Celeb Online

เหยื่อไฮโซ “ต” โผล่อีกราย! “ไฮโซดาต้า” ก็โดน! โพสต์ยาว 20 ข้อ


“ไฮโซดาต้า-ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ” เหยื่อไฮโซ “ต” ออกมาโพสต์เล่าถึงเหตุการณ์ที่โดนไฮโซ “ต” หรอกอีกราย โดยมีรายละเอียดยาวถึง 20 ข้อ มีรายละเอียด ดังนี้


1.นี่ไม่ใช่เรื่องราวของความเสียหายเพียงแค่ตัวเงิน แต่คือความเสียหายทางจิตใจ จิตวิญญาณ ความรัก และความเชื่อใจ ซึ่งไม่อาจตีเป็นมูลค่าได้

2.วันนี้ข้าพเจ้าขอออกมาแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวและความเสียหายที่เกิดขึ้น ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับไฮโซ ต. ซึ่งขณะนี้มีการนำเสนอข่าวในสื่อมวลชนหลายสำนัก รวมทั้งอาจารย์ของเขา ซึ่งมีชื่อเดียวกันว่า อาจารย์ ต. เพื่อเป็นอุทาหรณ์และการเตือนภัยแก่สังคม ทั้งนี้ ข้าพเจ้าไม่มีเจตนากล่าวหา ฟันธงความผิด หรือชี้นำผลคดีของบุคคลใด การพิจารณาข้อเท็จจริงทั้งหมดเป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม

3.เนื่องจากเรื่องอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย และเคยมีการสื่อสารผ่านทนายความของฝ่ายอาจารย์ ต. ว่า จะมีการคืนทรัพย์สินและชดใช้ค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับคืนตามที่เคยสื่อสารไว้ ประกอบกับช่วงนี้ข้าพเจ้าทราบว่า มีบุคคลอื่น เช่น คุณนัท คุณขวัญ ซึ่งออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเรื่องที่ไฮโซ ต. ไม่ชำระหนี้ที่กู้ยืมไว้ และยังมีคลิปข่าวออกมาอีกว่าไฮโซ ต. เคยมีกรณีพิพาทเรื่องฮุบรีสอร์ตของน้องชาย จึงทำให้ข้าพเจ้าตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีผู้ได้รับผลกระทบมากกว่าหนึ่งราย จึงได้ตัดสินใจออกมาให้ข้อมูลในส่วนที่เป็นประสบการณ์ตรงของตน

4.ข้าพเจ้าและไฮโซ ต. รู้จักกันผ่านสำนักปฏิบัติธรรมของอาจารย์ ต. และจากความใกล้ชิดในช่วงเวลาที่เคยปฏิบัติธรรมร่วมกัน ทำให้รับรู้ว่าอาจารย์ ต. เป็นบุคคลที่ไฮโซ ต. ให้ความไว้วางใจและขอคำปรึกษาอยู่เสมอ ทั้งในเรื่องการดำเนินชีวิตและการตัดสินใจสำคัญต่างๆ

5. โดยในช่วงแรกนั้น อาจารย์ ต. มีภาพลักษณ์ของความสมถะ แต่งกายชุดขาวเรียบง่าย พูดถึงการลดละกิเลสเพื่อมุ่งสู่นิพพาน และอ้างตนว่าเป็นผู้รู้ บรรลุศาสตร์ที่ชื่อว่าการ ”สื่อจิต“ และ “ลดละกรรม” ซึ่งตนมีความสามารถในการสอนให้ลูกศิษย์แก้ไขกรรมในอดีตได้ โดยแรกๆ จะแนะนำศิษย์ใหม่ให้ใช้การนั่งสมาธิและทำความดีลดละกรรม แต่พออยู่ในสำนักไปนานวันเข้า อาจารย์จะแจ้งลูกศิษย์เก่าว่าใช้เงินทำบุญเข้าแก้กรรมดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด

6.ในช่วงแรก ทุกอย่างดูดีไปหมด ทั้งอาจารย์ ต. และไฮโซ ต. มาที่บ้านข้าพเจ้าบ่อย พูดคุยกับพ่อแม่และครอบครัว จนผู้ใหญ่ในบ้านเกิดความไว้วางใจ และมองว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนดี ข้าพเจ้ามองพวกเขาเป็นเหมือนครอบครัวทางจิตวิญญาณ

