Celeb Online

เซเลบนักเดินทางแชร์ประสบการณ์เลวร้าย อยากเที่ยวต่างแดนก็ต้องยอมเสี่ยง!


การเดินทางท่องเที่ยวในหลายสถานที่ บางครั้งก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อาจพบเจอกับความยากลำบาก ทั้งมิจฉาชีพ สภาพอากาศอันเลวร้ายต่างๆ นานา แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย ที่ยอมเสี่ยงเพื่อไปชมความงดงามของทัศนียภาพที่รออยู่ ซึ่งจะมีใครบ้างนั้นที่รู้ว่าเสี่ยงแต่ก็ขอลองไปเที่ยวดูสักที! ตามมาเลยคร่า


เริ่มที่ “ปอนด์-หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา” เจ้าของแบรนด์ Haatiya บุตรสาวคนโตของ ม.ล. อยุทธ์ ไชยันต์ และรัชฎา ไชยันต์ ณ อยุธยา แชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวในต่างแดน ทั้งๆ ที่รู้ว่า อาจต้องเจอกับภัยร้ายจากคน

“ตอนนั้นปอนด์และเพื่อนไปเที่ยวที่โมร็อกโก เพื่อชมสถาปัตยกรรมอันงดงามของอาคารบ้านเรือนต่างๆ แต่ระหว่างที่กำลังเดินงงๆ กันอยู่นั้น ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกว่า สถานที่ที่เราจะไปไม่ใช่ทางนั้น แต่เป็นอีกทางให้เดินตามเขามา ซึ่งตอนแรกก็ไม่กล้าตามไป แต่เพื่อนบอกว่าลองตามไปก่อน ดูบุคลิกก็น่าเชื่อถืออยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุด เขากลับหลอกพาเราเดินไปที่ร้านขายของของเขา ซึ่งมีแต่ผู้ชายร่างกำยำเต็มไปหมด”


ปอนด์เล่าว่าวินาทีนั้นเธอและเพื่อนกลัวสุดขีด แต่ก็รีบเดินออกมาให้เร็วที่สุด

“ความจริงก่อนที่จะเดินทางไป เราก็ได้ศึกษามาก่อนแล้วว่า ประเทศนี้อาจจะไม่ค่อยปลอดภัย ในเรื่องของมิจฉาชีพสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะ ผู้หญิงที่เดินทางกันสองคน เราก็พยายามที่จะดูแลตัวเองมาตลอด พอเจอเหตุการณ์นี้ เราก็ตั้งสติแล้วรีบขอตัวออกมาจากร้านเขาให้ไวที่สุด แล้วรีบเดินไปยังที่ๆ ที่มีคนเยอะๆ ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดหมายของเรา ดังนั้น ทุกครั้งก่อนที่จะเดินทางไปเมืองไหน ที่ผู้คนในเมืองไม่ค่อยน่าไว้วางใจ ควรไปกันหลายๆ คน และหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับคนแปลกหน้า”


ขณะที่ “พลอย–ฐิติกุล อยู่วิทยา” ทายาทสาวแห่งบ้านกระทิงแดง แชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดเสี่ยงไว้ว่า เมื่อหลายปีก่อนเธอและครอบครัวเดินทางไปเที่ยวที่ โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เพื่อไปส่องสัตว์ตามที่ได้ชมในเนชั่นแนล จีโอกราฟิก ซึ่งความน่ากลัวนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่สนามบินยันปลายทางเลยก็ว่าได้


“ทันทีที่เราถึงสนามบิน มีชายผิวดำยืนจ้องมองพวกเราอย่างไม่วางตา เพราะเขาอาจไม่ค่อยเจอคนเอเชียไปเที่ยวที่ประเทศเขา และระหว่างทางที่เรานั่งรถไปส่องสัตว์ สองข้างทางเห็นคนกำลังจุดไฟเผาศพคนที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อHIV ตลอดทาง หรือแม้แต่เวลาที่เราจะแวะซื้อของกินของใช้ ไกด์ต้องเลือกร้านที่ปลอดภัยมีกรงแน่นหนาที่สุด เพราะขโมยชุกชุมมาก เวลาที่เดินเข้าไปในร้านเหมือนกำลังอยู่ในคุก แต่พอถึงที่หมายได้เห็นสัตว์ต่างๆ ตามที่หวังไว้ ทุกอย่างที่เจอมาก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย”


ส่วนเซเลบสาวขาลุย “โบว์-มนต์ริสสา ลีนุตพงษ์” แม้จะรู้ว่าฝรั่งเศสสำหรับนักท่องเที่ยวนั้น เต็มไปด้วยภัยอันตรายมากมาย แต่ก็ขอเสี่ยงเพื่อท่องแดนศิวิไลซ์

