7 รัฐของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ราชวงศ์นี้สืบทอดมาจากเผ่าพันธ์ุเดียวกับราชวงศ์ดูไบ
ราชวงศ์อาบูดาบี ปกครองอาณาจักรแห่งนี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 พวกเขาร่ำรวยถึง 150 พันล้าน ส่วนใหญ่มาจากการค้าน้ำมันตั้งแต่ทศวรรษที่ 1970s ทำให้อดีตเชคองค์ก่อน ทรงเป็นหนึ่งในเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวยที่สุดในกรุงลอนดอน ของอังกฤษ
หากเปรียบเทียบกับผู้ครองนครดูไบ เชค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคตุม ทรงร่ำรวยราว 18 พันล้าน ขณะที่เชคคาลิฟา บิน ซายเอด อัล นาฮาน ที่ทรงเป็นประธานาธิบดีของ UAE ตั้งแต่ปี 2004 หลังจากพระบิดาสิ้นพระชนม์ ทรงสืบทอดมรดกเป็นที่ดินในอังกฤษ มูลค่า 7.1 พันล้าน รวมทั้งยังสร้างรายได้ให้พระองค์ปีละ 200 ล้านดอลลาร์อีกด้วย
เชคคาลิฟา บิน ซายเอด อัล นาฮาน ยังทรงถือหุ้นในกิจการระดับชาติ ที่สร้างรายได้อีกปีละ 696 พันล้านดอลลาร์
ล่าสุด โอรสของพระองค์ เชคโมฮัมเหม็ด บิน ซายเอด อัล นาฮาน ทรงขึ้นครองบัลลังก์แทนเชคคาลิฟา บิน ซายเอด อัล นาฮาน หลังจากพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2022
ราชวงศ์กาตาร์ (335 พันล้านดอลลาร์)
หลายล้านสายตากำลังจะจับจ้องไปที่กาตาร์ ที่เตรียมจัดมหกรรมแข่งขันฟุตบอลโลกในเดือนพฤศจิกายนนี้ การท่องเที่ยวของประเทศตะวันออกกลางผู้อนุรักษ์นิยมกำลังจะบูม โดยประเทศเล็กๆ แห่งนี้ พร้อมแล้วที่จะโดดเข้าเป็นจุดสนใจของโลก
ราชวงศ์ตานี่ ผู้ปกครองราชอาณาจักรกาตาร์ มีการลงทุนในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ตั้งแต่ ตึกระฟ้าชาร์ด ในกรุงลอนดอน ที่โอลิมปิกวิลเลจ และห้างสรรพสินค้าแฮร์รอดส์ รวมถึง อาคารเอ็มไพร์สเตท ในนิวยอร์ก
ราชวงศ์ตานี่ นำโดย เชคตามิม บิน ฮาหมัด อัล ตานี่ ที่ส่วนพระองค์ทรงร่ำรวย 2 พันล้านดอลลาร์ โดยพระองค์ได้ทรงลงทุนในหุ้นของธนาคารบาร์กเลย์ สายการบินบริทิช แอร์เวย์ส และบริษัทผลิตรถยนต์โฟล์คสวาเกน ซึ่งทำให้มีรายได้รวมทั้งสิ้น 335 พันล้านดอลลาร์
ราชวงศ์คูเวต (360 พันล้านดอลลาร์)
ราชวงศ์ซาบาห์ ทรงปกครองคูเวตมาตั้งแต่ปี 1752 และเป็นที่รู้กันว่า ทรงมาลงทุนในบริษัทใหญ่ๆ ของสหรัฐอเมริกามากมาย
ราชวงศ์ซาบาห์ในคูเวต นำโดย เชคนาวาฟ อัล-อาเหม็ด อัล-ซาบาห์ ผู้ทรงขึ้นครองราชย์ในปี 2020 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเชษฐา เชคซาบาห์ ที่ 4 อาหมัด อัล-จาเบอร์ อัล-ซาบาห์
ราชวงศ์คูเวต เคยร่ำรวยราว 90 พันล้านดอลลาร์ในปี 1991 แต่ทุกวันนี้ หุ้นที่พวกเขาไปลงทุน พุ่งทะยานไปอย่างมาก ทำให้ร่ำรวยแบบก้าวกระโดดไปถึง 360 พันล้านดอลลาร์
ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย (1.4 ล้านล้านดอลลาร์)
เจ้าฟ้าชายของซาอุดีอาระเบีย เชค โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน เพิ่งจะถอนตัวจากการลงทุนในบริษัทใหม่ของ จาเหร็ด คุชเนอร์ มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งนั่นดูเป็นเงินขี้ประติ๋วเมื่อเทียบกับความร่ำรวยถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ของพวกเขา
ราชวงศ์ซาอุด ทรงปกครองซาอุดีอาระเบียมาตั้งแต่ปี 1744 โดยกษัตริย์ซัลมาน ทรงครองราชย์มาตั้งแต่ปี 2015 คาดว่า ส่วนพระองค์ทรงร่ำรวยถึง 18 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่เจ้าชายอัลวาลีด บิน ตาลาล ทรงร่ำรวยเป็นอันดับสองของราชวงศ์ ที่ 16 พันล้านดอลลาร์
ทั้งราชวงศ์มีสมาชิกราว 15,000 พระองค์ รวมทรัพย์สินทั้งหมดรวมกันเป็น 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่ารายได้รวมของประชากรทั้งประเทศสเปนและออสเตรเลียเสียอีก