7.วันหนึ่ง อาจารย์ ต. ชักชวนข้าพเจ้าและครอบครัวให้ร่วมทำโครงการในพื้นที่เขาใหญ่ โดยอธิบายว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรมควบคู่กับที่พักแกลมปิ้ง คาเฟ่ และร้านอาหารครบวงจร เพื่อรองรับผู้มาปฏิบัติธรรม อาจารย์ ต. อธิบายว่า ต้องการให้ที่นี่เป็นพื้นที่ของผู้แสวงหาความสงบทางใจ ราคาควรเข้าถึงได้ ไม่เน้นกำไร เพราะจุดประสงค์คือให้คนเข้าถึงธรรมะ

ข้าพเจ้าเชื่อคำอธิบายดังกล่าว และตัดสินใจทุ่มทั้งเงิน แรง และเวลา โดยข้าพเจ้าและครอบครัวเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายหลักทั้งหมด ทั้งในส่วนที่ดินและการก่อสร้าง การตัดสินใจครั้งนี้ใช้ความเชื่อใจอย่างสูง พร้อมกับความรู้สึกว่ากำลังทำสิ่งที่เป็นประโยชน์นี้ร่วมกับกลุ่มคนดีๆที่ข้าพเจ้าไว้ใจอย่างแท้จริง

8.หลังจากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ ข้าพเจ้าและครอบครัวได้ดำเนินการโอนที่ดินบางส่วนไปอยู่ในชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอาจารย์ ต. โดยอาจารย์ ต. ให้เหตุผลว่า จะทำให้การดำเนินงานสะดวกขึ้น ซึ่ง ข้าพเจ้าไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใดเนื่องจากความไว้วางใจ

หลังจากนั้น สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อาจารย์ ต. และบุคคลใกล้ชิด รวมถึงไฮโซ ต. เริ่มหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับข้าพเจ้า มีพฤติกรรมหลบหน้าอย่างเห็นได้ชัด และกีดกันข้าพเจ้าจากการมีส่วนร่วมในโครงการ โดยในขณะนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้รับคำชี้แจงที่ชัดเจน หรือเป็นลายลักษณ์อักษรใดๆ ว่าเหตุใดจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

9.ในช่วงเวลาเดียวกัน ไฮโซ ต. กลับเข้ามามีบทบาทในการบริหารโครงการอย่างชัดเจน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าไม่เคยได้รับแจ้งว่า เขาเป็นผู้ลงทุนหรือรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ในโครงการเลย

10.ต่อมา ข้าพเจ้าถูกแจ้งจากอาจารย์ ต. ว่า ไม่สามารถให้ข้าพเจ้าดำเนินโครงการต่อได้ โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน มีเพียงการอ้างเหตุผลในเชิงความเชื่อทางจิตวิญญาณว่า เจตภูตหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่ไม่ยอมรับข้าพเจ้า เนื่องจากเหตุแห่งกรรมในอดีตชาติ โดยในช่วงเวลานั้น ไฮโซ ต. เป็นผู้แสดงท่าทีต่อข้าพเจ้าในลักษณะขับไล่ เช่น เข้ามาใช้ออฟฟิศแทนข้าพเจ้าโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ให้ลูกน้องมาเรียกขอฐานข้อมูลลูกค้าทั้งหมด และแสดงท่าทีเร่งรัดให้ข้าพเจ้าออกจากพื้นที่ทำงาน เพื่อที่ตนเองจะได้เข้ามาทำต่อแทน


11.ภาพสุดท้ายที่ข้าพเจ้าจำได้ คือความสับสนอย่างยิ่ง ความเสียใจอย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ และคำถามที่ดังก้องว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งที่ข้าพเจ้าทำทุกอย่างด้วยความจริงใจต่ออาจารย์และกลุ่มเพื่อนร่วมงาน ที่ข้าพเจ้าเคยมองว่ารักกันเหมือนเป็นครอบครัว รวมทั้งใจของข้าพเจ้าที่มักคำนึงถึงประโยชน์ที่จะเกิดต่อผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรมเป็นหลักอยู่เสมอ โดยไม่ได้คิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด

12.หลังจากออกจากโครงการและออกจากกลุ่มสื่อสารของสำนัก ข้าพเจ้าได้รับข้อมูลและหลักฐานบางส่วนเป็นคลิปเสียง จากบุคคลที่ได้ยินบทสนทนาที่ผิดปกติและบันทึกไว้ ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการพูดคุยและการตัดสินใจภายในของอาจารย์ ต. และไฮโซ ต. ที่ไม่เคยถูกสื่อสารกับข้าพเจ้าโดยตรง เช่น ความไม่พอใจเกี่ยวกับการตั้งราคาห้องแกลมปิ้ง และการกล่าวว่าสามารถตั้งราคาให้สูงกว่านี้ได้

นอกจากนี้ ยังมีถ้อยคำบางส่วนที่พาดพิงถึงข้าพเจ้าและบุคคลอื่นในทางที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสีย รวมถึงถ้อยคำที่ข้าพเจ้ามองว่าไม่เหมาะสมและทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย หลักฐานทั้งหมดนี้ ข้าพเจ้าได้ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนแล้ว จากข้อมูลและหลักฐานที่ได้รับ ทำให้ข้าพเจ้าเห็นว่า เหตุการณ์นี้อาจมีความซับซ้อน และไม่ใช่เพียงความเข้าใจคลาดเคลื่อนทั่วไป

13.จากประสบการณ์ส่วนตัว และจากข้อมูลที่ข้าพเจ้าได้รับฟังจากผู้ที่เกี่ยวข้องหลายราย ในขณะนั้น ข้าพเจ้าเริ่มสังเกตเห็นลักษณะความสัมพันธ์บางประการระหว่างอาจารย์ ต. และไฮโซ ต. ซึ่งดูเหมือนจะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในหลายมิติ ในส่วนของอาจารย์ ต. พบว่า มีผู้ปฏิบัติธรรมจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีฐานะ มีตำแหน่งหน้าที่ หรือมีชื่อเสียงในสังคม ถูกแนะนำให้เข้ามาปฏิบัติธรรมอย่างใกล้ชิดผ่านทางไฮโซ ต. และภรรยา โดยมีการทำบุญในนามของการ “ลดละกรรม” หรือ “แก้ไขกรรมในอดีต” โดยบุคคลบางรายในสำนักในขณะนั้น ได้เคยให้ข้อมูลกับข้าพเจ้าว่า มีการทำบุญในจำนวนเงินที่สูงตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาท และในบางกรณีมีมูลค่าสูงถึงหลายสิบล้านบาทต่อครอบครัว

ในขณะเดียวกัน ข้าพเจ้าได้รับข้อมูลว่า อาจารย์ ต. มักกล่าวถึงไฮโซ ต. ในลักษณะที่ทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมบางรายเกิดความเชื่อมั่นว่า การลงทุนหรือการร่วมทำธุรกิจกับไฮโซ ต. จะนำมาซึ่งความก้าวหน้าทางการเงินหรือผลตอบแทนที่ดีในอนาคต เนื่องจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์กำลังสนับสนุนธุรกิจของไฮโซ ต. อยู่

จากข้อมูลที่ข้าพเจ้าได้รับ มีบุคคลบางรายตัดสินใจลงทุนกับไฮโซ ต. ภายหลังจากได้รับคำแนะนำหรือการกล่าวถึงในลักษณะดังกล่าว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ข้าพเจ้าได้ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนแล้ว เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
14.ข้าพเจ้าและผู้ที่ได้รับผลกระทบรายอื่นจึงได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในกระบวนการดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อมูลกับข้าพเจ้าว่า อาจารย์ ต. เป็นผู้ต้องหาคดีอื่นที่ยังไม่ถึงที่สุด และจากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในระบบ ปรากฏว่ามีประวัติไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน ไม่เข้าฟังการพิจารณาของศาล และไม่สามารถติดตามตัวได้มาเป็นระยะเวลาหลายปี นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ให้ข้อมูลกับข้าพเจ้าว่า อาจารย์ ต. เคยมีสถานะทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการล้มละลายในอดีต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ข้าพเจ้าไม่เคยรับทราบมาก่อน และขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับภาพของครูทางจิตวิญญาณ ที่ข้าพเจ้าเคยรู้จักและศรัทธา

