“ความร่วงโรยแห่งวัย” สิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มักเกิดจากหลายปัจจัย อาทิ อายุที่เพิ่มขึ้น ความเครียด แสงแดด มลภาวะ การถูกทำลายจากรังสียูวี พฤติกรรมการกิน-ดื่ม-สูบ รวมไปถึงปัจจัยภายในอย่าง โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) หรือ ‘ฮอร์โมนแห่งความหนุ่มสาว’ ที่ค่อยๆ ลดลง ‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงสุรีย์รัตน์ ศรีตั้งรัตนกุล แนะ “เทคนิคย้อนเวลาผิวเพื่อคืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ” กับผลิตภัณฑ์ ‘เฟเชียล เซรั่ม’, ‘เอจ อินเวอร์ชั่น เฟซ ครีม’ , ‘เอจ อินเวอร์ชั่น อาย เซรั่ม’ และ ‘แฮนด์ ครีม” ร่วมกับเซเลบริตี้สาว อรชุมา ดุรงค์เดช, วันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ และ กรุณา วัจนะพุกกะ ที่มาเผยเทคนิคดูแลสุขภาพผิวให้อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติตามแบบฉบับของตนเอง
แพทย์หญิงสุรีย์รัตน์ ศรีตั้งรัตนกุล แนะเทคนิคย้อนเวลาผิวเพื่อคืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติว่า “ความร่วงโรยของผิวสามารถเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ โดยแสดงออกเด่นชัดในรูปแบบของความหยาบกร้าน ริ้วรอยร่องตื้น (Fine line) ริ้วรอยร่องลึก (Wrinkle) ความเหี่ยวย่น ความหย่อนคล้อย สีผิวไม่สม่ำเสมอ ฯลฯ การเกิดความร่วงโรยของผิวขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ได้แก่
– ปัจจัยภายใน การเสื่อมสภาพจากการเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดจากอายุ พันธุกรรม ความเครียด และฮอร์โมน ส่งผลให้กระบวนการผลิตคอลลาเจน (Collagen) ใต้ผิวลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยต่างๆ รวมถึงกระบวนการทำงานต่างๆ ของเซลล์ผิวก็ลดลงด้วย
– ปัจจัยภายนอก การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังที่เกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร อาทิ ริ้วรอยที่เกิดจากรังสียูวีในแสงแดด (Photo aging) ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น แห้งกร้าน รวมถึงการเกิดความผิดปกติของเม็ดสี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ มลภาวะ การแต่งหน้า การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้สารเสพติด ก็มีส่วนเร่งทำให้เซลล์ผิวเกิดการเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ (Reactive Oxygen Species) ร่างกายจึงสูญเสียความสามารถในการซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังด้วยตัวเอง ทำให้เม็ดสีผิวทำงานผิดปกติ เกิดรอยเหี่ยวย่น ฝ้า กระ และจุดด่างดำ
เราสามารถเตรียมตัวป้องกันและชะลอไม่ให้ผิวเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควรได้ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เน้นการดูแลผิวแบบล้ำลึก (Deep nourishment) ที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูและชะลอการเสื่อมสภาพของผิวได้ ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้าน และการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin), น้ำมันรำข้าว (Rice Bran Oil) อุดมด้วยกรดไขมันที่เป็นประโยชน์, วิตามิน อี และสารแกมม่าออริซานอล (Gamma-Oryzanol) มอบความชุ่มชื้นพร้อมคุณสมบัติเป็นสาร Anti-oxidant ทรงประสิทธิภาพ ปกป้องผิวจากมลภาวะ, สารสกัดจากใบบัวบก(Centella extract) เสริมประสิทธิภาพในกระบวนการสังเคราะห์คอลลาเจน และโครงข่ายผิว, สารสกัดจากหัวปลี (Banana flower extract) กระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจน และคืนความยืดหยุ่นสู่ผิวเป็นต้น
สำหรับคนที่มีปัญหาผิวอย่างริ้วรอยหรือความไม่สม่ำเสมอของสีผิว อาจใช้ไพรเมอร์ (Primer) ก่อนการทาครีมรองพื้น เพื่อช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน ปกปิดริ้วรอยและช่วยให้รูขุมขนดูตื้นขึ้นได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้แป้งหรือเครื่องสำอางที่ผสมชิมเมอร์ เพราะทำให้ผิวเป็นประกายแวววาว ซึ่งเป็นการเน้นให้เห็นริ้วรอยชัดเจนขึ้น
