ช่างภาพประจำราชสำนักมักจะไม่ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป แม้ว่าพวกเขาจะถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบท ที่ 2 เป็นร้อยๆ พระรูป รวมทั้งพระฉายาลักษณ์ของสมาชิกราชวงศ์อีกมากมาย
จริงๆ แล้ว พระฉายาลักษณ์ของราชวงศ์ มีความสำคัญคือเชื่อมโยงราชวงศ์สู่ประชาชน และช่างภาพก็เป็นบุคคลสำคัญในการนี้
ราชวงศ์อังกฤษ
หนึ่งในช่างภาพชื่อดังที่ทำงานถวายใต้ฝ่าละอองพระบาทราชวงศ์อังกฤษ คือ “ทิม รูค” ที่ใช้เวลากว่าทศวรรษในการถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ และพระฉายาลักษณ์ของสมาชิกราชวงศ์อังกฤษทั้งภาพพอร์เทรตและวโรกาสต่างๆ
ทิม ให้สัมภาษณ์นิตยสาร กู๊ด เฮาส์คีพปิง ว่า หากเป็นยุคดิจิทัลในสมัยที่ถ่ายพระฉายาลักษณ์ของเจ้าหญิงไดอาน่าละก็ เขาคงรัวเป็นพันๆ รูป “เวลาที่ผมติดตามเจ้าหญิงไดอาน่าไปทรงปฏิบัติพระกรณียกิจ ผมจะใช้ฟิล์มประมาณ 5 ม้วน ซึ่งมีแค่ 175 ภาพ หากเป็นยุคดิจิทัลอย่างทุกวันนี้ ผมคงถ่ายสัก 3,000-4,000 ภาพเลยล่ะ
ทิม รูค เปิดเผยว่า สมาชิกราชวงศ์ที่เขาชื่นชอบที่สุด คือ เจ้าหญิงโซฟี เคาน์เตสแห่งเวสเซกซ เพราะว่าพระองค์ทรงรู้มุมกล้อง ทรงเข้าพระทัยว่าจะทรงมองกล้องอย่างไรจึงจะได้ภาพที่ดี ต้องขอบคุณอาชีพเดิมของพระองค์คือ นักประชาสัมพันธ์ ทิมยังชื่นชอบดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ โดยบอกว่า เจ้าหญิงเคท ทรงเป็นคนน่ารัก เวลาติดตามเสด็จไปงานต่างๆ พระองค์จะทรงคอยมองหาเขา และหยุดให้ถ่ายพระฉายาลักษณ์”
“คริส แจ๊คสัน” จากเก็ตตี อิมเมจ เป็นช่างภาพอีกคนที่อยู่ในวงการถ่ายภาพราชวงศ์ โดยส่วนใหญ่เป็นภาพที่ค่อนข้างเป็นทางการสักหน่อย เขาให้สัมภาษณ์ดิ อินไซเดอร์ว่า “ภาพที่ผมชื่นชอบ คือภาพที่ผมถ่ายได้ ในอีกมุมมองหนึ่งของราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งพวกคุณอาจจะไม่เคยเห็น”
สำหรับเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล ก่อนที่จะทรงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ ทรงเลือก “คริส อัลเลอร์ตัน” ให้มาถ่ายภาพตั้งแต่พระราชพิธีอภิเษกสมรส รวมทั้งตอนที่ทรงคลอดอาร์ชี่ และพิธีรับศีลจุ่มของอาร์ชี่
ในเว็บไซต์ส่วนตัวของคริส บอกว่า เขาเริ่มถ่ายภาพมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เขาเดินทางไปทั่วโลกเพื่อถ่ายภาพหลากหลายประเภท ก่อนจะมาจบที่ภาพพอร์เทรต ภาพแฟชั่น และภาพอีเว้นต์พิเศษต่างๆ ไม่รู้ว่าทำไม ดยุคและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์จึงทรงชื่นชมคริส จนให้มาถ่ายพระฉายาลักษณ์ในวโรกาสสำคัญต่างๆ
ราชวงศ์สเปน
ช่างภาพสาว “เอสเตล่า เด กาสโตร” เป็นคนถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ และพระฉายาลักษณ์ล่าสุด ของกษัตริย์และราชินีสเปน รวมทั้งพระธิดาทั้ง 2 พระองค์