“ตลอดเวลาที่อยู่ในปารีส โบว์ใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง เวลาเดินยังต้องเดินแบบสามเหลี่ยม คอยระวังกระเป๋าไม่ให้โดนล้วงหรือโดนกรีด ซึ่งเราเคยมาปารีสเมื่อ3-4 ปีที่แล้ว ยังไม่น่ากลัวเท่านี้ เมื่อหลายปีที่แล้วโบว์กับเพื่อนเพิ่งไปเที่ยวฝรั่งเศส และเป็นครั้งแรกที่โบว์ร้องไห้ เพราะแค่ 24 ชม.ที่ฝรั่งเศส ก็เจอกับเรื่องเลวร้ายมากมาย ตั้งแต่โดนหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ให้ซื้อตั๋วรถไฟ แต่พอจะใช้บัตรเพื่อขึ้นรถไฟกลับใช้ไม่ได้ ต้องเสียเงินไป 26 ยูโร (ประมาณ 3,000 บาท) และพอนั่งรถไฟไปถึงช็องเซลีเซ แหล่งรวมสินค้าแบรนด์ดังระดับโลก เพื่อไปซื้อกระเป๋าหลุยส์ วิตตองใบใหม่ บังเอิญเห็นแหวนที่โชว์ในร้านซึ่งสวยมาก แต่ด้วยความที่ไม่ใช่นักชอป จึงไม่รู้ว่าเขาขายยกเซ็ต3วง ปรากฏว่าเราได้แค่วงเดียว พอกลับไปทวงถามเขาก็เอาแหวนอีก2วงที่เหลือคืนให้ บนความมึนงงของเราว่า สถานที่ขายของซูเปอร์แบรนด์ระดับโลก มีเหตุการณ์แบบนี้ด้วยหรือ”


โบว์เล่าต่อว่านี่แค่ครึ่งวันแรก พอนั่งรถไฟกลับมาถึงโรงแรมเธอจึงเปลี่ยนมาใช้กระเป๋าหลุยส์ใบใหม่ แต่แล้วก็ดันโดนคนทำเลอะซะอีก

“คือความซวยนี้เริ่มตั้งแต่ก่อนออกจากโรงแรม ฝนตกหนัก เราจึงเอาพลาสติกคลุมกระเป๋าใบใหม่ แต่พอถึงร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของปารีส ปรากฏว่าเด็กเสิรฟ์ทำน้ำที่มันมีกลิ่นเหม็นฉุน หกเลอะใส่กระเป๋าโบว์ แถมยังไม่ขอโทษเดินผ่านหน้าเราไปอย่างเฉยเมย”

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อกลับถึงโรงแรมระดับห้าดาวของปารีส เพื่อที่จะพักผ่อน แต่สิ่งที่ได้รับต้องทำให้เธอและเพื่อนถึงกับอึ้ง

“พอเราอาบน้ำเสร็จเพื่อจะล้มตัวลงนอน ปรากฏว่าทางโรงแรมไม่ได้เปลี่ยนเตียงและผ้าปูที่นอนให้ เพราะมีเศษเส้นผมตกอยู่ใต้หมอนเยอะมาก เมื่อแจ้งพนักงาน เขากลับนำที่นอนพร้อมผ้าปูอันใหม่มาให้เราปูนอนเองกับพื้น คือเราเสียค่าที่พักคืนละเป็นหมื่น แต่กลับต้องปูที่นอนนอนกับพื้น” หญิงสาวเล่าด้วยน้ำเสียงคับแค้นใจ


สำหรับน้องนุชสุดท้องแห่งบ้านอิสสระ “ปลาเข็ม-กรัชเพชร อิสสระ” ทายาทตระกูลอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของเมืองไทย เจ้าของแบรนด์ “KEMISSARA” ที่เธอเป็นทั้งเจ้าของและดีไซเนอร์เอง สาวอาร์ตที่ตกหลุมรักการท่องเที่ยว เพื่อหาไอเดียในการสร้างสรรค์แบรนด์ ซึ่งการเดินทางแต่ละครั้งก็ใช่ว่าจะราบรื่น ที่เด็ดสุดคือ จากสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้เธอต้องติดค้างที่สนามบินในเยอรมนี 1คืนเต็ม แบบไม่มีสัมภาระใดๆ นอกจากกระเป๋าใบจิ๋วที่พกติดตัว


“เป็นประสบการณ์อันเลวร้ายที่ไม่มีวันลืม คือเข็มเดินทางไปงานแต่งงานเพื่อนที่สเปน เมืองมายอร์ก้า ตอนนั้นต้องนั่งเครื่องไปลงที่แฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เพื่อต่อเครื่องไปมายอร์ก้า แต่ปรากฏว่าสภาพอากาศเลวร้ายจนเครื่องไม่สามารถลงจอดที่แฟรงก์เฟิร์ตได้ กัปตันจึงต้องนำเครื่องไปลงอีกสนามบินหนึ่ง เพื่อรอให้อากาศดีถึงนำเครื่องบินมาลงจอดที่เดิม ปรากฏว่าตอนนั้นทั้งที่ถึงที่หมายแล้ว แต่เราก็ใช้เวลาอีก 2ชั่วโมงกว่าเครื่องจะลงจอดได้ปลอดภัย และวันนั้นเราต้องรอเที่ยวบินไปมายอร์ก้าอีก ทำให้ต้องนอนค้างโรงแรมใกล้ๆ กับสนามบินแบบไม่มีกระเป๋าเดินทาง เพราะตราบใดที่ยังไม่ถึงที่หมาย ก็จะยังนำออกมาไม่ได้ และต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมารอไฟล์ทบินไปมายอร์ก้า” ปลาเข็มแชร์ประสบการณ์ทิ้งท้าย