15.ในส่วนของภรรยาของอาจารย์ ต.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งกับข้าพเจ้า ในขณะนั้น ว่าในทางทะเบียนราษฎร์มีข้อมูลปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวเคยถูกแจ้งสถานะการ “เสียชีวิต” ซึ่งทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ว่าเหตุใดภรรยาของอาจารย์ ซึ่งข้าพเจ้าพบเจออยู่เป็นประจำ จึงมีสถานะ ”เสียชีวิต“ ปรากฏอยู่ในทะเบียนราษฎร์

16.ภายหลังจากนั้นไม่นาน ข้าพเจ้าได้พบการนำเสนอข่าวในสื่อมวลชนเกี่ยวกับคดีการแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จต่อบริษัทประกัน ซึ่งมีการเผยแพร่ภาพการจับกุมผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวอย่างชัดเจน จากภาพข่าวและรายละเอียดที่ปรากฏในช่วงเวลานั้นทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจว่า “บุคคลที่ถูกจับกุมในข่าวนั้น เป็นบุคคลเดียวกับอาจารย์ ต. ซึ่งข้าพเจ้าเคยรู้จัก” เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ข้าพเจ้าตกใจอย่างมาก เนื่องจากสอดคล้องกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งไว้กับข้าพเจ้าก่อนหน้านั้น

17.ข้าพเจ้าจึงตั้งคำถามกับตนเองมาตลอดว่า เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับ อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และอาจเคยมีผู้เสียหายรายอื่นที่ประสบเหตุการณ์คล้ายข้าพเจ้าก็เป็นได้ และในวันนี้เมื่อข้าพเจ้าเห็นว่ามีผู้เสียหายรายอื่นทยอยออกมา และรูปแบบของเหตุการณ์มีความคล้ายคลึงกัน ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจออกมาเล่า เพื่อให้สังคมได้ตั้งคำถาม และใช้ความระมัดระวังมากขึ้น

18.จากประสบการณ์ราคาแพงครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่า ความไว้วางใจที่ขาดซึ่งการตรวจสอบ ความศรัทธาที่ขาดซึ่งปัญญา อาจเป็นพื้นที่ที่ทำให้มนุษย์เสี่ยงได้มากที่สุด เมื่อเราเชื่อใจใครมากๆ เราอาจหยุดตั้งคำถาม และมอบทั้งเงิน ความไว้วางใจ และชีวิตส่วนหนึ่งให้กับเขาโดยไม่รู้ตัว การเจอกันในสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือการมีภาพลักษณ์ทางสังคมที่ดูดี แม้แต่การมีนามสกุลที่มีชื่อเสียง ไม่ควรเป็นเหตุให้ละเลยการตรวจสอบ โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับเงิน ที่ดิน ทรัพย์สิน หรือการลงทุนใดๆ ก็ตาม

19.สิ่งที่สูญเสียไป ไม่ใช่เพียงเงินจำนวนมาก แต่คือความรู้สึกว่าเราเคยเชื่อใจคนผิด และปล่อยให้ความศรัทธานำทางมากเกินไป จนไม่สมดุลกับการใช้สัญชาตญาณและปัญญาของตนเอง หากเรื่องราวที่ข้าพเจ้าออกมาแบ่งปัน จะช่วยให้ใครสักคนหยุดคิด ตั้งคำถาม หรือรอดพ้นจากสิ่งที่ข้าพเจ้าเผชิญ การออกมาพูดครั้งนี้ก็มีความหมายแล้ว

20.เรื่องราวทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของข้าพเจ้า รายละเอียด เอกสาร และพยานหลักฐาน ข้าพเจ้าได้ส่งมอบให้พนักงานสอบสวนแล้ว และพร้อมให้ความร่วมมือกับกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่

ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ
๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๘