ด้านโภชนการควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ (Anti-oxidant) อย่างวิตามินซี วิตามินอี แคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) และฟีนอล (Phenols) ซึ่งมีส่วนช่วยปกป้องความเสียหายของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ (Free Radicals) พบได้มากในผักที่มีสีสันอย่าง บร็อคโคลี มะเขือเทศ ฟักทอง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ (Berries) ธัญพืชขัดสีน้อย และถั่วชนิดต่างๆ ควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป สามารถคำนวณได้จากน้ำหนักตัว (ก.ก.) x 33 =… ซีซี (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 4 แก้ว) เนื่องจากน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของเซลล์ในร่างกาย หากเซลล์ผิวขาดน้ำ ก็จะทำให้ผิวแห้ง เกิดริ้วรอย และอักเสบได้ง่าย
ด้านพฤติกรรมการแสดงออกทางอารมณ์ผ่านใบหน้าอย่างการหัวเราะหรือขมวดคิ้ว หากทำซ้ำบ่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าถูกกดทับจนนำไปสู่ปัญหาการเกิดริ้วรอยหรือร่องลึกบนผิวหน้า นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควรออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 7-9 ชั่วโมง รวมถึงหาวีธีผ่อนคลายความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การเล่นโยคะ การฝึกสมาธิ เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันและชะลอความร่วงโรยของผิวก่อนวัยได้แล้วค่ะ”
อรชุมา ดุรงค์เดช คุณแม่ลูกแฝดเผยว่า “เมื่ออายุเข้าเลข 4 สังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ผิวมีความแห้งกร้าน หย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยได้ง่ายมาก โดยเฉพาะบริเวณผิวหน้า ผิวรอบดวงตาและมือ แต่เฟย์ก็ไม่เคยกังวล เพราะเฟย์ให้ความสำคัญกับดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมตามช่วงวัยมาตลอด ทั้งการเลือกรับประทานอาหาร การพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูสภาพผิวอย่างผิวหน้าเฟย์เลือกใช้ เฟเชียล เซรั่ม เพื่อรับมือกับปัญหาความร่วงโรยแห่งวัยโดยเฉพาะ หลังการใช้สังเกตุได้ว่าริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้น ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ส่วนการดูแลสุขภาพผิวมือก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยจะเลือกใช้ อะโรมาติก วู๊ด แฮนด์ ครีม ในการบำรุงและรักษาสมดุลความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส เพราะผิวบริเวณมือก็สามารถฟ้องอายุของเราได้หากละเลยการบำรุง”
ถัดมาที่นักธุรกิจสาว วันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ กล่าวว่า “ในแต่ละวันแคทต้องดูแลธุรกิจของตัวเอง และต้องดูแลลูกๆ โดยเฉพาะช่วงที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ผิวต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำ สังเกตุเห็นได้ชัดเลยว่าผิวของเราเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และหมองคล้ำได้ง่าย บวกกับการที่อายุเพิ่มมากขึ้นระดับคอลลาเจนของผิวก็จะลดลงไปตามกาลเวลา แต่แคทก็จะมีเคล็ดลับการดูแลผิวให้อ่อนเยาว์อยู่เสมอด้วยการเลือกใช้ เฟเชียล เซรั่ม และ เอจ อินเวอร์ชั่น เฟซ ครีม ในการดูแลเรื่องปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิว ร่วมกับการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ เน้นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หาเวลาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ฝึกบริหารจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เพียงเท่านี้ก็สามารถชะลอความร่วงโรยก่อนวัยได้แล้ว”
ปิดท้ายที่สาวรักสุขภาพ กรุณา วัจนะพุกกะ เล่าว่า “เมื่ออายุมากขึ้นหญิงก็จะกังวลเกี่ยวกับปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อยของผิวทั้งผิวหน้าและผิวกาย ดังนั้นหญิงจึงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองในทุกๆ ด้าน เน้นการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ทั้งโยคะ คาร์ดิโอ เพื่อช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ และสร้างความกระชับให้ผิว รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดปัญหาริ้วรอยของผิวหน้าด้วย เอจ อินเวอร์ชั่น เฟซ ครีม ควบคู่กับ เอจ อินเวอร์ชั่น อาย เซรั่ม ที่ช่วยดูแลผิวรอบดวงตา นอกจากจะช่วยลดความหมองคล้ำของผิวรอบดวงตาแล้ว ยังช่วยลดอาการบวมของถุงใต้ตาได้อีกด้วย โดยหลังการทาผลิตภัณฑ์ก็จะนวดเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เซรั่มทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”