ก่อนหน้านี้ เธอเคยเป็นช่างภาพของซีรีส์หนังสือในโปรเจ็คต์ เดอะ เฟส ที่นำเงินที่ขายหนังสือได้ไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย
กษัตริย์เฟลิเป ที่ 6 และราชินีเลติเซีย กับพระราชธิดา 2 พระองค์ คือ เจ้าหญิงเลโอนอร์ และเจ้าหญิงโซเฟีย ได้ทรงเปิดเผยพระบรมฉายาลักษณ์ และพระฉายาลักษณ์อย่างเป็นทางการเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เป็นภาพที่ถ่ายทำในพระราชวังซาร์ซูเอลา โดยมีช่างภาพคือ เอสเตล่า เด กาสโตร
เธอมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพมากว่า 25 ปี โดยราชวงศ์สเปน ได้เห็นตัวอย่างของผลงานที่เธอถ่ายในโปรเจ็คต์ โฟโตเอสปานญา เอสเตล่า ให้สัมภาษณ์นิตยสารโอล่าว่า “พระองค์ทรงโทรมาและตรัสว่า ทรงชื่นชอบสไตล์การถ่ายภาพของฉัน โดยเฉพาะการใช้แสง ทรงชอบภาพพอรเทรตที่ฉันถ่าย มันดูเป็นกันเอง และดูเป็นธรรมชาติ”
ราชวงศ์สวีเดน
“ทรอน อูลเบิร์ก” ผู้ถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ และพระฉายาลักษณ์ของสมาชิกราชวงศ์สวีเดน เป็นหนึ่งในช่างภาพพอร์เทรตชั้นแนวหน้าของสวีเดน
เขาศึกษามาทางด้านประวัติศาสตร์ ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นการถ่ายภาพ ทุกวันนี้ เขายังใช้กล้องขนาดใหญ่ และใช้ฟิล์มในการถ่ายภาพ ก่อนที่จะไปแปลงให้เป็นดิจิทัลไฟล์ในภายหลัง เนื่องเพราะชื่นชอบวิธีแบบเดิมๆ มากกว่า
ภาพพอร์เทรตของเขาส่วนใหญ่จะแสดงให้เห็นการทำงานหนักของทรอน ที่แต่ละภาพดูเหมือนเป็นงานศิลปะ
ราชวงศ์เดนมาร์ก
“ริกมอร์ มิดต์สคอฟ” ช่างภาพประจำราชสำนักเดนมาร์ก เขาได้ถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชินีมาเกรเธ และพระฉายาลักษณ์ของสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่นๆ อีกมากมาย
เธอเริ่มอาชีพถ่ายภาพด้วยการเป็นช่างภาพของละครเวที ก่อนที่จะไปถ่ายภาพสติลไลฟ์ในสตูดิโอ ในปี 1963 เธอได้รับการติดต่อจากเจ้าหญิงมาร์เกรเธ และได้เป็นช่างภาพประจำราชสำนักเดนมาร์กมาตั้งแต่บัดนั้น และในปี 1988 เจ้าหญิงทรงได้เลื่อนฐานะขึ้นไปเป็นสมเด็จพระราชินี
ริกมอร์ บอกว่า การถ่ายพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระราชินีเป็นงานที่ท้าทาย เพราะเธอเห็นว่า ทุกๆ ภาพควรที่จะเป็นประวัติศาสตร์
หลังจากที่ริกมอร์ลาโลกไปเมื่อปี 2010 ราชวงศ์เดนมาร์กก็ได้ติดต่อ “ฮาสส์ นีลเซน” ให้มาถ่ายภาพ โดยเป็นวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษาของเจ้าฟ้าชายเฟรเดริก และเจ้าฟ้าหญิงแมรี่ ครบ 50 พรรษา
ก่อนหน้านี้ เข้าทำงานถ่ายภาพโฆษณา และภาพแฟชั่น ความงาม และพอร์เทรต จนได้ชื่อว่าเป็นช่างภาพชั้นแนวหน้าของสแกนดิเนเวีย ลูกค้าของเขา มีตั้งแต่แบรนด์สินค้าต่างๆ เช่น เอช แอนด์ เอ็ม จอร์จ เจนเซน ฮาสเซลบลัด นิตยสารโว้กสเปนและเยอรมนี ฮาร์เปอร์ บาซาร์ ฯลฯ เขาใช้ชีวิตในลินดอน ปารีส นิวยอร์ก และโคเปนเฮเกน