ไซโก (SEIKO) หนึ่งในผู้นำแห่งอุตสาหกรรมนาฬิกาชั้นนำระดับโลก นำทีมโดย ฮิโรยูกิ อาคาชิ จัดงานเปิดตัว ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัวแคมเปญภายใต้คอนเซ็ปต์ “Keep Going Forward” ไม่สิ้นสุด ถ้าไม่หยุดไปต่อ ที่ตอกย้ำความมีสปิริต จิตวิญญาณ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆอย่างไม่หยุดยั้งของนาฬิกาดำน้ำ ไซโก พรอสเปกซ์ นอกจากนี้ยังได้นำนาฬิกาดำน้ำคอลเลคชั่นเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปีสุดเพิเศษอย่าง Hi-beat Diver’s 300m, 62MAS 150m และ Professional Diver’s 600m ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาในตำนานปี 1965-1975 ปิดท้ายด้วยการแสดง Popping Dance ที่พรีเซนต์ตัวแคมเปญ Keep Going Forward ออกมาได้อย่างลงตัว
ในปี 2020 นี้ ไซโกได้ก้าวเข้าสู่ปีแห่งความยิ่งใหญ่เฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปีนาฬิกาดำน้ำ พรอสเปกซ์ โดย ไซโก (ประเทศไทย) ได้เลือกหนุ่มซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ของไซโก (ประเทศไทย) ต่อจาก อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Keep Going Forward” “ไม่สิ้นสุดถ้าไม่หยุดไปต่อ” ซึ่งหยิบเอาอัตลักษณ์ของพรอสเปกซ์ ทั้งสปิริต จิตวิญญาณ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆอย่างไม่หยุดยั้งมาเป็นไอเดียของคอนเซปต์หลัก ซึ่งตัวซันนี่เองก็เป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีความทุ่มเท ฝึกฝนในการแสดงอย่างต่อเนื่องจากบทบาทที่ได้รับ โดยการันตีได้จากรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมากมายจากหลายเวที และยังคงทุ่มเท พัฒนาเพื่อต่อยอดในการแสดงต่อไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะไม่หยุดพัฒนาในแบบเดียวกัน ไซโกจึงเลือกซันนี่มาเป็นตัวแทนของแบรนด์ เพื่อที่จะนำเสนอจิตวิญญาณของความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้เดินหน้าขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาตัวเองตามสโลแกน “Keep Going Forward”
ไฮไลท์ของงานที่ได้รับความสนใจไม่แพ้หนุ่มซันนี่ก็คือการกำเนิดใหม่อีกครั้งของนาฬิกาดำน้ำในตำนานอย่าง 1968 Hi-beat Diver’s 300m, 1965 62MAS 150m และ 1975 Professional Diver’s 600m ที่ยังคงเอกลักษณ์ของดีไซน์ดั้งเดิมไว้ แต่ยังได้รับการรังสรรค์ดีไซน์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติเฉพาะและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทางทีมงานได้ใช้เกรดของ สเตนเลสสตีลที่ใช้ในโครงสร้างของนาฬิกาทั้งสามเรือน ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Ever-Brilliant Steel ของ Seiko สตีลเกรดใหม่นี้ยังทนต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่าเหล็กกล้าที่ใช้ในนาฬิการะดับสูงเกือบทุกรุ่นในปัจจุบัน และเป็นการนำมาใช้เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาสำหรับผลิตตัวเรือนของรุ่น 1965 re-creation และ 1968 re-creation และใช้ผลิตขอบตัวเรือนของรุ่น 1975 re-creation ส่วนตัวเรือนเหมือนกับรุ่นต้นฉบับ คือทำจากไทเทเนียม วัสดุบุด้านในสลักเกลียวพร้อมด้วยน๊อต และชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ใช้ในโครงสร้างของเรือและเรือดำน้ำ เพื่อหลีกเลี่ยงการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคลอไรด์ เช่น น้ำทะเล รวมถึง Ever-Brilliant Steel ที่ถูกกำหนดให้เป็นระดับความทนทานใหม่ของนาฬิกาดำน้ำคอลเลคชั่นนี้ ในรุ่น 1965และ 1968 re-creation ขับเคลื่อนด้วยกลไกความถี่สูง คาลิเบอร์ 8L55 และรุ่น 1975 re-creation บรรจุกลไก คาลิเบอร์ 8L35 ทั้งสองกลไกได้รับการพัฒนาและประกอบขึ้นสำหรับนาฬิกาดำน้ำโดยเฉพาะที่ Shizukuishi Watch Studio ทั้งสามรุ่นผนึกด้วยคริสตัลแซฟไฟร์พร้อมเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนบนพื้นผิวด้านใน สำหรับ 1975 re-creation เพิ่มความต้านทานสนามแม่เหล็กให้สูงขึ้นถึง 40,000 a/m